บทที่ 2 มาคลิน

1093 Words
ไม่กี่นาทีต่อมา_ "กูบอกให้ดูแลรินกับเพื่อนกูดีๆไง พวกมึงนี่นะแมร่งน่าโดนถีบฉิบหาย!" เอเดนเริ่มหัวเสียตอนกลับมาที่โต๊ะ แต่ไม่พบใครสักคนเดียว หลังไปเคลียร์สินค้าคู่กับเบนไม่ถึงชั่วโมงดี แม้อาการมึนเมาเริ่มมีพอประปราย เขายังอยากนั่งดื่มพูดคุยสนุกต่อ "เห็นพนักงานบอกว่าเดินไปที่ห้องนายนะครับ" เสียงบอดี้การ์ดคนนึงบอก ก่อนหน้านี้เจอลูกค้าโต๊ะข้างๆดูเหมือนจะทะเลาะกันเลยเข้าห้ามระงับเหตุ "เออๆ...รอบหน้าให้ไอเบนตัดเงินเดือนแมร่งเลย" ร่างสูงพูดอย่างไม่ได้ใส่ใจ โบกมือไล่ในอากาศไปมา ก่อนสาวเท้ายาวไปตามทางห้องทำงาน จะมีเส้นทางพิเศษสำหรับเขาใช้คนเดียวไม่ปนกับลูกค้า "เดี๋ยวนี้ต้องมีมารยาทขนาดนี้ไหมว่ะ" เอเดนนึกหัวเราะเบาๆ เขายังเดินไม่ถึงห้องทำงานด้วยซ้ำ แต่ดันมีรองเท้าสองคู่วางเรียงกันหน้าห้องพักสำหรับพวกลูกค้าวีไอพี ทว่าใจแกร่งกลับรู้สึกตะหงิดถึงเหตุการณ์ผิดปกติ เพราะเขาจำได้ว่าส้นสูงคู่นี้เคยซื้อให้แฟนสาว แล้วด้านข้างคือรองเท้าหนังเพื่อนชายใส่ไซส์พอดีกันกับเขา "กูเมาไปป่าวว่ะ เอาใหม่ดิ!" สันมือหนาตบท้ายทอยใหญ่เรียกสติ ก้มลงเพ่งสายตาจดจ่อรองเท้าสองคู่หน้าห้องพัก ใจแกร่งยิ่งเต้นกระหน่ำรัว เขาไม่อยากคิดไปไกลกว่านี้ถ้าไม่เห็นความจริง รีบจับกลอนประตูเปิดกว้าง พุ่งเข้าไปในห้องทันที "ไอเชี้ยคลิน!!" น้ำเสียงเข้มก่นพูด เมื่อภาพตรงหน้าคือมาคลินและรินเซ่กำลังนอนกอดกัน เสื้อผ้าหลุดรุ่ยและรอบปากทั้งสองมีลิปสติกสีเดียวเปลื้อนอยู่ มันบ่งบอกว่าเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย "หื้ม..อะไรของมึงไอเดน เห้ยริน!ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้อ่ะ กูมานอนห้องนี้ได้ไง?" คนหลับถูกกระชากเสื้อเชิ้ตอย่างรุนแรง จนมาคลินสะดุ้งตัวตื่นแล้วก็ต้องตกใจขึ้นไปอีก ตอนหันมาพบรินเซ่นอนข้างกายสภาพชุดเดรสหลุดรุ่ย ผมสลวยยุ่งเหยิงเหมือนพึ่งเสร็จเรื่องบนเตียง "เดนโวยวายทำไม ..กรี๊ดดด!มันคือเรื่องอะไรเนี้ยคลิน! เราไม่ได้ทำไรเลยนะเดน!" นางแบบสาวพึ่งลืมตาตื่นตอนได้ยินเสียงดังรบกวน แม้ยังรู้สึกหนักศรีษะเหมือนโดนสารบางชนิดควบคุม เธอรีบโกยผ้าห่มปกปิดเรือนร่างทันที ตอนเห็นร่างกายวับแวมสภาพล่อแหลม ก้อนใจดวงน้อยอ่อนลงยวบเดียว "มึงแทงข้างหลังกูได้ไงว่ะ มึงทำแบบนี้ได้ไงไอเชี้ยคลิน!กูเป็นเพื่อนเพื่อนมึงนะเว้ย!" เอเดนโวยวายเสียงดัง เหยียดนิ้วชี้ยาวจ่อสลับทั้งชายและหญิงบนเตียง "เราไม่รู้เรื่องจริงๆนะเดน มันเกิดอะไรขึ้นเราไม่รู้จริงๆ" รินเซ่รีบเอ่ยบอก มันสับสนไปหมดทุกอย่างจริงๆ แถมเอเดนยังดูน่ากลัวโมโหแบบไม่เคยแสดงออก เธอทั้งรู้สึกผิดที่ทำคนรักเสียใจและไม่เข้าใจว่ามันเกิดเรื่องนี้ขึ้นได้ยังไง ในเมื่อตอนแรกมาคลินคล้ายว่าหลับไปก่อนเธอตั้งแต่หน้าห้องเสียอีก "กูก็ไม่รู้เรื่องนะเว้ย มึงหยุดโวยวายดิว่ะ ตั้งสติก่อน" มาคลินบอก เขารีบจับกระดุมเสื้อเชิ้ตติดลวกๆ มันน่าแปลกใจจริงๆที่ตื่นมามีรินเซ่นอนข้างกาย เขาแน่ใจว่าไม่เคยล่วงเกินเธอด้วยซ้ำ "ให้กูตั้งสติเชี้ยไรว่ะ มึงแอบแทงข้างหลังกู เอากับมันสนุกใช่ไหมว่ะริน ทีกับเราสะดีดสะดิ้งเพื่อไรว่ะ พวกมึงแมร่งโครตเลวเลย" เอเดนระบายความเสียใจบอก เขาก้าวขาถอยหลังยามเพื่อนชายจะเดินมาหา อาการมึนเมาก่อนหน้านี้หายเป็นปลิดทิ้ง ความเจ็บกำลังแล่นแทรกเข้าในอกแกร่งแทนที่ "กูไม่เคยทำไรรินนะเว้ย มึงพูดกับรินดีๆดิว่ะไอเดน" "ให้กูพูดดีทำเชี้ยไรว่ะ มึงไม่ได้มาเป็นกูนะเว้ย!" "มึงจะมากไปแล้วนะไอเชี้ยเดน รินเป็นแฟนมึง มึงต้องให้เกียรติเธอดิว่ะ?" เขาไม่รู้จะอธิบายยังไงด้วยซ้ำ พยามตั้งสติให้มากที่สุด ทั้งที่มันหนักหัวเหลือเกิน พอเห็นใบหน้าตัวเองในกระจกเปลื้อนคราบลิปสติกรอบปากหยัก ร่างกายดันแข็งทื่อเพราะมันคือสีเดียวกันที่รินเซ่ทาอยู่ "เราไม่รู้เรื่องจริงๆนะเดน เราเข้ามาที่นี่ได้ไงยังไม่รู้เลย แล้วเราจะไปทำอะไรกับคลินไม่ได้หรอก" รินเซ่หลุดเสียงร้องไห้ ดูเหมือนเหตุการณ์กำลังเลวร้ายไปทุกวินาที เธอกำลังจะเสียคนรักไปทั้งๆที่ยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลย "นับตั้งแต่วันนี้ มึงกับกูขาดกัน ส่วนเธออย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีกจำไว้!" เอเดนพูดเน้นชัด เขารีบก้าวออกประตูไปทั้งที่ปวดหนึบทั่วใจแกร่ง ความรู้สึกผิดหวังและถูกหักหลักประเดประดังพร้อมกัน ทิ้งให้สองบุคคลในห้องจัดการกันต่อเอง "มันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ไงอ่ะคลิน ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้..อึกฮือ" ฝ่ามือเรียวบางกำจิกผ้าห่มแน่น ก้อนใจดวงน้อยแตกสลายไม่เหลือชิ้นดี คนรักไม่ยอมฟังถ้อยคำอธิบาย เหมือนทิ้งให้เธอตัดสินความสัมพันธ์เอง น้ำตาเม็ดโตไหลเป็นทางยาว ซุกใบหน้าใส่หัวเข่าปล่อยเสียงร่ำไห้ "เราไม่รู้จริงๆริน ตื่นมามันก็เป็นแบบนี้แล้ว ไอเชี้ยเดนแมร่งไม่ฟังเลย!" เขาเองก็เจ็บปวดใจไม่น้อยไปกว่าใคร วันคืนดีๆของพวกเขาดันถูกทำลายไม่เหลือชิ้นดี ร่างสูงตรงไปนั่งทิ้งกายตรงปลายเตียง หันมองร่างอรชรกำลังฟุบหน้าร้องไห้อย่างน่าสงสาร ฝ่ามือหนาได้แต่ประสานแน่น ครั้นจะไปปลอบใจยังรู้ว่าตัวเองไม่เหมาะสม "เราไม่อยากเลิกกับเดน เรารักเดน...ฮือ" น้ำเสียงหวานสะอื้นบอก ซุกหน้าใส่ผ้าห่มร้องจนตัวสั่นระริกปานขาดใจ ท่ามกลางสายตาคมมองอยู่วินาที ..................................... นี่แค่น้ำมาม่านะคะ 555 **ลองเปิดใจอ่านแล้วจะรู้ว่ามีอะไรมากกว่านั้น 555*** ##อย่าลืมกดหัวใจและคอมเม้นท์มาคุยกันเช่นเดิมนะครับ###
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD