ตอนที่ 6

1050 Words
“หนูหวันล่ะ พ่อตะวัน” กรรณิการ์เอ่ยถามหาลูกสะใภ้สุดที่รักกับลูกชายทันทีที่เห็นชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร “อยู่บนเตียงครับ” เขาตอบและก็หย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ตัวประจำ สีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมา “แล้วทำไมไม่ปลุกน้องมากินข้าวเช้าพร้อมกันด้วยล่ะพ่อตะวัน” “หึ น่าจะยังลุกไม่ขึ้นหรอกครับ” “ดูพูดเข้าพ่อตะวัน” คนเป็นแม่ยิ้มเขินๆ และคิดไปไกล “ก็ผมพูดความจริงนี่ครับ” ชายหนุ่มหยิบขนมปังใส่ปาก เคี้ยวเงียบๆ “นี่แกคงไม่ให้น้องได้หลับได้นอนเลยล่ะสิ” กรรณิการ์แซวลูกชาย “ไหนบอกไม่รักไม่ชอบ ฝืนใจแต่งไงล่ะ” กล้าตะวันละสายตาจากแก้วนมขึ้นสบประสานกับดวงตาของมารดา “จะถามผมอีกกี่ครั้ง ผมก็ยังรู้สึกกับหวันยิหวาเหมือนเดิม นั่นก็คือเกลียดขี้หน้าครับ” “เกลียด แต่เมื่อคืนแกก็นอนกับหนูหวันไม่ใช่เหรอ อย่ามาปากแข็งหน่อยเลย มันต้องมีหวั่นไหวบ้างล่ะ” ชายหนุ่มหัวเราะเยาะหยัน ความทรงจำเมื่อคืนย้อนกลับเข้ามาในหัวอย่างชัดเจน แม้ร่างกายสาวสดของหวันยิหวาจะทำให้เขาเสียวซ่านจนน้ำแตกไปหลายรอบ แต่เขาก็ยังคงเกลียดหล่อนอยู่ดี “ก็ในเมื่อผมเสียเวลา เสียโอกาส และเสียทุกอย่างในชีวิตไปเพราะหวันยิหวา ผมก็ต้องหาประโยชน์จากความสัมพันธ์นี้บ้างสิครับ” ท่าทางเย็นชา และคำพูดเลือดเย็นของลูกชายทำให้กรรณิการ์อดสงสารหวันยิหวาไม่ได้ “อย่าไปพูดแบบนี้ให้หนูหวันได้ยินเชียวนะพ่อตะวัน” “คงไม่ทันแล้วล่ะครับ เพราะผมทั้งพูด ทั้งทำให้หวันยิหวารู้ว่า ผมเกลียดเธอแค่ไหน และที่ผมยอมแต่งงานด้วยก็เพราะผมขัดคำสั่งคุณแม่ไม่ได้เท่านั้นเอง” “แต่หนูหวันรักลูกนะ” “คนเรามีสิทธิ์รักใครก็ได้ครับ แต่ไม่มีสิทธิ์บังคับให้คนอื่นมารักตอบ” คนเป็นแม่กระแทกลมหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายกับทีท่าเย็นชาของลูกชาย “สักวันลูกจะรู้ว่าหนูหวันเป็นคนดี” “ไม่มีคนดีที่ไหนจัดฉากอยู่บนเตียงกับผู้ชายเพื่อทำให้เขาเลิกกับแฟนหรอกครับ” “นั่นมันความคิดของแม่เอง แผนของแม่เองด้วย หนูหวันก็แค่ให้ความร่วมมือ” “คุณแม่อย่ามากางปีกปกป้องหวันยิหวาเลยครับ เพราะในสายตาของผม ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจ ไม่มีความดีแม้แต่นิดเดียว” “อ๋อ แล้วแม่ดาราดังนั่น เป็นคนดีว่างั้น” กรรณิการ์ย้อนลูกชายอย่างหมั่นไส้ “ในสายตาของผม ฟ้าเป็นคนดี และก็เป็นผู้หญิงที่ผมรักมากครับ” “ตามใจ แต่สักวันลูกจะรู้ว่าแม่ดาราคนดีของลูกเนี่ย ซ่อนความเน่าเฟะเอาไว้ข้างในมากแค่ไหน” กล้าตะวันส่ายหน้าไปมา “ไม่มีวันนั้นหรอกครับ เพราะฟ้าเป็นคนดี” “แม่จะคอยดู!” กล้าตะวันไม่อยากโต้เถียงกับมารดาอีก จึงเปลี่ยนเรื่องคุย “แล้วนี่คุณพ่อไปไหนซะล่ะครับ” “ออกไปประชุมกับสมาคมผู้ค้ายางพาราน่ะ กว่าจะกลับคงบ่ายๆ นั้นแหละ” ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นลงเล็กน้อยเป็นเชิงตอบรับ และก็ตั้งหน้าตั้งตากินอาหารเช้าต่อไปเงียบๆ ในขณะที่มีสายตาหมั่นไส้ของมารดาจ้องมองหลายครั้ง “แม่อยากเห็นวันที่ลูกวิ่งตามง้อขอความรักจากหนูหวันจริงๆ เลย” “ผมบอกคุณแม่แล้วนี่ครับ ว่าวันนั้นจะไม่มีวันมาถึงแน่นอน” ชายหนุ่มพูดขึ้นด้วยความมั่นอกมั่นใจ เพราะตอนนี้เขาไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษอะไรกับหวันยิหวาเลยสักนิด แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ชายคนแรกของหล่อนก็ตาม “ลำไย ไปดูคุณหวันหน่อยสิว่าตื่นหรือยัง” กรรณิการ์หันไปสั่งเด็กรับใช้ที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่ภายในห้องอาหาร “ค่ะ คุณผู้หญิง” เมื่อสาวใช้เดินออกไปจากห้องอาหารแล้ว กรรณิการ์ก็หันมากำชับลูกชาย “เวลาหนูหวันลงมา ลูกก็พูดจาดีๆ กับน้องหน่อยเข้าใจไหม พ่อตะวัน” ไหล่กว้างของกล้าตะวันไหวน้อยๆ อย่างไม่สนใจในคำพูดของมารดา "นี่อย่ามาทำยียวนใส่แม่นะพ่อตะวัน แม่ขอร้องก็ทำแบบที่แม่ขอด้วย เข้าใจไหม” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบประสานสายตากับดวงตาดุๆ ของมารดา “ผมจะพยายามก็แล้วกันครับ” “ไม่ใช่แค่พยายาม ลูกต้องทำให้ได้ อย่าลืมสิว่าตอนนี้หนูหวันเป็นเมียของลูกแล้ว ทั้งนิตินัยและพฤตินัย” กล้าตะวันยังคงไหวไหล่กว้างอย่างไม่สนใจไยดี “แล้วไงครับ” “เอ๊ะ ไอ้ลูกคนนี้นี่ ก็ลูกเป็นสามีก็ต้องปฏิบัติกับภรรยาดีๆ ห้ามพูดจาไม่ดีกับหนูหวันเด็ดขาด” กล้าตะวันอ้าปากจะค้านมารดา แต่ลำไยสาวใช้ก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาเสียก่อน “คุณผู้หญิงแย่แล้วค่ะ” “เกิดอะไรขึ้นเหรอลำไย ทำไมหน้าตาตื่นเชียว มีอะไร” “คือ... คือว่าหนูไปเคาะเรียกคุณหวันที่ห้อง แต่คุณหวันไม่ตอบ หนูเคาะต่ออีกสักพักก็ยังเงียบอีก หนูเลยเอะใจเปิดประตูเข้าไปค่ะ” “เล่าสิ จะหยุดทำไมแม่ลำไย” กรรณิการ์ถามต่อด้วยน้ำเสียงร้อนใจ “หนูเจอคุณหวันเป็นลมล้มอยู่ข้างเตียงค่ะ หนูเข้าไปเรียกก็ยังไม่รู้สึกตัวเลยค่ะ” “ตายแล้ว พ่อตะวัน ขึ้นไปดูเมียลูกสิ” กรรณิการ์หันไปสั่งลูกชาย ซึ่งเขายังคงนั่งกัดขนมปากนิ่งเฉยอยู่ “มารยาอีกแหละครับคุณแม่ อย่าไปเชื่อเลย มุกเก่าๆ แบบนี้ ผมเจอมาหลายครั้งแล้ว” กล้าตะวันยังจำครั้งที่หวันยิหวาหลอกให้เขาไปหา และแกล้งป่วยได้ขึ้นใจ “แต่ครั้งนี้หนูว่าคุณหวันไม่ได้แกล้งนะคะ เพราะตอนหนูจับตัวคุณหวัน ตัวเธอร้อนยังกับไฟเลยค่ะ ร้อนมาก” สาวใช้ย้ำออกมาอีกครั้ง และนั่นก็ยิ่งทำให้กรรณิการ์เป็นห่วงลูกสะใภ้มาก ซึ่งกล้าตะวันก็ชะงักไปเช่นกัน “พ่อตะวัน ขึ้นไปดูหนูหวันกันเร็วเข้า” กรรณิการ์รีบวิ่งออกไปจากห้องอาหารเป็นคนแรก โดยมีสาวใช้เดินตามหลังมา และกล้าตะวันเดินตามมาเป็นสุดท้าย “จะมาไม้ไหนอีกเนี้ย หวันยิหวา” เขาส่ายหน้าไปมา และยังไม่อยากเชื่อ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD