ลิขิตของฟ้า(1)

1361 Words
ร่างสูงใหญ่นอนทอดยาวบนเตียงพร้อมด้วยเครื่องมือแพทย์ระโยงระยาง ห้าวันแล้วที่คีรินทร์ยังนอนอยู่ในห้องไอซียู เขายังไม่รู้สึกตัวและยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ สมองของเขากระทบกระเทือนถึงแม้จะไม่มีเลือดคั่งแต่ก็ถึงขั้นสมองบวม แขนทั้งสองข้างไม่หักแต่ก็มีแผลหลายแห่ง แต่เพราะได้รับการรักษาอย่างดี แผลเหล่านั้นจึงเกือบหายแล้วขาข้างที่หักก็ได้รับการผ่าตัดเป็นที่เรียบร้อย อาการของเขาแม้จะพ้นขั้นวิกฤติแต่ก็ยังไม่อาจวางใจได้  ถึงคีรินทร์จะเป็นลูกชายของเจ้าสัวธนิน ซึ่งเป็นที่รู้จักและกว้างขวางในย่านนั้น แต่ก็ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยม คงมีแต่ทีมแพทย์และพยาบาลชุดพิเศษที่จัดหามาดูแลคนเจ็บเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงตัวคนเจ็บได้ เพราะเจ้าของไข้ได้แจ้งกับผู้บริหารระดับสูงว่าให้คัดสรรทีมแพทย์และพยาบาลที่มีฝีมือและไว้ใจได้มาดูแลผู้ป่วยเคสนี้เป็นพิเศษ แน่นอนที่ค่าจ้างต้องสูงตามมาตรฐานของเจ้าของไข้ด้วย เพียงธารก็เป็นอีกคนที่ได้รับมอบหมายภาระอันทรงเกียรติให้ผลัดเปลี่ยนมาดูแลเขา ความจริงเธอควรปฏิเสธหัวหน้าไม่รับงานนี้ แต่หญิงสาวกลับทำเป็นคนปากหนัก โดยให้เหตุผลแก่ตัวเองว่าทำไปตามหน้าที่ และเพราะค่าแรงแต่ละชั่วโมงที่สูงกว่าปกตินั่นต่างหาก เธอจึงขอรับงานแค่ช่วงเวรกลางวันเท่านั้นด้วยความจำเป็นบางประการ ร่างเล็กในชุดสีเขียวเข้ม สวมหมวกคลุมผมและใส่มาสก์ปิดหน้าคงมีแต่ดวงตาหวานปนเศร้าที่เปิดเผย เธอทอดสายตามองร่างใหญ่บนเตียงพร้อมด้วยเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัยที่สุดในโรงพยาบาล ถึงเคยบอกตัวเองหลายครั้งว่าไม่ควรจะหันมาดูดำดูดีผู้ชายใจร้ายตรงหน้า แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่อาจตัดใจได้ ยิ่งเห็นสภาพของเขาในตอนนี้ หัวใจดวงเล็กที่เคยถูกเขาเหยียบยำกลับทรยศเจ้าของจากที่เคยเกลียดกลับเฉย เคยโกรธกลับนิ่งได้อย่างไม่น่าเชื่อ สามวันแล้วที่เพียงธารรับหน้าที่ดูแลเขา อาการของคีรินทร์ยังคงที่แม้ว่าการตอบสนองจะดีขึ้น แต่ก็ยังมีสภาพคล้ายเจ้าชายนิทรา มือเล็กๆกำลังใช้ผ้าเปียกเช็ดเนื้อตัวทำความสะอาดร่างกายให้เขา ปากก็พูดบอกกับคนเจ็บทุกครั้งที่เธอต้องแตะเนื้อต้องตัวหรือจะทำอะไรให้ร่างที่นอนนิ่งบนเตียงทุกครั้ง แม้ว่าเขาอาจจะไม่รับรู้ใดๆก็ตาม                 ในจังหวะที่เพียงธารใช้ผ้าสะอาดเช็ดแขนไล่เรื่อยลงไปถึงมือหนาข้างที่ไม่มีสายน้ำเกลือ เธอสังเกตว่านิ้วนางของเขาขยับ ข้อนิ้วแข็งแรงนั้นเริ่มขยับทีละนิดจนมันมีการเคลื่อนไหวมากขึ้น แสดงให้เห็นว่าเขาเริ่มตอบสนองต่อสิ่งรอบตัวดีขึ้น เธอวางผ้าเปียกที่ใช้เช็ดตัวลงในกะละมัง เพราะอยากทดสอบบางสิ่งบางอย่าง มือเรียวของพยาบาลสาวค่อยๆสอดเข้าในอุ้งมือของคนเจ็บบนเตียง  คีรินทร์นอนหลับเป็นเจ้าชายนิทรามาหลายวัน แม้ร่างกายไม่ได้ขยับเขยื้อน แต่ฝ่ามือหนากลับไม่ได้เย็นเฉียบอย่างที่เข้าใจ แค่ปลายนิ้วสัมผัสเพียงธารก็รับรู้ถึงกระแสความอบอุ่น  เหมือนอีกฝ่ายก็สามารถรับรู้ถึงการสัมผัสเช่นเดียวกัน แค่นิ้วเรียวเล็กของหญิงสาวสัมผัส ฝ่ามือของเขาก็มีกำลังขึ้นราวมีปาฏิหาริย์ มือหนาของคนเจ็บกำมือเล็กไว้แน่น ดวงตาคมกล้าที่ปิดสนิทก็เปิดขึ้นทันทีเหมือนได้รับการเปิดสวิตช์ และที่สำคัญเขากำลังจ้องมาที่เธอ  ‘คีรินทร์ตื่นขึ้นแล้ว’ คีรินทร์อาการดีขึ้นราวกับมีปาฏิหาริย์ ร่างหนาที่นอนนิ่งจนหลายคนคิดว่าเขาอาจเป็น ‘เจ้าชายนิทรา’ กลับฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว เขาสามารถถอดเครื่องช่วยหายใจและกลับมาใช้ชีวิตได้จนเกือบเป็นปกติ หลังจากที่ชายหนุ่มลืมตาขึ้น เพียงธารก็ปฏิเสธกับหัวหน้าที่จะรับงานเฝ้าไข้อีก หญิงสาวยังจำความรู้สึกตอนที่คีรินทร์จ้องตาเธอ หากเป็นคนอื่นที่หลับยาวมาหลายวัน เมื่อต้องฟื้นขึ้นดวงตาของเขาจะเลื่อนลอยและไร้ความหมาย แต่ไม่ใช่กับคีรินทร์ แววตาของเขาสะกดให้เธอนิ่งชะงักงัน มันไม่ได้เลื่อนลอยอย่างที่ควรจะเป็น ถึงดวงตาของเขาจะปิดสนิททันทีในเวลาต่อมา แต่ความรู้สึกมันบอกว่าเขาจำเธอได้ สามวันหลังจากนั้นคนเจ็บก็เริ่มแผลงฤทธิ์ พยาบาลทั้งสวยทั้งสาวและไม่สาวหลายคนที่ส่งให้ไปดูแลมีอันต้องถูกตะเพิดไปเสียทุกราย ด้วยเหตุผลสารพัดซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากความเอาแต่ใจและความเรื่องมากของคนไข้ เดือดร้อนถึงผู้บริหารระดับสูงที่ต้องปวดหัวกับการส่งคนมาดูแลคนเอาแต่ใจที่ร้องเปลี่ยนพยาบาลวันละสองสามคนต่อวัน หากไม่ใช่เพราะคำขอร้องแกมบังคับของหัวหน้าและสิทธิพิเศษที่เธอจะได้ลอยเวรเช้า เพียงธารสัญญากับตัวเองว่าจะไม่มีวันเฉียดมาฟลอร์ห้า ซึ่งเป็นหอผู้ป่วยพิเศษระดับเฟิสต์คลาสอย่างเด็ดขาด แต่ข้อเสนอสุดท้ายนั้นต่างหากที่ทำให้เธอเอาชีวิตขึ้นมาเสี่ยงที่นี่ “น้ำจ๋า นึกว่าช่วยพี่ก็แล้วกันนะ” วิภา หัวหน้าฝ่ายการพยาบาลลงทุนมาขอร้องด้วยตัวเอง เพราะจนปัญญาไม่สามารถหาใครที่จะถูกใจคนไข้วีไอพี ด้วยอิทธิพลของเจ้าสัวธนิน ซึ่งมีข่าวว่ากำลังจะเป็นผู้ร่วมทุนรายใหญ่ ทำให้ผู้บริหารหลายท่านให้ความยำเกรง “แต่น้ำไม่สะดวกจริงๆค่ะ พี่ก็น่าจะรู้” หญิงสาวปฏิเสธออกไปไม่เต็มเสียงเมื่อเห็นแววตาผิดหวังของอีกฝ่าย “อย่าเพิ่งพูดอย่างนี้สิ ลองดูก่อนไหม พี่ลงทุนมาขอร้องน้ำเองเลยนะ นึกว่าเห็นแก่พี่ก็แล้วกัน” วิภาเหลือบตาขึ้นมองพร้อมกับถอนหายใจ ถ้าไม่ใช่ความต้องการของคนเจ็บที่ระบุให้ส่งคนที่เคยดูแลเขาตอนอยู่ในไอซียูแล้วละก็ รุ่นพี่อย่างเธอคงไม่ลำบากใจแบบนี้ เพราะทุกคนที่ส่งไปกลับไม่มีใครถูกใจสักคน คงเหลือแต่รุ่นน้องสาวตรงหน้าเป็นรายสุดท้าย “ถ้าน้ำยอมช่วยพี่ ต่อไปพี่จะช่วยให้น้ำได้ลอยเวรเช้า พี่รู้ว่าน้ำลำบากที่ต้องมาขึ้นเวรดึก” สาวใหญ่ลองยื่นข้อเสนอเพราะเข้าใจถึงความจำเป็นหลายอย่างของอีกฝ่าย แม้ว่าผลตอบแทนของคนที่ต้องอยู่เวรกลางคืนจะมีมากกว่า แต่คนมีภาระอย่างเพียงธารถ้าสามารถเลือกได้ก็คงอยากทำงานในเวลากลางวันเหมือนคนปกติทั่วไป และมันทำให้วิภายิ้มออกเมื่อเห็นแววตาของอีกฝ่ายไหวระริก สุดท้ายเพียงธารก็หยุดยืนที่หน้าห้องผู้ป่วยในฟลอร์ห้า  เธอแจ้งกับเพื่อนร่วมงานที่เคาน์เตอร์ เมื่อรู้หมายเลขห้องหญิงสาวก็มาหยุดที่หน้าห้องดังกล่าว เธอสูดลมหายใจเข้าปวดแรงๆเพื่อเรียกขวัญให้ตัวเอง ‘คุณคีรินทร์สามารถช่วยเหลือตัวเองได้บนเตียงเพราะขาข้างที่เจ็บยังลงน้ำหนักไม่ได้ แผลก็หายเกือบสนิทคงเหลือแต่อาการทางสมองที่ยังมีเบลอๆ บางครั้งเขาอาจหงุดหงิดไปสักนิด น้ำก็ทนๆเอาหน่อยแล้วกันนะ’ วิภาบอกอาการของคนเจ็บคร่าวๆก่อนที่เพียงธารจะขึ้นมา ‘เขายังเบลอๆ’ คำพูดของวิภาผุดขึ้นในหัว แสดงว่าเขายังจำไม่ได้ทั้งหมด บางทีเรื่องราวของเธอในอดีตอาจไม่เคยฝังอยู่ในสมองของเขาก็อาจเป็นได้ คงไม่เลวร้ายอย่างที่คิดหรอกมั้ง’ หญิงสาวปลอบใจตัวเองก่อนจะเคาะประตูสองสามครั้ง แล้วเปิดประตูบานใหญ่เข้าไป                 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD