“ถ้าคุณคิดได้อย่างที่พูดจริง ๆ ก็ดีนะสิ! แต่จะบอกให้ว่าจริง ๆ แล้วผมจะไม่ให้ใครมาที่นี่ถ้าไม่มีความจำเป็น”
ฮอฟมันน์กล่าวพลางลุกขึ้นหยิบเสื้อยืดที่พาดไว้บนเก้าอี้มาสวมใส่ก่อนหันกลับมาทางหญิงสาว
“ผมจะออกไปข้างนอก...ส่วนคุณถ้าไม่มีความจำเป็นก็อย่าเที่ยวออกไปเดินเพ่นพ่านตอนกลางคืน ดีไม่ดีเดินไปเหยียบกับระเบิดที่ผมทำไว้ตายเปล่าไม่รู้ด้วย!”
ร่างสูงทิ้งคำขู่ไว้ก่อนเดินลงส้นหนัก ๆ ออกไปมีเพียงบุษราคัมที่นั่งถลึงตาใส่ด้วยความหมั่นไส้เต็มประดา ถ้าถูกคนบ้าจับมาขังไว้ก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ดันเป็นทหารแถมยังเคยผ่านการทดสอบจากหน่วยรบพิเศษของกองทัพเสียอีกด้วย
หญิงสาวเริ่มจนใจเพราะไม่รู้นจะทำอย่างไรจึงหนีได้พ้น เธออาจต้องตามน้ำไปก่อนแล้วค่อยตะล่อมให้คนเลือดร้อนเห็นใจภายหลัง ชั่วแวบก็นึกถึงจูบของเขาขึ้นมาเสียอย่างนั้น คิดได้ร่างอรชรก็เอามือขยี้ปากตัวเองทั้งที่ความทรงจำกำลังบันทึกสิ่งเหล่านั้นเอาไว้ ทั้งความรุ่มร้อน พลังเปี่ยมล้นเสน่ห์ของคนบ้าโรคจิตที่ถือสิทธิ์จูบเธอจนแทบไม่ได้หายใจหายคอ
บุษราคัมนั่งฟังเสียงเฮลิคอปเอร์ซึ่งไม่มีทีท่าว่าจะเงียบลงเพียงครู่ก่อนตัดสินใจลุกจากที่นอนเพื่อหาชุดมาสวมใส่ สุดท้ายก็คว้าได้ก็แต่เสื้อเชิ้ตตัวโคร่งเอามาใส่แก้ขัดและค่อย ๆ เดินออกไปห้องรับแขกเพื่อแง้มประตูบ้านดูเหตุการณ์ภายนอก
เสียงเฮลิคอปเตอร์ยังคงดังสนั่นและแสงไฟก็ทำให้เห็นว่าฮอฟมันน์ยืนคุยอยู่กับชายอีกสองสามเป็นเวลานานทีเดียว คนพวกนั้นเป็นใครกัน? เป็นทหารด้วยหรือเปล่า? บุษราคัมนิ่งนึกสงสัยกระทั่งเห็นว่าเขาขึ้นเฮลิคอปเตอร์และปล่อยให้คนสองคนยืนรอห่างออกมาก่อนเครื่องจะค่อย ๆ บินขึ้นและทะยานลับหายไปท่ามกลางท้องฟ้ามืดมิด ฮอฟมันน์ไปไหน? หญิงสาวตั้งคำถามพร้อมกับความกลัวแล่นปราดเข้าจับหัวใจ ร่างแน่งน้อยกำลังจะวิ่งตามออกไปก็ต้องหยุดชะงักเมื่อชายสองคนในชุดหนังเดินกลับเข้ามา
“คุณบีน่า”
ชายทั้งสองซึ่งก้าวมาหยุดตรงหน้าเรียกเธออย่างที่นายของพวกเขาเรียกหากก็ไม่ได้ทำให้ความกลัวระคนสับสนของบุษราคัมลดน้อยลงเลย
“แม็กซ์ล่ะ...เขาไปไหน?”
“คุณฮอฟมันน์ต้องเดินทางกลับเยอรมันด่วนครับเลยให้พวกเราอยู่ที่นี่เพื่อคอยดูแลคุณบีน่า”
“ดูแลฉันอย่างนั้นหรือ?...บอกได้ไหมว่าเขามีธุระด่วนอะไรถึงได้รีบไปกะทันหันแบบนี้”
คนทั้งสองมองหน้ากันก่อนที่ชายร่างใหญ่คนเดิมจะกล่าวขึ้น
“คุณคลอเดีย...แม่ของคุณฮอฟมันน์ต้องเข้ารับการรักษาโดยด่วนครับ เธอกินยาเข้าไปมากเกินขนาด ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลในดามตัชท์”
ทันทีที่อีกฝ่ายกล่าวจบบุษราคัมก็มีอาการหนาวเยือกขึ้นมาทันใด หญิงสาวมองหน้าชายร่างสูงใหญ่ทั้งสองขณะพยายามคุมสติให้คงที่ก่อนเดินกลับเข้าไปในบ้านเพื่อมุ่งตรงไปยังห้องเดิมและแทรกกายเข้าไปใต้ผ้าห่มก่อนจะหลั่งน้ำตาออกมาเพียงลำพัง นี่ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เสียแล้ว เธอกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤติครั้งใหญ่และไม่ใช่ใครอื่นเป็นต้นเหตุ ทุกอย่างล้วนมาจากอัญมณีพี่สาวแท้ ๆ ที่ไม่เคยเหลียวแลครอบครัวยามทุกข์
“พ่อ...พ่อจ๋า บุษจะทำยังไงดี ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้”
ร่างแน่งน้อยครวญอยู่กับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า หญิงสาวลูบแหวนทองเหลืองบนนิ้วเรียวราวสัมผัสไออุ่นของใครคนนั้น คนที่เสียงพร่ำรำพันไม่มีวันข้ามทะเลอันกว้างใหญ่ไปได้ถึง
“สวัสดีครับคุณฮอฟมันน์...จะมาพบท่านหรือครับ...เอ้อ...”
บอดี้การ์ดร่างยักษ์ซึ่งยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูทางเข้าไปห้องโถงของคฤหาสน์แถบเบเวอลี่ฮิลล์กล่าวทักยังไม่ทันจบประโยค ชายหนุ่มภายใต้เสื้อยืดสวมทับด้วยแจ็คเก๊ตหนังสีน้ำตาลเข้มสวมกางเกงเดนิมและรองเท้าบูทก็เดินลิ่วเข้าไปในห้องรับแขกอันโอ่อ่าซึ่งทำให้ร่างอรชรในชุดนอนผ้าซาตินประดับลูกไม้ที่กำลังนั่งยืดขาอยู่บนโซฟาออกคำสั่งให้หญิงสาวที่นั่งนวดปลายเท้าหยุดงานในมือลง
“โทษทีที่มาดึก...แต่ผมอยากพบพ่อของผมตอนนี้!”
เสียงเข้มดุดันของฮอฟมันน์ทำให้ร่างบางที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รับแขกเอียงหน้ามองด้วยความประหลาดใจ หญิงสาวในชุดกระโปรงเนื้อผ้าบางเบาค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนก่อนจะกล่าวเสียงหวาน
“สวัสดีค่ะ...ฉัน จูเวล คุณ...เอ้อ...”
“ฮอฟมันน์ แม็คเคลน...ไม่ทราบว่าพ่อของผมอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”
ชายหนุ่มตอบห้าว ๆ และตั้งคำถามห้วน ๆ ในขณะที่คนฟังมองเขาอย่างทึ่ง ๆ อัญมณีมองหน้าผู้พูดชัด ๆ นี่หรือคือ ฮอฟมันน์ แม็คเคลน ลูกชายคนเดียวของไมค์ แม็คเคลน มหาเศรษฐีที่เลี้ยงดูเธออย่างดีในตอนนี้ หญิงสาวรู้เพียงว่าเขาเป็นนาวิกโยธินอยู่ในกองทัพเรือสหรัฐ ไม่นึกว่าเขาจะเป็นบุรุษหน้าตาหล่อเหลารูปร่างหนาใหญ่กำยำและเต็มไปด้วยเสน่ห์ร้ายกาจมากกว่าที่คิดไว้
“มีธุระอะไรด่วนหรือคะ มาเสียดึกป่านนี้ ถ้ามีอะไรจะฝากฉันไว้ก็ได้นะคะแล้วฉันจะไปเรียนท่านให้”
“คงไม่จำเป็น! ผมอยากคุยกับพ่อเป็นการส่วนตัวเพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคนนอก”
คำกล่าวที่ไม่ยี่หระต่อความรู้สึกของคนฟังนั้นทำให้อัญมณีจำต้องเก็บความขุ่นใจเอาไว้ในขณะเดียวกันที่ฮอฟมันน์มองผู้หญิงตรงหน้าแล้วไพล่คิดไปถึงบุษราคัม ชายหนุ่มเพิ่งเห็นอัญมณีครั้งแรกใกล้ ๆ ซึ่งไม่มีส่วนใดของสองพี่น้องแตกต่างกันมากนัก
ทั้งร่างเล็กบอบบางและใบหน้างดงามฉาบฉายด้วยความละมุนละไมในวิถีของสตรีเพศ ผิดแต่แววตาของคนตรงหน้าดูจัดจ้านลึกล้ำแม้อาบด้วยเสน่ห์หากก็เหมือนมีบางสิ่งแอบแฝง แต่ถึงอย่างไรดู ๆ ไปแล้วนางแบบสาวชาวไทยสวยถึงขนาดนี้เองที่ทำให้พ่อของเขาหลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้น
“ใครมาน่ะ จูเวล” เสียงกังวานที่แทรกขึ้นมาทำให้ทั้งฮอฟมันน์และอัญมณีหันไปยังบุรุษร่างสูงใหญ่วัยเลยกลางคนในชุดเสื้อคลุมผ้าไหมสีทองซึ่งก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้าคนทั้งสอง