บทที่ 9 ชีวิตใหม่

1194 Words
หลายวันต่อมา_ ณ ประเทศอังกฤษ "เหนื่อยไหมริน พักก่อนดีไหมไม่เห็นต้องทำงานหนักขนาดนี้เลย ไหนว่าจะมาเที่ยวไง" เป็นผู้จัดการคนสนิทต้องเอ่ยถาม รีบวิ่งไปช่วยจับชายกระโปรงตัวยาว ยามนางแบบสาวลงจากเวทีแฟชั่นโชว์ชื่อดัง เธอเล่นโหมรับงานแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ใบหน้าสวยแอบหมองคล้ำไปเล็กน้อยจนอดห่วงไม่ได้ "เที่ยวไปด้วยหาเงินไปด้วยไม่ดีหรอพี่นาถ คืนนี้เราเหลืออีกงานนี่ อยู่ต่างประเทศเงินดีจะตายไป" ด้วยความที่เธอเป็นสาวลูกครึ่ง เค้าโครงใบหน้าคมแบบโซนเอเชียแต่แฝงไปด้วยเสน่ห์ชาวโซนตะวันตก เลยสร้างชื่อเสียงผ่านความสามารถแบรนด์เสื้อผ้าดังๆรีบคว้าตัวไว้ "จะรวยก่อนหรือจะตายก่อนเอาดีๆนะริน แล้วช่วยเลิกดื่มด้วยนะคืนนี้ พี่ไม่แบกกลับคอนโดนะเราอยู่ตั้งไกล" "จ้าคุณผู้จัดการ ดุกว่าแม่แท้ๆอีก" ร่างบางทิ้งกายบนเก้าอี้ก้มลงถอดส้นสูงกว่าห้านิ้วแล้วเปลี่ยนใส่รองเท้าแตะธรรมดา รอยแดงช้ำรอบข้อเท้าไม่ได้ส่งผลอะไรต่ออาชีพเธอเลย "เซไฮ..รินเซ่! เราเบนจามินยังจำกันได้อยู่หรือเปล่า" ทว่าชายหนุ่มเชื้อชาติตะวันตกดันรีบวิ่งมาทักทาย ตอนนางแบบสาวกำลังจะลุกเดินเพื่อกลับที่พัก ชุดสูทดีประหนึ่งไฮโซจนทำให้สองหญิงสาวเหลียวมองหน้าปรึกษากัน "คนที่จ้างงานรินที่ไทยหรือเปล่า งานโชว์รถแข่งหน่ะ" นาถเอียงมากระซิบบอก เขาร่ำรวยมหาศาลจากการออกแบบรถแข่ง เคยติดต่อจ้างงานรินเซ่ไปเดินแบบก่อนเปิดงาน "อ้อ...โทษทีนะช่วงนี้เจอคนเยอะเลยลืมๆไป" เธอไม่ได้ถือตัวยอมยื่นมือไปจับอีกฝ่ายตามสไตล์ทักทายทั่วไป "ยูเก่งมากเลยนะ มาร่วมนี้ได้ต้องไม่ธรรมดาซะแล้ว" เบนจามินยังพูดต่อ ไล่สายตาสำรวจเรือนร่างบาง ไม่ว่าการแต่งตัวสไตล์ไหนเธอสวมใส่ได้ดูดีทุกชุด "ขอบใจแต่ก็มีคนอื่นด้วยนะ" พอตอนช่างภาพตามเก็บถ่ายรูปในงาน นาถเลยสะกิดให้รินเซ่เอียงตัวหันไปก่อน จนลืมไปว่าเบนจามินก็ยืนอยู่ด้วย เขามีชื่อเสียงในประเทศไทยยิ่งกว่าไฮโซ "งั้นเราไปก่อนนะพอดีมีงานต่อ" เธอไม่ลืมหันบอกอีกฝ่ายตอนช่างภาพถ่ายรูปเก็บงานเสร็จ รับควงผู้จัดการสาวมุ่งเดินออกจากโซนด้านข้างไป ชั่วโมงต่อมา_ ณ บรรยากาศกลางดึก ร่างบางแอบยืนเงียบๆตรงริมระเบียง ในมือบางยังถือแก้วไวน์สีเข้มเขย่าวน ในห้วงสมองกลับนึกถึงภาพเหตุการณ์ตอนมาคลินไปหาที่คอนโด เขาคิดอะไรอยู่ถึงได้ทำกับเธอเช่นนั้น เพราะเรื่องหมาดหมางกับเอเดนแล้วอยากเอาชนะ หรือเขาโกรธที่ถูกต่อว่าทั้งที่ตัวเองไม่มีสิทธิ์อะไรในร่างกายเธอเลย "....เมื่อไหร่เราจะลืมไปให้หมดได้สักทีนะริน" แม้แต่อดีตคนรักที่หายเงียบไป ไม่มีข่าวใดใดในโทรทัศน์มาให้เห็น ถึงเธอจะไม่เหลือเพื่อนสักคน เธอก็จะพยามรับงานหนักๆให้มันยุ่งจนไม่มีเวลาเหลือตลอดวัน ปล่อยใจดวงน้อยซ่อมแซมเองเมื่อไม่นึกถึงใครแล้ว บริษัท MAKIN "นึกยังไงว่ะมึง อยู่ดีๆอยากลงมากินข้าวกับพนักงาน" ฟรานนึงถามอย่างไม่เข้าใจ ตำแหน่งที่พวกเขาทำงานอยู่มีอาหารจากร้านดังบริการมากมาย แถมโซนข้างล่างตึกพวกพนักงานต่างวุ่นวาย อากาศช่วงเที่ยงร้อนจัดมีเหงื่อไหลพาลอารมณ์เสีย "กูก็อยากรู้ไงว่ะ เป็นถึงระดับเจ้านายแต่ไม่มีเวลาดูแลลูกน้อง แล้วเขาจะตั้งใจทำงานดีๆยังไงว่ะ" รองประธานบริษัทบอก แม้จะมีเหงื่อเม็ดใสใสผุดเต็มขมับ ที่รอบข้างพวกพนักงานต่างซุบซิบกันหนาหู มองดูการกระทำพวกเขาราวน่าสนใจ "สุดยอดเลยว่ะเพื่อน แต่ทีหลังไม่ต้องเรียกกูมานะ นั่งตากแอร์เย็นในตึกกูสบายซะกว่า" เขาพูดทีเล่นทีจริง แต่ไม่กล้าจะออกความเห็นมากนัก เพราะตัวเองยังรับตำแหน่งต่ำต้อยกว่า "อีกหน่อยกูจะออกนโยบาย ปิดแอร์ลดโลกร้อนช่วงเที่ยงด้วย" ร่างสูงสง่าเลือกไปทิ้งกายตรงหน้าร้านอาหารข้าวแกง พอป้าคนขายเห็นรีบวิ่งถือจานเปล่ากับทัพพีมารับ "ของผมเอาแบบคนอื่นเลย ตักราดๆมาเถอะ ไม่ต้องเกรงใจ" มาคลินเอ่ยบอกอย่างสุภาพ ตอนอยู่มหาลัยใช่ว่าจะเลือกกินได้มากนัก หากร้านไหนคนเยอะตอนเที่ยง เขาจะยอมกินร้านอื่นไม่ให้พวกเพื่อนรอนาน "จ๊ะๆ ป้าจะรีบเอามานะคะ" หญิงแม่ค้ามีอายุไม่ทันได้เอ่ยถามชายหนุ่มอีกคน ฟรานดันโบกมือปฏิเสธไปแล้วท่าทางหยิ่งกว่าผู้บริหารอีก แต่มาคลินไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาล้วงเอาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงสแลคดำมาอ่านฆ่าเวลา โดยที่รอบข้างมีเสียงรายการข่าวซุบซิบในโทรทัศน์ดัง "กูพึ่งรู้นะเว้ย ว่ารินมีชื่อเสียงในต่างประเทศกว่าที่นี่อีก" เป็นเสียงของฟรานพูดดึงความสนใจ ชี้ไปยังโทรทัศน์จอใหญ่กลางโรงอาหาร เขาพอมองออกเวลาเห็นเพื่อนชายเจอนางแบบสาว แต่ก็ไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมถึงได้ตัดความสัมพันธ์ชนิดชิดเชื้อยิ่งกว่ารังเกียจกัน "อืม" ใบหน้าหล่อเหลาแงนมองนิดหน่อย ก่อนหันไปรับจานอาหารจากแม่ค้า จับเนคไทราคาแพงเบี่ยงข้าง ด้วยร่างกำยำเลยดูคับแน่นเวลาขยับ ใจแกร่งพยามไม่สั่นเอนไหวตอนเห็นหญิงสาวในทีวี ความนึกคิดหวังปิดกลั้นที่ผ่านมาละลายลง ความรู้สึกเหมือนเดิมเป็นยังไงก็เป็นแบบนั้น "แล้วมึงดูดิ ไอเบนจามินนี่เสนอหน้าไปทุกอย่างเลยเนอะ ตอนมันขอแบรนด์เราไปเป็นสปอนเซอร์หน้าอย่างหงอยเลย" ฟรานยังพูดต่อ เขาไม่ได้ทานอาหารเลยมีเวลาสนใจข่าววงการระหว่างรอเพื่อนชาย และแอบกระตุ้นให้คนข้างๆทรมานเล่น "มึงดูชอบเนอะเรื่องคนอื่น?" หัวคิ้วหนาเลิกขึ้นถาม เอียงใบหน้าหันใส่อย่างเอาเรื่อง จนลืมไปว่าจะทำความคุ้นเคยกับพนักงาน เพราะจะทำโปรเจคใหม่ที่ให้ทุกคนได้โบนัสเพิ่ม "ก็กูว่างนี่หว่า มึงรีบกินเถอะกูยังต้องเคลียร์งานบนโต๊ะ ทีหลังมีเปรยๆกับยัยป้าแว่นหน่อยนะ ส่งมาได้ให้กูเช็คโลจิสติกส์ส่งออก" พอเห็นเหตุการณ์เริ่มไม่ดี เขาเลยเปลี่ยนคำพูดใหม่ "หน้าที่มึงไง เงียบปากซะกูรำคาญ!" นัยน์ตาคมเป็นประกายเปลวไฟ เปิดเผยให้คนมองสั่นกลัว สองมือหนากำช้อนแสตนเลสแทบหัก นิสัยอีกด้านนึงกำลังจะเผยออกอย่างไม่อาจกลั้น ............................................... ลองมองเฮียในมาดนักธุรกิจคือเพอร์เฟค 555
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD