ประเทศไทย
“นิด! ทางนี้” ศุภิสรา เจ้าของร้านผ้าไหมกวักมือเรียกเพื่อน เมื่อเห็นเดินเข้ามาในร้านแล้วกำลังมองหาเธออยู่
“เอย รอนานหรือเปล่า พอดีรถติด นิดเลยมาช้า” นิธารา สุวันทนา หรือ นิด เอ่ยถามเพื่อนแล้วก็มองหาคนรักของเพื่อนที่เจ้าตัวนัดให้มา แล้วบอกว่าจะแนะนำคนรักให้รู้จัก ที่เธอก็พอรู้ว่าเพื่อนรักคบหามาสักพักแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้เจอหน้ากัน เพราะเธอก็ยุ่งกับงานที่บริษัท แล้วก็เรื่องส่วนตัว เธอที่เธอไม่อยากให้วันนั้นมาถึง
“อย่าคิดมากเลยนิด เอยรอได้”
“แล้วทำไมเอยมานั่งรอคนเดียวล่ะ”
“ถ้านิดหมายถึงแฟนฝรั่งของเรา เพิ่งเลิกกันน่ะ” สีหน้าของศุภิสราไม่มีวี่แววเศร้าเลยสักนิดทำเอาคนฟังได้แต่แปลกใจ ผิดกับเธอที่กว่าจะกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ก็ใช้เวลาอยู่เป็นปีๆ จนทุกคนพากันสงสัยว่าเธอเป็นอะไร
“ทำไมท่าทางเอยดูไม่เสียใจเลย” นิธาราเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ แต่ก็ดีใจที่เพื่อนไม่ฟูมฟายเหมือนเธอ ตอนที่กลับมาจากอังกฤษแล้วก็เล่าเรื่องทุกอย่างให้เพื่อนฟังทั้งน้ำตา
“ก็ไม่รู้จะเศร้าไปทำไมไง แต่ก็ดีแล้วที่จับได้ว่ามีคนอื่นตอนนี้ ดีกว่าไปรู้ตอนแต่งงานกัน เพราะถ้าเป็นแบบนั้นเอยคงได้เป็นฆาตกรแน่ๆ”
“พูดน่ากลัวจัง แต่นิดว่าเรามาสั่งอาหารกันเถอะ หิวแล้ว” นิธาราชวนเปลี่ยนเรื่อง จากนั้นก็พากันสั่งอาหาร รอไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ สองสาวที่โสดสนิทเหมือนกันพูดคุยกันสนุกสนาน
“นิด ถามไรหน่อยสิ” หลังทานอาหารคาวจนเกลี้ยงแล้วต่อด้วยอาหารหวานจนใกล้หมดถ้วย ศุภิสราก็นึกขึ้นได้ว่าเพิ่งจะอ่านข่าวซุบซิบมาว่าทายาทเจ้าของโรงพยาบาลชื่อดังกำลังจะหมั้นกับแฟนสาวทำให้เธอสงสัยว่าเขามีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่
“ถามมาสิ ถ้านิดรู้ นิดตอบได้หมด”
“ถามเรื่องเจ้านายของนิดไง พอดีเอยได้ข่าวมาว่าเขาจะหมั้น แล้วหมั้นกับใครเหรอ”
“เอ่อ...” นิธาราอ้ำอึ้ง เพราะเรื่องนี้เธอเองก็ยังไม่ได้บอกเพื่อน
“อย่าบอกนะว่าหมั้นกับนิด” ศุภิสราเดาไปเรื่อย แต่หารู้ไหมว่าการเดาของตัวเองถูกต้อง
“กับนิดนี่แหละ” ตอบแบบไม่ค่อยแน่ใจนักเพราะเรื่องนี้คุณหญิงฤทัยรัตน์ได้พูดคุยกับแม่ของเธอแล้วว่าอยากได้เธอเป็นลูกสะใภ้ ทั้งที่เธอเป็นแค่ลูกสาวของแม่บ้านที่รับใช้คุณหญิงมานาน จนท่านเมตตาส่งเสียเธอไปเรียนไกลถึงอังกฤษ
“จริงเหรอเนี่ย!” ศุภิสราทำหน้าประหลาดใจ
“อืม แต่นิดขอเวลาคุณหญิงคิดสักพัก แล้วค่อยตัดสินใจอีกทีว่าจะหมั้นหรือเปล่า” เพราะเธอคิดไว้แล้วว่าจะไม่แต่งงานกับใคร แต่แม่ของเธอกลับพูดถึงเรื่องบุญคุณที่คุณหญิงมีต่อเธอและแม่ ทำให้เธอต้องกลับมาคิดจนหัวแทบระเบิด
“แล้วนิดได้คำตอบหรือยัง” ศุภิสราเอ่ยถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง เพราะได้ข่าวมาจากหนังสือซุบซิบว่าลูกชายของคุณหญิงฤทัยรัตน์เจ้าชู้ใช่เล่น แล้วถ้าเพื่อนรักของเธอตกลงหมั้นจนไปถึงขั้นแต่งงานกัน เพื่อนของเธอได้น้ำตาเช็ดหัวเข่าแน่ๆ
“ยัง แต่บอกตรงๆ ว่านิดไม่อยากหมั้นไม่อยากแต่งงานกับใครเลย”
“ถ้างั้นก็ไม่ต้องหมั้นไม่ต้องแต่งสิ นิดก็รู้จักนิสัยลูกชายคุณหญิงดีไม่ใช่เหรอว่าเขาเจ้าชู้ขนาดไหน เอยว่านิดไม่ควรเอาชีวิตไปเสี่ยงกับคนแบบนี้นะ” ศุภิสราเอ่ยเตือนอย่างเป็นห่วง
“นิดรู้ แต่แม่บอกว่าเราต้องตอบแทนบุญคุณ”
“วิธีตอบแทนมีอีกเยอะนะนิด แล้วเอยก็ไม่เห็นด้วยที่คุณหญิงจะให้นิดตอบแทนบุญคุณด้วยการแต่งงานกับลูกชายของท่าน ที่ท่านก็คงจะรู้ว่าลูกชายตัวเองเจ้าชู้” ศุภิสรารู้สึกหนักใจแทนเพื่อนรัก พลางจ้องมองเพื่อนรักอย่างเห็นใจ
“นิดก็คิดว่าคุณหญิงคงรู้แหละ แต่เรื่องนี้นิดยังไม่ตัดสินใจเร็วๆ นี้หรอก เอยอย่าเพิ่งกังวลไปเลย นิดว่าจะขอคิดอีกสักพัก แล้วค่อยให้คำตอบกับคุณหญิง”
“งั้นก็คิดให้ดีๆ นะ อย่าไปเอาเรื่องบุญคุณมาตัดสินใจ เดี๋ยวชีวิตของนิดจะยุ่งยากหากไปตกลงแต่งงานกับคนเจ้าชู้ แล้วถ้ามีอะไรก็มาหาเอยได้ตลอดเลยนะ เอยยินดีช่วย”
“ขอบใจนะเอย” จบคำของนิธารา สองสาวก็ยิ้มกัน ก่อนจะพากันทานของหวานเมื่ออิ่มแล้วก็แยกย้ายกันกลับ โดยที่ศุภิสราก็อาสาขับรถไปส่งเพื่อนรัก
หนึ่งเดือนต่อมา
ที่ร้านอาหารชื่อดัง สองหนุ่มสาวที่ตกลงจะหมั้นหมายกันเร็วๆ นี้ตามความเห็นชอบของคุณหญิงฤทัยรัตน์ที่เมตตาส่งเสียลูกสาวหัวหน้าแม่บ้านไปเรียนต่อถึงเมืองนอก เพื่อหวังจะให้มาช่วยงานลูกชาย
“นิด! นิด! เป็นอะไรหรือเปล่า” สิริ ทายาทเจ้าของโรงพยาบาลชื่อดัง แต่เจ้าตัวหันไปเปิดบริษัทในสายงานด้านการออกแบบสินค้า ที่ตัวเองถนัดเอ่ยถามว่าที่คู่หมั้นสาว เมื่อพูดคุยกันไปได้ครู่เดียวว่าที่คู่หมั้นก็เงียบไปซะดื้อๆ
“เปล่าค่ะ” คนกำลังตกอยู่ในภวังค์รีบปฏิเสธ
“แต่ท่าทางนิดเหมือนมีอะไร หรือไม่ชอบอาหารที่พี่สั่งมาให้ ถ้างั้นนิดสั่งใหม่ได้นะ ไม่ต้องเกรงใจพี่”
“ไม่ใช่ค่ะพี่สิริ อาหารอร่อยมาก แต่นิดคิดอะไรเพลินไปหน่อย นิดขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้พี่รำคาญ”
“พี่ไม่ได้รำคาญนิด ว่าแต่นิดมีเรื่องไม่สบายเหรอ บอกพี่ได้หรือเปล่า” สิริยื่นมือไปวางทาบบนหลังมือเล็กโดยที่ทั้งสองไม่รู้ว่าภาพนั้นได้ถูกบันทึกเอาไว้
“ไม่มีค่ะ” นิธาราตอบแล้วก็ต้องตกใจเมื่อว่าที่คู่หมั้นจับมือของเธอไปจูบ
“พี่สิริ ปล่อยมือนิดเถอะค่ะ” เธอพยายามดึงมือออก แต่ว่าที่คู่หมั้นไม่ยอมปล่อยอีกทั้งยังจับมือเธอจูบอีกหลายครั้ง
“อย่าทำแบบนี้ พี่สิริ” นิธาราเริ่มเสียงแข็ง
“ให้พี่ได้ชื่นใจแค่นี้ไม่ได้หรือไง” สิริโอดครวญด้วยสีหน้าไม่พอใจ พลางเลื่อนมือออกจากมือของว่าที่คู่หมั้นสาว เขายอมรับว่าเบื่อหน่ายเอามากๆ กับอาการหวงเนื้อหวงตัวของว่าที่คู่หมั้น