“นี่คุณเดินช้าๆหน่อยได้ไหม”
กอหญ้าเอ่ยท้วงร่างสูงที่เอาแต่จูงมือเธอเดินไปข้างหน้าด้วยความไม่พอใจเมื่อรู้สึกเจ็บแปลบที่ใจกลางความเป็นสาวจนแทบจะเดินไม่ไหวส่งผลให้ร่างสูงที่กำลังกึ่งจูงกึ่งลากมือของเธอให้เดินตามเขาไปพลันชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่เขารีบปล่อยมือของกอหญ้าให้เป็นอิสระทันที
ไออุ่นที่มือเรียวเล็กของเธอได้รับก่อนหน้านี้ค่อยๆจางหายไปเมื่อร่างสูงของคนตรงหน้าปล่อยมือกอหญ้ากะทันหันทำให้หญิงสาวนึกเสียดายไม่น้อย
คนบ้านึกอยากจะจับก็จับนึกอยากจะปล่อยก็ปล่อย
กอหญ้าแอบค่อนขอดภีมวัจน์อยู่ในใจปกติแล้วเธอไม่ใช่คนที่ชอบให้ใครมาจับมือถือแขนตามอำเภอใจถ้าไม่ใช่คนในครอบครัวหรือเพื่อนสนิทแต่สำหรับผู้ชายที่กำลังยืนจ้องหน้าเธอด้วยสายตาเย่อหยิ่งคนนี้ความคิดที่อยากจะกระชากมือของตัวเองออกจากมือใหญ่ของเขานั้นไม่มีเลยแม้แต่น้อย
นี่เธอคงไม่ได้หลงเสน่ห์ของเขาจนหน้ามืดตามัวไปแล้วใช่ไหม?
กอหญ้าลอบถามตัวเองอยู่ในใจพร้อมใช้ดวงตากลมโตมองสบสายตาของคนตรงหน้าที่ก็กำลังมองมาที่เธอด้วยสายตาเย็นชาไร้ความอบอุ่นทำให้หญิงสาวได้แต่นึกหมั่นไส้ก่อนที่ภาพความทรงจำระหว่างเธอและเขาจะผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้ง
เมื่อคืนร้อนแรงจนเธอหลงคิดว่าตัวเองฝันไปแต่พอเจอหน้ากันเช้านี้กลับเย็นชาเหมือนน้ำแข็งขั้วโลกเหนือเสียอย่างนั้นแต่จะว่าไปแล้วพอได้เห็นหน้าเขาชัด ๆ อีกครั้งเธอก็พบว่าเขาหน้าตาดีมากกว่าที่เธอเห็นเมื่อเช้าเสียอีก ฉับพลันนั้นอยู่หัวใจที่เคยนิ่งสงบดั่งหินผาก็รู้สึกสั่นคลอนราวกับต้นไผ่ต้องสายลมมันเอนไหวไปมาอยู่ภายในพร้อมจังหวะหัวใจที่เต้นแรงแตกต่างออกไปจากในยามปกติอย่างสิ้นเชิง
ดูเหมือนว่าเธอจะโดนความหล่อเหลาของผู้ชายตรงหน้าล่อลวงเข้าแล้วกอหญ้า
“คุณบอกให้ฉันเดินตามคุณมาตกลงแล้วคุณจะพาฉันไปที่ไหนกันแน่”
คำถามของสาวสวยตรงหน้าทำให้ภีมวัจน์ที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดพลันได้สติกลับคืนมาอย่างรวดเร็วเขาหันไปมองทางข้างหน้าอีกครั้งก่อนที่มือเรียวยาวขาวสะอาดดุจแท่งเทียนจะผายออกไปข้างหน้าเป็นเชิงเชื้อเชิญให้เธอเดินตามเขามาซึ่งกอหญ้าก็ไม่รอช้าที่จะเดินตามร่างสูงที่กำลังเดินนำหน้าเธอไปที่ห้องอาหารส่วนตัวของเขา
“เรื่องเมื่อคืนนี้...”
เมื่อเข้ามาในห้องอาหารที่มีเพียงเธอและเขาสองคนแล้วภีมวัจน์ก็ไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์เขารีบเอ่ยปากพูดถึงเรื่องเมื่อคืนที่เกิดความเข้าใจผิดแต่กอหญ้ากลับยกมือขึ้นห้ามเขาเอาไว้ทำให้คำพูดมากมายที่เตรียมจะพูดออกมาพลันถูกสกัดเอาไว้ด้วยฝ่ามือเรียวบางของหญิงสาว
“เรื่องเมื่อคืนพักก่อนได้ไหมคะตอนนี้ขออนุญาตทานมื้อเช้าก่อน คุณอาจจะกินฉันจนอิ่มไปแล้วจนไม่รู้สึกหิวแต่ฉันที่ถูกคุณจับกินทั้งคืนจนแทบไม่ได้นอนบอกตรงๆว่าตอนนี้รู้สึกหิวมากค่ะ”
ความเคอะเขินที่แฝงไปด้วยความประหลาดใจกับท่าทีของสาวสวยตรงหน้าพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของภีมวัจน์เขาเม้มปากอย่างเก้อกระดากแต่ไหนแต่ไรมาเขายังไม่เคยเจอใครที่พูดจาฉะฉานและตรงราวกับไม้บรรทัดเหมือนเธอมาก่อนอีกทั้งความเขินอายที่ควรจะเป็นเธอที่ต้องแสดงออกกลับกลายมาเป็นเขาเองที่รู้สึกว่าสองข้างแก้มนั้นเห่อร้อนคล้ายถูกแดดร้อนแรงแผดเผา
ภีมวัจน์กระพริบตาปริบๆสองสามครั้งพร้อมดึงสติที่หล่นหายไปจากความเขินอายกลับคืนมาก่อนที่เขาจะรีบเบนสายตาออกไปอีกทางและพยักหน้าเรียกเตชินทร์ที่ยืนรอรับใช้อยู่ห่างๆให้เดินเข้ามาหาเขา
“อากาศตรงนี้ไม่ได้ร้อนแต่ทำไมท่านประธานถึงได้หน้าแดงหูแดงขนาดนั้นล่ะครับ”
เมื่อเดินมาถึงโต๊ะอาหารเตชินทร์ที่เป็นคนช่างสังเกตุก็เอ่ยถามภีมวัจน์ที่กำลังหน้าแดงด้วยความสงสัยเพราะอากาศตรงนี้เย็นสบายแต่ทำไมท่านประธานของเขาถึงได้หน้าแดงถึงใบหูขนาดนั้น ส่วนกอหญ้าเมื่อได้ยินคำทักทายของคนที่เธอขอเดาว่าน่าจะเป็นลูกน้องของเขาเอ่ยทักท้วงขึ้นมาแบบนั้นดวงตากลมโตก็อดที่จะลอบมองเสี้ยวหน้าคมคายหล่อเหลาของเขาอย่างพินิจพิจารณาแวบหนึ่งไม่ได้
อืม หน้าแดงหูแดงจริงๆด้วยนี่เขาคงไม่ได้กำลังเขินเธอใช่ไหม
“ไม่ถามสักเรื่องมันจะตายไหม”
ภีมวัจน์กดเสียงต่ำเอ่ยถามเลขาคู่ใจอย่างโมโหด้วยสีหน้าเอาเรื่องตอนนี้มันใช่เวลาที่ลูกน้องของเขาจะต้องมาถามคำถามที่ทำให้เขาอับอายขายหน้าสาวสวยตรงหน้าแบบนี้ไหม?
“กะ ก็ หน้าของท่าน”
“หุบปาก”
คำสั่งที่มาพร้อมเสียงหอบหายใจเบาๆบ่งบอกว่าภีมวัจน์กำลังสะกดกลั้นอารมณ์เดือดดาลอย่างเต็มที่ทำให้เตชินทร์รีบยกมือขึ้นปิดปากที่ไม่มีหูรูดเอาไว้ทันทีอย่างรู้งานแต่ดูเหมือนว่าจะช้าไปแล้วในความคิดของภีมวัจน์เมื่อความอับอายขายหน้าได้เผยแพร่สู่สายตาของสาวสวยตรงหน้าไปเรียบร้อยแล้ว
“บอกห้องครัวของโรงแรมให้จัดอาหารเช้ามาที่นี่ด่วน”
ทันทีที่ได้ยินคำสั่งของผู้เป็นนายเตชินทร์ก็ไม่รอช้าที่จะหยิบมือถือออกมาโทรหาผู้จัดการโรงแรมเพื่อแจ้งให้จัดเตรียมมื้อเช้าสำหรับท่านประธานและแขกสาวสวยที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม เมื่อถ่ายทอดคำสั่งของท่านประธานเรียบร้อยแล้วเวลาผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีอาหารเช้าก็ถูกนำมาเสิร์ฟด้วยความรวดเร็วทันใจ
กอหญ้าจ้องมองข้าวต้มหมูสับและแพนเค้กราดน้ำผึ้งที่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายด้วยความพึงพอใจก่อนที่ดวงตากลมโตจะมองเลยไปยังมื้อเช้าของคนที่นั่งตรงกันข้ามซึ่งมีเพียงกาแฟแก้วเดียวเท่านั้น หึ คงกินเธอจนอิ่มมากสินะเช้านี้ถึงได้ดื่มกาแฟแค่แก้วเดียว หญิงสาวแอบค่อนขอดเขาอยู่ในใจอีกครั้งด้วยความหมั่นไส้ก่อนที่เธอจะลงมือทานอาหารเช้าตรงหน้าด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติที่ไม่ช้าจนเกินไปและไม่รีบร้อนจนดูเสียมารยาทเพียงไม่นานมื้อเช้าตรงหน้าก็ถูกกอหญ้าจัดการจนหมดเรียบร้อย
“เชิญพูดเรื่องที่คุยกันค้างก่อนหน้านี้ได้เลยค่ะ”
เมื่อทานมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้วกอหญ้าก็เอ่ยบอกภีมวัจน์ที่กำลังมองมาที่เธอด้วยสายตาเย็นชาประหนึ่งคมดาบที่กำลังฟาดฟันใส่เธอแต่กอหญ้ากลับยิ้มระรื่นราวกับไม่รู้สึกรู้สากับสายตาของเขาที่กำลังมองมาที่เธอก่อนที่ภีมวัจน์จะพูดตรงเข้าประเด็นอย่างไม่อ้อมค้อมเลยแม้แต่น้อย
“เรื่องเมื่อคืนผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่เข้าใจว่าคุณเป็นผู้หญิงที่ผมนัดเอาไว้ทำให้ความสัมพันธ์ของเราเลยเถิดไปจนถึงขั้นนั้น แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วผมก็พร้อมที่จะรับผิดชอบ...”
เมื่อได้ยินคำว่า รับผิดชอบ แววตาของกอหญ้าพลันไหววูบเล็กน้อยซึ่งการแสดงออกของเธอล้วนตกอยู่ในสายตาของภีมวัจน์ทุกอย่างแต่เขากลับไม่สามารถคาดเดาความรู้สึกของสาวสวยตรงหน้าได้เลยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
ผู้หญิงคนนี้ชักจะทำตัวลึกลับเย็นชาจนเกินไปแล้วนะ!!
“คุณสามารถแจ้งตัวเลขที่ต้องการได้เลยผมพร้อมที่จะจ่ายให้ตามที่คุณเรียกร้องเพื่อชดใช้ในสิ่งที่คุณต้องสูญเสียไป”
มุมปากของกอหญ้าพลันกระตุกริกเล็กน้อยความรู้สึกดีที่มีต่อเขาเมื่อได้ยินคำว่ารับผิดชอบพลันสลายหายไปจนหมดสิ้นสายตาของเธอยามที่เงยหน้าขึ้นจ้องมองร่างสูงของคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามมีเพียงความเย็นชา หึ ที่เขาลากเธอออกมานั่งโง่ๆอยู่ตรงนี้ก็เพื่อจะจ่ายเงินค่าตัวเธอสำหรับเรื่องเมื่อคืนสินะ คิดมาถึงตรงนี้ใบหน้าของกอหญ้าพลันแดงก่ำด้วยแรงโทสะที่ราวกับมีประกายไฟมาระเบิดบนผิวให้แตกกระจายดังโพละ
“ร้อยล้าน จ่ายได้ไหมล่ะสำหรับความบริสุทธิ์ที่ฉันต้องสูญเสียให้คุณทั้ง ๆ ที่ฉันไม่เคยรู้จักกับคุณมาก่อนเลยสักนิด”
ความบริสุทธิ์ของเธอกับราคาที่เขาต้องจ่ายทำให้ภีมวัจน์กำมือเป็นหมัดแน่นด้วยความโมโหโกรธาอย่างยิ่งยวดความเดือดดาลพลันพลุ่งพล่านอยู่ในอกจนยากที่จะระงับไม่ให้เผยสีหน้าดูถูกเหยียดหยามเธอออกมาส่งผลให้มุมปากของกอหญ้าพลันสั่นระริกอีกครั้งด้วยความโกรธเคืองเช่นกัน
ลากเธอที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวเข้าไปนอนกอดทั้งคืนเขามีสิทธิ์อะไรมาทำหน้าตาดูถูกเธอแบบนี้
“หึ เรียกร้อยล้านขนาดนี้ทำไมไม่บอกให้ผมแต่งงานกับคุณไปเลยล่ะครับเงินร้อยล้านจะได้เป็นค่าสินสอดพอดี”
ข้อเรียกร้องที่มากจนเกินไปทำให้ภีมวัจน์อดไม่ได้ที่จะเอ่ยคำพูดประชดประชันเธอออกมา
“แล้วแต่งได้ไหมล่ะคะถ้าคุณแต่งได้ฉันก็ไม่มีปัญหา”
ใบหน้าของกอหญ้าในยามที่เอ่ยบอกภีมวัจน์นั้นไม่ได้มีวี่แววของการล้อเล่นเลยแม้แต่น้อยในเมื่อเขาพูดมาถึงขนาดนี้แล้วถ้าเธอไม่สนองต่อคำพูดของเขา ๆ อาจจะผิดหวังก็เป็นได้ใครจะไปรู้ล่ะจริงไหมเขาเสนอมาเธอก็แค่สนองถ้าเขาไม่กล้าพอที่จะทำตามคำพูดเธอจะเป็นคนคิดบัญชีย้อนหลังกับเขาเอง
“ร้อยล้านก็อยากได้ งานแต่งก็ไม่มีปัญหาดูท่าคุณจะเป็นผู้หญิงที่หิวเงินไม่น้อยนะครับ”
คำพูดที่ดูถูกเหยียดหยามเธอของชายหนุ่มตรงหน้าทำให้มุมปากของกอหญ้าพลันหยักยกขึ้นคล้ายพระจันทร์เสี้ยวก่อนที่เธอจะจ้องหน้าเขาอย่างจริงจังเป็นครั้งแรกหลังจากที่ก่อนหน้านี้เธอมองเขาบ้างหันไปมองบรรยากาศบริเวณรอบๆบ้าง
“ฉันหิวเงินน่ะใช่แต่คุณเองก็หิวฉันไม่น้อยนะคะเมื่อคืนถึงได้จับฉันกินทั้งคืน สิ่งที่ฉันเรียกร้องไปมันยังน้อยกว่าสิ่งที่ฉันต้องสูญเสียไปด้วยซ้ำ ต่อให้คุณเอาเงินมากองตรงหน้าสิ่งที่ฉันเสียไปก็ไม่สามารถเอากลับคืนมาได้หรือคุณสามารถย้อนเวลากลับไปเมื่อคืนได้ไหมล่ะเราสองคนจะได้ไม่ต้องมานั่งทำข้อตกลงจ่ายเงินหรือเสนอแต่งงานเพื่อรับผิดชอบกันแบบนี้”
คำพูดที่ตรงไปตรงมาไร้ความกระดากอายและเก้อเขินของสาวสวยตรงหน้าทำให้ภีมวัจน์อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้เธอพูดเรื่องความสัมพันธ์วันไนท์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืนด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยแถมติดจะเย็นชาเล็กน้อย นี่เธอหน้าหนาจนเกินไปหรือเป็นเขาเองที่หน้าบางจนรู้สึกว่าผิวแก้มที่ก่อนหน้ายังปกติดีกำลังเห่อร้อนขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“แล้วร้อยล้านที่คุณเรียกร้องนี่ไม่มากเกินไปหน่อยเหรอครับ ที่ผ่านมามากสุดสำหรับผมก็แค่ห้าล้านเท่านั้นเอง”
ยามที่พูดใบหน้าของภีมวัจน์คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มก่อนที่เขาจะหยิบชาร้อนที่เตชินทร์นำมาเสิร์ฟขึ้นจิบเพื่อแก้อาการคอแห้งเมื่อต้องตอบโต้กับหญิงสาวที่เขายังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อแต่เขาสัมผัสได้ถึงพลังการทำลายล้างที่สูงมากจากตัวเธอผู้หญิงแบบนี้เขาไม่ควรที่จะเอาตัวเองเข้าไปข้องเกี่ยวและควรอยู่ให้ห่างจากเธอให้มากที่สุด
“ค่าตัวร้อยล้านของฉันคุณก็มองว่าแพงไป ให้รับผิดชอบด้วยการแต่งงานคุณก็หาว่าฉันโลภมากไปแถมในสายตาของคุณยังบอกฉันทางอ้อมด้วยว่าฉันหวังสูงเกินไป ถ้าอย่างนั้นฉันขอเป็นคนจ่ายค่าตัวให้คุณเองก็แล้วกันในเมื่อคืนที่ผ่านมาคุณได้ตัวฉันฉันได้ตัวคุณเช็คใบนี้ก็ถือว่าตอบแทนที่คุณเสียตัวให้ฉันทั้งคืน”
กอหญ้าพูดจบเธอก็หยิบเช็คออกมาจากกระเป๋าใบเล็กพร้อมระบุจำนวนเงินหนึ่งร้อยล้านบาทลงในเช็คและนำไปวางลงตรงหน้าของภีมวัจน์ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นเดินจากไปทันทีโดยไม่สนใจภีมวัจน์ที่กำลังโกรธจัดจนแทบอยากจะตวาดให้เสียงดังก้องฟ้า
วันนี้เธอจ่ายค่าตัวเขาไปแล้วหนึ่งร้อยล้านบาทเจอกันวันหน้าอีกครั้งกอหญ้าสัญญากับตัวเองว่าเธอจะคิดบัญชีผู้ชายคนนี้ทบต้นทบดอกอย่างสาสมแน่นอน
การกระทำที่อุกอาจของเธอทำให้ภีมวัจน์ตกอยู่ในอาการตกตะลึงและเต็มไปด้วยความรู้สึกโมโหที่ผ่านมาเขาไม่เคยเป็นฝ่ายได้รับเงินค่าตัวจากใครทั้งนั้นนี่คือครั้งแรกที่มีคนกล้ายื่นเช็คให้กับเขาพร้อมบอกว่าเป็นค่าเสียตัวคล้ายกำลังจะบอกว่าเขาเป็นนายบำเรอสำหรับเธอ
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!!ตั้งแต่เกิดมาจนอายุยี่สิบหกปีเขาไม่เคยพบเจอผู้หญิงที่แปลกประหลาดเหมือนเธอคนนี้มาก่อนเลยสักครั้งพระเจ้ากำลังเล่นตลกกับเขาหรืออย่างไรเขาอยากจะบ้าตายเสียจริงๆ
ภีมวัจน์ได้แต่โอดครวญอยู่ในใจด้วยความสับสนพร้อมเอาแต่คิดถึงสาวสวยที่เดินจากไปไม่เหลียวหลังด้วยความโมโห
ต่อจากนี้ไปอย่าให้เขาได้พบได้เจอกับผู้หญิงคนนี้อีกเลยครั้งเดียวที่เจอกันก็เกินพอแล้วสำหรับเขา
“เงินค่าตัวหนึ่งร้อยล้านบาทครับท่านประธานให้ผมเอาไปขึ้นเช็คเลยไหมครับเธอเซ็นชื่อเอาไว้เรียบร้อยแล้ว”
ในขณะที่ภีมวัจน์กำลังพยายามระงับความโกรธของตัวเองอย่างสุดความสามารถเตชินทร์ที่ยืนอยู่ข้างๆและเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็ขยับเข้ามาใกล้ ๆ ท่านประธานมากขึ้นก่อนที่เขาจะเอ่ยแซวภีมวัจน์เมื่อเห็นจำนวนเงินบนเช็คที่สาวสวยคนเมื่อสักครู่เขียนให้
“ค่าตัวบ้าบออะไรกันไร้สาระสิ้นดี ไปเก็บของเดี๋ยวนี้ฉันจะกลับกรุงเทพวันนี้”
ภีมวัจน์สะกดเสียงต่ำเน้นถ้อยคำบอกเตชินทร์ที่มีสีหน้าตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัดเมื่ออยู่ ๆ ท่านประธานก็จะเดินทางกลับกรุงเทพกะทันหันทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ท่านยังบอกกับเขาว่าหลังประชุมเสร็จจะพาไปเที่ยวชมน้ำทะเลใสๆอยู่เลยแล้วทำไมตอนนี้ท่านประธานถึงได้ลืมคำพูดของตัวเองไปเสียแล้ว
“จะยืนนิ่งอีกนานไหมไปได้แล้ว”
เสียงที่คล้ายอสนีบาตฟาดลงบนตัวของเตชินทร์ทำให้สติที่กำลังคิดจินตนาการถึงน้ำทะเลสีใสพลันกลับคืนมาทันทีก่อนที่เขาจะรีบเดินจากไปเพื่อเตรียมจองตั๋วกลับกรุงเทพตามคำสั่งของท่านประธาน ในขณะที่ภีมวัจน์เองก็เอาแต่นั่งมองเช็คจำนวนหนึ่งร้อยล้านบาทด้วยความรู้สึกโกรธเคืองไม่หาย
ภีมวัจน์ตัดสินใจหยิบเช็คที่อยู่ตรงหน้ามาใส่กระเป๋ากางเกงและลุกขึ้นเดินกลับไปที่ห้องพักทันทีเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพเพียงเพราะไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วต้องเจอะเจอกับผู้หญิงแปลกประหลาดคนนั้นอีกครั้ง โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่ากงล้อแห่งพรหมลิขิตกำลังทำงานต่อให้เขาอ้อนวอนพระเจ้าหรือพระแม่อย่างไรท่านก็คงทำตามคำขอที่เขาต้องการไม่ได้ในเมื่อเส้นด้ายแห่งโชคชะตาของหนุ่มสาวทั้งคู่นั้นผูกเกี่ยวกันไว้อย่างเหนียวแน่นยากที่ใครจะตัดขาดหรือคลายออกได้