ตอนที่ 1
กรุงเทพมหานคร...
KA-PRAO TALK
“กะเพรา! ตื่นหรือยัง”
“ตื่นแล้วค่ะ”
อันยองฉันชื่อปัทมา ชื่อเล่นกะเพรา อายุ 18 ปี ส่วนคนที่เรียกเมื่อครู่คุณนายอมรศรีแม่ฉันเอง เราอาศัยอยู่ในบ้านหลังไม่ใหญ่และไม่เล็ก ฉันอยู่กับแม่สองคน มีพี่ชายหนึ่งคนชื่อกราฟอยู่ที่บ้านไร่ต่างจังหวัดกับนายวรเทพ พ่อของฉันเองแหละ ท่านทั้งสองแยกทางกันแต่จากกันด้วยดีปัจจุบันยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
“กว่าจะลงมาได้นะเรา เมื่อคืนนอนดึกล่ะสิ”
“ก็หนูอ่านหนังสือเตรียมสอบนี่คะ”
"วันนี้สอบวันสุดท้ายใช่ไหมลูก" แม่ตักข้าวเช้ามาวางตรงหน้าก่อนจะเอ่ยถามเรื่องสอบ
"ใช่ค่ะแม่ วิชาสุดท้ายมันยากสุด ๆ" ฉันทำหน้าหงิกก่อนจะตักข้าวเข้าปาก
"เลือกแล้วยังว่าจะเรียนคณะอะไร"
“อืม” พ่ออยากให้ฉันเรียนคณะเกษตรศาสตร์เพราะที่บ้านปลูกกาแฟและองุ่นส่งออกนอก
“คิดนานแบบนี้ คงเลือกคณะที่พ่ออยากให้เรียนอยู่ล่ะสิ”
“ค่ะแม่ หนูคิดแบบนั้น”
“ดีแล้วลูก พ่อเขาคงอยากได้คนไปช่วยงานที่ไร่”
“หนูก็คิดไว้แหละแม่ ว่าจะเรียนตามที่พ่อขอ”
“ก็ดี จะได้ไปช่วยพี่ชายเราที่ไร่ ยิ่งขี้บ่นอยู่ด้วย” ตอนที่พ่อกับแม่ตัดสินใจแยกทางกันก็ให้พวกเราเลือกว่าจะอยู่กับใคร ฉันมากับแม่เพราะไม่ติดพ่อ ส่วนพี่กราฟไม่ติดแม่เลยเลือกไปอยู่กับพ่อ
“ไม่บ่นหรอกค่ะ หนูเพิ่งคุยกับพี่กราฟเมื่อคืนนี่เอง”
“จ้า รีบทานเถอะลูกประเดี๋ยวจะสายเอา”
จากนั้นแม่ก็ลุกเข้าไปในครัวส่วนฉันก็นั่งทานอาหารเช้าจนหมด อาหารเช้ามันเป็นมื้อที่สำคัญโดยเฉพาะคนโง่ๆ อย่างฉันจำเป็นต้องทาน ยิ่งวิชาที่สอบวันนี้แล้วบอกเลยหินสุด ๆ ถ้าไม่ผ่านก็สอบใหม่ ก็แน่ละสอบรอบเดียวผ่านไม่ใช่คนอย่างฉันหรอก
“แม่หนูไปเรียนแล้วนะตอนเย็นเจอกัน” ฉันตะโกนแหกปากอยู่หน้าประตูบ้าน ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันแทนที่จะเดินเข้าไปในครัวแล้วบอก กลับเลือกร้องตะโกนบอกซะงั้น ก็เนี่ยแหละตัวฉันอีกะเพรา ผู้สะเพร่าและสเลอ
ขาเรียวคู่งามเดินทอดน่องไปตามทาง ทว่าฉันเลี้ยวมาอีกซอย ถนนเส้นนี้ฉันเดินผ่านมันทุกวัน ไม่ใช่เพราะเกิดและโตที่นี่หรอกนะ ทว่าเพราะพี่คิมหันต์ต่างหากล่ะที่ฉันสนใจ พี่เค้าหล่อแบดมากอีกอย่างเขาคือฮีโร่ในดวงใจของฉันด้วย
"ฮีโร่ของหนู" ฉันยืนอมยิ้มมองพี่คิมหันต์ที่กำลังสั่งงานลูกน้องอยู่ ร้านนี้หล่อทุกคนโดยเฉพาะเจ้าของค่ะ อันนี้ฉันลำเอียงเองแหละ
"มัวแต่มองผู้ชาย" เสียงนี้ที่เรียกชื่อฉันขัดหูจริง ๆ
“จะไม่ขัดสักวันจะตายใช่ไหมเนี่ย”
"ก็แกแรดแต่เช้า” เนี่ยผัดขิงเพื่อนสนิทของฉันเองบ้านมันอยู่ถัดไปสองซอย แม่ของเราสองคนเป็นเพื่อนกัน แน่นอนว่าต้องสนิทสนมยันรุ่นลูก
"เรียกเบา ๆ ก็ได้ไหม จะแหกปากทำไม"
"ไปหาที่บ้าน เเม่แกบอกว่าออกมาแล้ว ที่แท้ก็" อีนี่มันแสนรู้ไปทุกอย่าง แม้แต่เรื่องที่ฉันแอบมองพี่คิมหันต์มันก็รับรู้เช่นกัน
“ได้แค่มองละวะ พี่เขามีแฟนแล้ว” ฉันรีบหันขวับไปมองเพื่อนรักอยากจะตีปากมันจริง ๆ
"พูดมากไปแล้ว ตื่นสายอีกสินะตาบวมมาเชียว"
"รู้ดีอีกแล้วอีเพื่อนรักคนนี้" มันไม่แค่พูดแถมยื่นมือมาหยิกแก้มของฉันทั้งสองข้างอีก
"เจ็บจะหยิกแก้มทำไมเนี่ย ไปได้แล้วเดี๋ยวสาย" ฉันเอ็ดเพื่อนตัวดีก่อนจะสาวเท้ายาว ๆ ไปที่ป้ายรถเมย์ ซึ่งมันก็ไม่ได้ผ่านทางนี้หรอก ฉันอยากเดินผ่านหน้าร้านพี่คิมหันต์ก่อนไปเรียนน่ะ
"โคตรลงทุนเลยอีเพื่อนคนนี้ ไม่ไปขอกำลังใจจากพี่เขาล่ะ วันนี้แกสอบวันสุดท้ายด้วยนะ" อืมความคิดของเพื่อนคนนี้เข้าท่า แต่มันติดตรงที่ฉันไม่กล้าเนี่ยน่ะสิ เฮ้อ! กว่าพี่เขาจะตอบมาแต่ละคำ ทำฉันหน้าเจื่อนไปหลายรอบแล้ว
“ถ้าไม่กล้าก็ไปกันเถอะ” ผัดขิงมันว่าแบบนั้น
"เอาวะ! ไม่ลองมันก็ไม่รู้ หน้าด้านหน่อยอีกะเพรา" ฉันเรียกความมั่นใจ ฮึกเหิมให้ตัวเองก่อนที่จะสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ และผ่อนมันออกมาเฮือกหนึ่ง
"เดี๋ยวฉันจะทำเป็นเดินผ่านก่อน แล้วไปรอตรงเสาร้านของชำนะส่วนแกก็..." ก่อนจะหันไปมองพี่คิมหันต์ เอาเป็นว่าเราสองคนเข้าใจตรงกัน ฉันเดินมาหยุดอยู่หน้าร้านพี่คิมหันต์แล้ว ซึ่งพี่เขาเองก็ยืนหันหลังมองลูกน้องทำงาน ระหว่างนั้นเอง...
"เฮียคิมครับ มีคนมาหาด้านหลังครับ" อ้าวดันมีลูกน้องของพี่คิมหันต์เห็นฉันก่อน พี่เขาค่อย ๆ หันหาก่อนจะขมวดคิ้วเป็นปมเชิงสงสัย?!
"มีอะไร ไม่เห็นหรือไงว่าคนกำลังยุ่ง" ฉันสะดุ้งเมื่อพี่เขาเอ่ยทักทายด้วยคำพูดที่ค่อนข้างจะไพเราะมั้ง หยาบคายเอาเรื่องเชียว
"เออคือว่าหนู เออคือ" ฉันอึกอักยิ้มแห้ง ๆ ทำตัวไม่ถูกเพราะพี่คิมหันต์ดันยืนจ้องหน้ากัน ซึ่งมันก็เกร็งน่ะสิ
“อ้ำอึ้ง ถ้าไม่พูดก็รีบไสหัวไป”
“โหย ใจร้ายจัง” ฉันรีบต่อว่าเขาทันที
“เธอว่าไงนะ ยัยเด็กบ้ารีบ ๆ ไปโรงเรียนซะ” พูดเสร็จพี่เขาก็หันหลังกลับไปสนใจลูกน้องต่อ ส่วนฉันก็หน้าหง่อยเป็นหมาเลย ก่อนจะพูดลอย ๆ ออกไปว่า
"แค่อยากมาขอกำลังใจก่อนสอบ" จากนั้นฉันก็หันหลังกลับเดินคอตกออกไปจากหน้าร้านพี่คิมหันต์ทันที แต่ทว่า...
"งั้นก็ตั้งใจสอบล่ะ" ขาฉันหยุดชะงักหูได้ยินว่าพี่คิมหันต์บอกว่าให้ตั้งใจสอบ หรือฉันหูแว่วไปเองกันนะ
"คะ? พี่คิมพูดกับหนูเหรอคะ" ฉันฉีกยิ้มจนเห็นฟันเรียงสวยทุกซี่ ส่วนพี่คิมหันต์ก็ไม่ได้สนใจอะไรเดินเข้าไปด้านในเฉยเลย ฉันอ้าปากพะง้าบ ๆ ค้างอยู่บนนภา
"กรี๊ดดีใจที่สุด พี่คิมบอกให้ตั้งใจสอบ" ฉันกรีดร้องกระโดดดีใจใหญ่เลย จนพี่ ๆ แถวนั้นต่างหันมามองฉันเป็นตาเดียว ฉันรีบวิ่งไปหาอีขิงที่ยืนรออยู่ร้านของชำ
"กรี๊ดเสียงดังเชียวนะแก ได้กำลังใจมาว่างั้น" อีขิงมันพูดแซวฉันเมื่อเดินมาถึงตัวมัน ฉันเดินตัวลอยไปที่ป้ายรถเมล์โดยมีขิงเดินตามมา
"ครั้งนี้ฉันจะตั้งใจสอบ” ฉันมุ่งมั่นกับการสอบวิชานี้ เพื่อพี่คิมหันต์สามีในอนาคตของกะเพราคนนี้ โป๊ก! อีขิงมันตบมาที่หัวกะบาลฉันจนผมยุ่งเหยิงเลย
"ตบหัวทำไมเนี่ย รู้มั้ยว่าเจ็บ" ฉันลูบคลำศีรษะตัวเองก่อนจะค้อนใส่มัน
"รถมาแล้ว ยืนเป็นอีบ้าอยู่ได้ เดี๋ยวก็เข้าสอบไม่ทันกันพอดี" มันแหวเสียงดังใส่ก่อนจะวิ่งขึ้นรถเมล์ไปก่อนเลย ให้มันได้อย่างนี้เพื่อนรัก รีบใส่เกียร์หมาวิ่งกระโดดขึ้นรถเมล์อย่างรวดเร็วเ
หลังสอบเสร็จพวกเราก็พากันมารอที่โต๊ะประจำ กระทั่ง...
"เดินยิ้ม ๆ แบบนี้แสดงว่าทำข้อสอบได้สินะ" ผัดขิงมันเอ่ยทักเมื่อเห็นฉันเดินออกมาจากห้องสอบ
"ไม่" ฉันตอบกลับมันไปสั้น ๆ ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้
"ไม่รู้เรื่องสักข้อ พูดถูกใช่ไหม"
"เฮ้อออ" ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนฟุบหน้าไปกับโต๊ะหินอ่อน มันอ่านสีหน้าและท่าทางของฉันออกเสมอ
"นั่นไง! ไหนบอกว่ากำลังใจมาเต็ม ไหงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะกะเพรา" น้ำเสียงของเพื่อนคล้ายจะเห็นอกกัน
"ก็มันยากนี่หวา อาจารย์แม่งเอาตรงไหนมาออกวะ" ฉันโง่เองแหละไม่ใช่เพราะอาจารย์หรอก เพราะฉันไม่ยอมตั้งใจเรียนเอง
"คิดไรมากตกก็ซ่อมใหม่ ยังไงฉันก็ไม่ผ่าน"
"ไหนบอกมั่นใจทุกข้อไง ทำไมถึงว่าไม่ผ่าน"
"ก็...ฉันปล่อยผ่านทุกข้อ ไม่ทำไง"
"ฮ่า ๆ! เพื่อนรักคนนี้ลงทุนฉิบหายเลย"
"เปล่า ฉันมัวดูซีรีส์เกาหลี เลยไม่ได้อ่านหนังสือเตรียมสอบน่ะ" ฉันว่าเเล้วเชียวไอ้ตาบวมที่เห็นเมื่อเช้าเพราะนอนยันเช้านี่เอง อีขิงมันบ้าหนังเกาหลีในห้องมีแต่รูปผู้ชายเกาหลีเต็มไปหมด ก็อย่างว่าแหละค่ะคนคลั่งรักไม่เหมือนกัน