“ทับทิม อยู่คุยกับพี่ก่อน” ศิวะใช้คำพูดที่เปลี่ยนไป เพราะไม่ได้อยู่ในวาระการประชุมแล้ว
“คะพี่ศิวะ มีอะไรอีกคะ แค่นี้ทับทิมก็มึนตึ้บแล้วค่ะ นี่ถ้าไปแล้วต้องยุ่งยากขนาดนี้ ทับทิมชักไม่อยากจะไปแล้วเนี่ย” รินลดาเอ่ยบอกแฟนของเพื่อนสาวออกไป ด้วยใบหน้าเครียดๆ
“พี่สิต้องเครียด ทั้งบริษัทมีเราพูดอาหรับคล่องอยู่คนเดียว ชมพูนุชก็ได้แค่งูๆปลาๆ เราต้องรีบเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เร็วที่สุดนะทับทิม ไม่งั้นงานนี้พี่ตายแน่ถือว่าเราสงสารพี่กับไอนะ ช่วยพี่หน่อยละกัน” ศิวะเอ่ยพูดออกไปด้วยสีหน้าจริงจัง
“เฮ้อ ทับทิมเปลี่ยนแน่ค่ะ แต่ขอเวลาทับทิมหน่อยสิคะ ”รินลดาเอ่ยตอบออกไป เพราะเธอเข้าใจว่าศิวะต้องรับภาระหนัก เพราะเคยได้ยินว่าเจ้านายใหญ่นั้นดุแล้วก็โหดมากด้วย เพราะทำผิดแค่ครั้งเดียวอาจจะถูกปลดได้
“ขอบใจแกมากนะทับทิม”ไอรินเดินเข้าไปจับมือเพื่อนสาวอย่างขอบคุณ เพราะเข้าใจว่าเพื่อนสาวชอบแต่งตัวสไตล์แบบนี้มากกว่าแบบที่เขานิยมใส่กัน
“งั้นเดี๋ยวทับทิมไปก่อนนะคะ ไม่อยากให้ใครมองว่าสนิทกับพี่ศิวะแล้วก็ไอ จนได้ไปงานครั้งนี้” รินลดาเอ่ยบอกออกไปก็โบกมือให้ทั้งสองก็เดินออกไป
พอออกมาจากห้องประชุมแล้วมานั่งที่โต๊ะทำงาน เพื่อนร่วมงานก็เข้ามาแสดงความยินดีกับชมพูนุช ที่จะได้ไปงานครั้งนี้ แถมยังได้ไปเป็นล่ามให้กับศิวะเพื่อคุยกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทแม่อีก
“นี่ทับทิมก็ได้ไปเหรอคะน้องชมพู่” วรรณาเอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย ว่าคนแบบรินลดาจะไปได้เหรองานสำคัญแบบนี้
“ถ้าพูดภาษาอาหรับไม่ได้ คิดว่าจะได้ไปรึไงคะพี่ นี่ต้องปรับบุคลิกอีกเยอะเลยนะคะกว่าจะได้ไป ฮ่าๆ” ชมพูนุชเอ่ยบอกกับทุกคนที่เขามาพูดแสดงความยินกับเธอ ก่อนจะเอ่ยเยาะรินลดา
“ก็แค่พูดอาหรับได้ แต่ดูการแต่งตัวสิคะ เฉิ่มเหมือนกับยัยป้า ต่างจากน้องชมพู่นะคะที่ทั้งสวยทั้งเก่งได้ไปก็ไม่แปลก คนที่แปลกต้องนู้น” วรรณนาเอ่ยบอกทุกคน จนชมพูนุชแทบจะร้องกรี๊ดออกมาดังๆ ที่วรรณนาแอบจิกกันทับทิมให้เธอ
“พวกจิกกัดชาวบ้านนี่น่าเบื่อจริงๆ ที่ทับทิมได้ไปครั้งนี้ก็เพราะเขาเก่งกว่าพวกปากหอยปากปูแถวนี้ไง ทับทิมอย่าลืมเปลี่ยนตัวเองให้สวยขึ้นให้ได้นะ คนแถวนี้จะได้รู้ว่าใครกันแน่ที่สวยจากข้างใน ไม่ใช่แค่เปลือกนอก” รัญญาเพื่อนรุ่นพี่พนักงานอีกคนเอ่ยบอกรินลดา ก็มิวายแอบแขวะชมพูนุช เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าชมพูนุชนั้นแย่งแฟนของรินลดาไป แต่ก็ยังจะไปเข้าข้างชมพูนุชทั้งที่ชมพูนุชเป็นคนผิด
“ค่ะพี่ญา ทับทิมจะเปลี่ยนตัวเองให้สวย ให้เริดจนทุกคนอึ้งให้ได้” รินลดาเอ่ยบอกออกไปด้วยเสียงจริงจัง เธอไม่ชอบการดูถูกคนของคนพวกนี้เลยสักนิด คอยดูนะเธอจะทำให้ทุกคนอึ้งกับความเปลี่ยนแปลงของเธอให้ได้
“งั้นก็อย่าช้าล่ะ เพราะนี่ก็เหลือเวลาแค่สามอาทิตย์เองนะจ้ะ” ชมพูนุชเอ่ยบอกก็พากันหัวเราะใส่รินลดา จนรัญญาต้องตบไหล่ของรินลดาอย่างปลอบใจ
“รอดูก็แล้วกันชมพูนุช ฉันจะสวยกว่าเธอและฉันจะทำให้เธอกับกวินทร์เลิกกันเหมือนที่เธอเคยทำกับฉันให้ได้” รินลดาเอ่ยบอกแล้วเดินหนีออกไปทันทีด้วยความโมโห
จากนั้นพลอยลดาก็กลับมาทำงานต่อจนกระทั่งถึงเวลาเลิกงานก็เกือบจะสองทุ่มกว่า แต่เธอก็ต้องหอบสังขารมาซื้อของใช้ และซื้ออาหารไปทำที่คอนโด เพราะลูกพี่ลูกน้องของเธอจะทำอาหารให้ทาน หลังจากที่หายหน้าหายตาไปถ่ายละครจนลืมน้องสาวอย่างเธอไว้ที่คอนโดอย่างเหงาๆ
ณ คอนโดหรูใจกลางเมืองกรุงเทพ รินลดากำลังเดินถือของไปยังห้องพักของตัวเองอย่างพะรุงพะรัง
“ไอ้พี่ภาคนะไอ้พี่ภาค เจอหน้าจะด่าให้เข็ดเลย มาอยากกินอะไรวันนี้เนี่ย คนเยอะจะตายชัก” รินลดาบ่นลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง ที่เป็นถึงดาราหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่กำลังโด่งดังเป็นพลุแตก เพราะละครเรื่องใหม่อยู่ในขณะนี้อย่างอดไม่ได้ เพราะดันอยากจะมาทำอาหารทาน แล้วยังใช้เธอไปซื้อของทั้งที่อยู่ในช่วงเทศกาลวันหยุดยาว จนเธอต้องกลับมาถึงคอนโดก็เกือบจะเที่ยงคืนเพราะรถติดยาวเหยียด
“อ้า ภาคขา เร็วอีกค่ะภาค อ้ะ อ้า” เสียงภายในห้องนอนของภาคดนัยดังออกมา จนรินลดาที่กำลังเข้ามา ถึงกับรีบวางของ แล้วเดินไปยังที่มาของเสียงทันที
ส่วนหนุ่มสาวที่อยู่ภายในห้องก็กำลังระเริงรักกันเป็นรอบที่สาม หลังจากที่เล่นสวาทกันมาตั้งแต่เย็น ภาคดนัย กรองสินทร์ หรือภาค ดาราหนุ่มหล่อหน้าคมคนดังที่สาวๆต่างพากันคลั่งไคล้ อยากจะขึ้นเตียงด้วยค่อนประเทศ กำลังเร่งจังหวะกระแทกกระทั้นใส่ดาราสาวร่วมช่องที่เขาพึ่งรู้จักได้ไม่นานอย่างเมามันส์อยู่บนเตียงนุ่ม
“ลิลลี่ ผมไม่ไหวแล้ว โอว์” ภาคดนัยพูดไป ขณะชักแก่นกายออกมาจากร่องสาว พร้อมกับถอดถุงยางอนามัยออก ก่อนจะเกร็งกระตุกเบาๆ แล้วปล่อยน้ำรักลงบนหน้าท้องของดาราสาว
“อีกรอบนะคะภาค ลิลลี่ยังมันส์อยู่เลย” ลิลลี่เอ่ยบอกออกไปเมื่อเธอหลงรักลีลาบนเตียงของภาคดนัยเข้าให้แล้ว
“ไม่ได้ ตอนนี้คุณกลับไปก่อนนะลิลลี่ ผมมีธุระต้องจัดการก่อน” ภาคดนัยเอ่ยบอกดาราสาวก่อนจะลุกออกไปใส่ผ้า เพราะเขากลัวยัยจอมโก๊ะจะมาอาละวาดใส่เขาและลิลลี่ซะก่อน เพราะกดเหล็กของเขาและรินลดาคือห้ามพาผู้หญิงมานอนที่นี่เด็ดขาด แต่วันนี้มันจำเป็นเพราะหาที่ไม่ได้ เขาจึงพาดาราสาวมาที่นี่แทน แล้วโทรบอกน้องสาวนอกไส้ให้ไปซื้อของมาทำอาหารทานร่วมกันเพื่อถ่วงเวลา
“พี่ภาค ทำแบบนี้ได้ไงคะ ออกมาคุยกันเดี๋ยวนี้เลยนะพี่ภาค ทับทิมรู้นะว่าพี่เอาผู้หญิงมานอนที่นี่” รินลดาเอ่ยเรียกภาคดนัยเสียงดัง พร้อมกับทุบประตูห้องแบบรัวๆอย่างไม่ยอม
“เออ เดี๋ยวออกไป” ภาคดนัยเอ่ยตอบออกไปแล้วหันมามองหน้าของดาราสาวอย่างเซ็งๆ ก่อนจะบอกออกไปว่า
“ลิลลี่คุณรีบแต่งตัวแล้วกลับไปก่อน วันนี้ผมไม่สะดวก” ภาคดนัยเอ่ยบอกออกไป ก็ใส่ชุดคลุมเดินออกไปคุยกับน้องสาวด้านนอก ส่วนดาราสาวก็รีบแต่งตัวอย่างรีบเร่ง เพราะกลัวว่าจะเป็นแฟนของภาคดนัย
พอภาคดนัยออกมาจากห้อง รินลดาก็ดึงหูของพี่ชายทันทีด้วยความโมโห
“โอ้ย ทับทิม มาดึงหูพี่ทำไมเนี่ย พี่เจ็บนะ” ภาคดนัยเอ่ยร้องด้วยความเจ็บ เมื่อรินลดาดึงหูเขาทันทีที่ออกจากห้องนอนมา
“ทับทิมบอกแล้วใช่ไหมคะ ว่าห้ามเอาผู้หญิงมานอนที่นี่ พี่ภาคอยากจะให้คุณลุงคุณป้าเห็นรึไงคะ แล้วรู้ไหมว่ามันเสี่ยงจะเป็นข่าวแค่ไหน ทำไมไม่รู้จักคิดบ้างคะ” รินลดาพูดไปก็ดึงหูพี่ชายไปนั่งมี่โซฟาตัวยาว พร้อมกับบ่นออกไปยาวเหยียด
“โอ้ย ทับทิม พ่อแม่พี่ไม่รู้หรอกถ้าเราไม่บอก อีกอย่างไม่มีทางเป็นข่าวแน่ เพราะพี่ก็จะบอกว่ามีเราอยู่ด้วยอีกคน” ภาคดนัยเอ่ยบอกน้องสาวแล้วเอามือลูบที่หูเบาๆเพื่อคลายความเจ็บ
“เฮ้อ ทับทิมจะย้ายไปอยู่คนเดียว พี่ภาคจะได้ทำตามใจตัวเองได้” รินลดาเอ่ยบอกออกไปด้วยเสียงจริงจัง เธอกับภาคดนัยเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน และก็โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กๆ จึงเหมือนพี่น้องกันจริงๆ และที่เธอต้องมาอยู่คอนโดเดียวกับภาคดนัยก็เพราะไม่อยากให้แม่เป็นห่วง
“ไม่ได้ เราย้ายไปอยู่ที่อื่นป้าผกาเอาพี่ตายแน่ ไหนจะพ่อแม่พี่อีก ตายๆ” ภาคดนัยพูดไปแล้วทำหน้ากังวลไปด้วย
“แล้วพี่ภาคผิดสัญญาของเราทำไมล่ะคะ ทับทิมจะให้โอกาสพี่ภาคอีกครั้งก็ได้ค่ะ แล้วห้ามทำแบบนี้อีกเด็ดขาด ถ้าจะมีอะไรกับผู้หญิงก็ไปที่อื่นเข้าใจไหมคะ” ทับทิมเอ่ยถามพี่ชายด้วยเสียงขู่ๆ
“ครับท่านแม่” ภาคดนัยประชดรินลดาอย่างขำๆ เพราะรินลดาเริ่มจะทำตัวเป็นแม่ของเขาขึ้นทุกวัน จนเขาไม่แน่ใจว่าใครเป็นพี่ใครกันแน่ แต่ยังไงเขาก็ต้องดูแลน้องสาวคนนี้ให้ดีที่สุด
“ไปจัดการผู้หญิงของพี่ แล้วมาทำอาหารให้ทับทิมกินด้วย ไม่งั้นทับทิมจะฟ้องลุงกับป้าให้มาจัดการพี่ถึงกรุงเทพนี่เลย” รินลดาเอ่ยบอกแล้วแลบลิ้นใส่พี่ชายก่อนจะเดินเข้าห้องของตัวเองไป จนภาคดนัยอดยิ้มขำๆกับความไร้เดียงสาของรินลดาไม่ได้ ที่อายุจนป่านนี้ยังทำท่าเล่นเป็นเด็กๆ แถมยังถักเปียใส่แว่นหนาๆอยู่ ทั้งที่รินลดาก็เป็นคนสวยมากเลยทีเดียวหากจับมาแต่งหน้าแต่งตัวซะใหม่
“แล้วแบบนี้จะมีผู้ชายที่ไหนมาชอบกัน ยัยจอมเฉิ่มเอ้ย” ภาคดนัยว่าตามท้ายรินลดาที่เดินเข้าไปในห้อง ก่อนจะหันกลับมาแล้วเห็นดาราสาวออกมาพอดี เขาจึงบอกให้เธอกลับไปก่อน
“คุณกลับไปก่อนนะลิลลี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันที่กองถ่าย” ภาคดนัยเอ่ยบอกไป เพราะยังไงเขาก็ยังถ่ายละครคู่กับลิลลี่ไม่จบ เขาก็ยังมีเวลาสนุกกับเธออีกนาน
“แฟนคุณเหรอคะภาค” ลิลลี่เอ่ยถามด้วยความสงสัยออกไป
“ลูกพี่ลูกน้องผมน่ะ ตอนนี้ผมเลยไม่อยากมีปัญหา คุณกลับไปก่อนนะ แล้วเจอกันที่กองถ่าย” ภาคดนัยเอ่ยบอกแล้วเดินไปเปิดประตูให้ลิลลี่
“ค่ะภาค แล้วเจอกันนะคะ จุ๊บ” ลิลลี่พอได้ยินว่าเป็นน้องสาวก็สบายใจ เธอจึงตอบภาคดนัยออกไป พร้อมกับเข้าไปจุ๊บปากของภาคดนัยก่อนกลับ
“เอาผ้าคลุมด้วยล่ะ เดี๋ยวเป็นข่าว” ภาคดนัยเอ่ยบอก ลิลลี่ก็เอาผ้ามาคลุม แล้วเดินออกไปทันที
จากนั้นภาคดนัยก็มานั่งทำอาหารให้น้องสาวตัวแสบตามสัญญา ก่อนที่รินลดาจะด่าอีกรอบ
“ทับทิม จะตีหนึ่งแล้วนะออกมาทานข้าวเร็ว” ภาคดนัยเข้าไปเรียกรินลดาที่หน้าห้อง ก่อนจะถือจานอาหารออกไปทานที่ระเบียงกว้าง
“โอ้ย ทับทิมพึ่งจะอาบน้ำเสร็จ จะเรียกอะไรนักหนาคะพี่ภาค” รินลดาเดินออกมาด้วยชุดนอนสีชมพูลายการ์ตูน พร้อมกับส่งยิ้มให้พี่ชาย
“แล้วดูสิอายุขนาดนี้แล้ว ยังจะมาแต่งตัวเป็นเด็กๆไปได้ แบบนี้จะมีผู้ชายที่ไหนจะมาชอบ” ภาคดนัยเอ่ยบอกออกไปก็ตักข้าวทานโดยไม่รอให้น้องสาวนั่ง
“มันเรื่องของทับทิมน่า พี่ภาคนั่นแหละระวังไว้เถอะจะโดนผู้หญิงทิ้งเข้าสักวัน แล้วนี่กินไม่รอกันเลยรึไงคะ ทับทิมอุตส่าห์ขนมาแทบตาย” รินลดาเอ่ยบอกกับพี่ชายก่อนจะนั่งทานข้าวกับพี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน
“เออทับทิม อาทิตย์นี้จะกลับบ้านพร้อมพี่รึเปล่า พี่มีถ่ายละครแถวนั้น ถ้าเลิกกองแล้วพี่ว่าจะแวะกลับบ้านสักหน่อย เราจะไปกับพี่เลยไหม” ภาคดนัยเอ่ยถามเพราะวันอาทิตย์นี้เขามีถ่ายละคร เขาจึงคิดว่าจะกลับไปที่บ้านที่อัมพวา
“ไม่เอาอะ เบื่อนักข่าวแล้วก็แฟนคลับของพี่ภาคอะ เยอะเกิน พี่ไปคนเดียวเถอะค่ะ เดียวทับทิมจะกลับเอง” รินลดาบอกไปแบบนั้นเพราะไม่อยากไปนั่งรอพี่ชายที่กองถ่ายละคร เพราะนอกจากจะวุ่นวายแล้ว ก็ยังร้อนและลำบากอีกด้วย
“ก็แล้วแต่เราละกัน รีบๆกินแล้วไปนอนได้แล้วไป นี่ก็ดึกมากแล้วเนี่ย” ภาคดนัยเอ่ยบอกรินลดาก่อนจะทานข้าวร่วมกันต่อ