“คุณติณณ์คะ เอกสารทั้งหมดรอคุณติณณ์อนุมัติค่ะ” ภายในห้องทำงานที่เงียบสนิทไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินสักนิด ร่างสูงของท่านรองยังคงยืนหันลงให้กับประตูทางเข้า ติณณ์ใช้ถอดมือทั้งสองข้างยืนล้วงกระเป๋ากางเกงของตัวเองพร้อมกับหันหน้าออกไปมองวิวข้างนอกหน้าต่างตอนเช้า
แสงแดดอ่อน ๆ ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก เพราะตลอดสามวันที่ผ่านมาสมองของเขาทำงานอย่างหนักไม่รู้ว่าตอนนี้เขาควรจะตอบคำถามแม่ของตัวเองยังไงดีเพื่อให้รอดพ้นจากเรื่องแต่งงานบ้า ๆ นี้ สักที เขายังไม่อยากมีครอบครัวตอนนี้เขายังสนุกกับการทำงานอยู่เลย
“วางไว้บนโต๊ะนั่นแหละ” ติณณ์ตอบคำถามปุณแต่ยังเขาไม่ได้หันหน้ามามองเลขาของตัวเอง เมื่อได้รับคำสั่งเรียบร้อย ปุณวางแฟ้มงานต่าง ๆ บนโต๊ะของติณณ์และเดินออกจากห้องทำงานของท่านรองทันที
“น้องปุณ น้องปุณ” หลังจากที่ฉันเดินออกจากห้องทำงานของคุณติณณ์ ที่ฉวีก็รีบกวักมือเรียกฉันทันที ทำให้เธอต้องเดินไปหาพี่ฉวีที่ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวบริเวณโต๊ะทำงานของเธอ
“มีอะไรคะ พี่ฉวี”
“ท่านรองเป็นอะไรเหรอ ทำไมวันนี้ดูท่านรองอารมณ์ไม่ดีแปลก ๆ และวันนี้มีประชุมพวกพี่ไม่ตายกันหมดเหรอ” น้ำเสียงพี่ฉวีดูร้อนรนเนื่องด้วยมีประชุมประจำไตรมาส
“หนูก็ไม่รู้เหมือนกันคะ พี่ฉวี”
“ถ้าน้องปุณไม่รู้แบบนี้ พวกพี่ก็ตายกันหมดสิ” สีหน้าท่าทางของพี่ฉวีทำให้ฉันหลุดขำออกมา วันนี้ดูคุณติณณ์อารมณ์ไม่ก็จริงแต่ทุกครั้งที่ประชุม พนักงานก็พากันกลัวอยู่แล้ว
“ท่านรองคงแยกแยะออกค่ะ พี่ทำใจให้ชินเถอะ” ฉันก็ปลอบพี่เขาได้แค่นี้แหละ ก่อนที่พี่นวลฉวีจะเดินออกไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง
ครืด ครืด ครืด
“สวัสดีค่ะคุณท่าน”
“หนูปุณกับติณณ์ ออกมาหาฉันหน่อยได้รึเปล่า ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” น้ำเสียงของคุณท่านดูไม่สบายใจแปลก ๆ
“ได้ค่ะแต่ปุณของประชุมก่อนนะคะ เสร็จแล้วเดี๋ยวปุณจะออกไปพบค่ะ”
“ได้จ้ะ” ฉันวางสายจากแม่ของคุณติณณ์พอดีกับที่เจ้านายของตัวเองเดินออกจากห้องทำงานมาพอดี ขายาวของเขามุ่งตรงไปยังห้องประชุมทันที เมื่อเห็นแบบนี้ฉันรีบถือรายงานการประชุมและเอกสารหอบเดินตามคุณติณณ์ทันที
“เริ่มเลย” ภายในห้องประชุมของบริษัทพนักงานทุกคนต่างพากันมารออยู่ก่อนแล้ว ภายในห้องประชุมเงียบกริบไม่มีการเคลื่อนไหวหรือพูดคุยกันแม้แต่น้อย น้ำเสียงของท่านรองที่นั่งอยู่หัวโต๊ะท่าทางสบายพร้อมกับรอฟังพนักงานนพรีเซ้นต์งานด้วยใบหน้านิ่ง ทำให้พนักงานทุกคนกลับนั่งเกร็งซึ่งแตกต่างจากท่านั่งของเจ้านายเป็นอย่างมาก
“แผนการตลาดประจำไตรมาสหน้าเป็นยังไง”
“เอ่อ คือ พวกเรากำลังช่วยกันวางแผนครับท่าน” ผู้จัดการฝ่ายการตลาดตอบคำถามคุณติณณ์แทบไม่ทัน เมื่อพวกเขาโดนคำถามที่ไม่สามารถตอบได้ ใบหน้านิ่งของคุณติณณ์ที่มองยังไงก็ดูน่ากลัวไปหมดเขายังคงความนิ่งได้เสมอ
ปึก!! มือหนาฟาดบนโต๊ะประชุมทำให้พนักงานต่างพากันสะดุ้งโหยงรวมถึงฉันด้วย ปกติคุณติณณ์เป็นคนดุข้อนี้ทุกคนรู้ดีแต่ไม่ถึงกับแสดงออกมาขนาดนี้
“พรุ่งนี้ต้องเสร็จ เลิกประชุม” ร่างสูงของท่านรองเดินออกจากห้องประชุมทันที พนักงานทุกคนต่างพากันถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก เสียงฮือของพนักงานเริ่มกลับมาดังขึ้นอีกครั้งก่อนหัวหน้าฝ่ายการตลาดจะเข้ามาพูดคุยกับปุณ
“น้องปุณ ท่านรองอารมณ์ไม่ดีแบบนี้พวกพี่ก็ตายนะสิ”
“เดี๋ยวก็ดีค่ะ”
“รีบกลับไปทำงานได้แล้ว เดี๋ยวเสร็จไม่ทันนะ” ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าท่านรองเป็นอะไรมีแต่พนักงานเข้ามาถาม ฉันเป็นแค่เลขาไม่ได้เป็นภรรยาของท่านสักหน่อยที่จะไปรู้ทุกเรื่องในชีวิตของเขา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณติณณ์คะ เมื่อกี้คุณท่านโทรมาบอกว่าให้คุณติณณ์กับปุณออกไปพบหน่อยค่ะ”
“เรื่องอะไร”
“ไม่ทราบค่ะ”
“งั้นผมไม่ไป”
“งั้นปุณขออนุญาตไปพบคุณท่านนะคะ” ในเมื่อเขาไม่ทำตามที่คุณท่านบอก ฉันก็ไม่ได้อยากจะไปบังคับให้เขาอารมณ์ไม่ดีไปมากกว่านี้ เมื่อขออนุญาตออกไปพบและกำลังจะหันหลังเดินออกจากห้องทำงานของคุณติณณ์แต่เป็นอันต้องชะงักเมื่อคุณติณณ์เรียกฉันเอาไว้ก่อน
“ให้ไปพบที่ไหน”
“ที่วัดค่ะ” ไม่ใช่คุณติณณ์ที่ทำหน้าแปลกใจอยู่คนเดียว ตอนนี้ที่ได้ยินสถานที่นัดพบฉันก็งง ไปพักนึ่งเหมือนกันไม่ต่างจากคุณติณณ์ตอนนี้เท่าไหร่หรอก
“แม่คิดจะทำอะไรอีกเนี้ย” มือหนากุมขมับพร้อมกับนวดคลึง ไม่รู้ว่าแม่ของตัวเองบ้าจี้อะไรอีกนัดให้ไปเจอที่วัดหรือแม่เขาคิดจะทำอะไรกันแน่
“งั้นก็รีบไปกันเถอะค่ะ” ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าคุณท่านจะทำอะไร ตอนนี้ทั้งฉันและคุณติณณ์ขับรถออกจากบริษัทเรียบร้อยแล้วมุ่งหน้าไปยังวัดที่แม่ของคุณติณณ์ส่งโลเคชั่นมาให้ ถ้าจำไม่ผิดวัดนี้เป็นวัดชื่อดังชานเมือง
“ปุณถามได้รึเปล่าคะ ว่าทำไมช่วงนี้คุณติณณ์ถึงอารมณ์ไม่ค่อยดี” ในระหว่างที่คุณติณณ์ขับรถ ด้วยความสงสัยว่าทำไมคุณติณณ์ถึงดูหงุดหงิดบ่อย ๆ ถ้าเป็นเรื่องงานก็คงไม่ใช่เพราะไม่มีสาขาไหนหรืองานอะไรที่ติดปัญหา
“ถามทำไม”
“ก็พี่ ๆ พนักงานเขากลัวคุณติณณ์กันค่ะ เวลาคุณติณณ์นิ่งทุกคนก็กลัวและพลอยไม่กล้าแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมมากนัก” ฉันพูดออกไปตามความคิดของตัวเอง เวลาคุณติณณ์นิ่งพนักงานมักจะไม่กล้าแสดงความคิดเห็นหรือออกความคิดเห็นที่ดีต่อบริษัท นั้นก็ถือว่าบริษัทเสียหายเหมือนกัน
“ขนาดนั้นเลยเหรอและคุณกลัวผมรึเปล่า”
“ก็ไม่นะคะ” ใช่!! ฉันทำงานกับคุณติณณ์และเคยโดนด่ามาเยอะจนความกลัวแทบจะไม่มีด้วยซ้ำมีแต่ความเกรงใจมากกว่า ตอนที่ฉันเริ่มทำงานกับคุณติณณ์ฉันทำงานหนักและโดนคุณติณณ์ดุ ตักเตือน ต่าง ๆ นานา จนเป็นฉันในวันนี้
“อืม” ไม่มีคำพูดอะไรต่อ ฉันก็ไม่กล้าจะชวนเขาคุยมากนัก เพราะตอนนี้คุณติณณ์กำลังใช้สมาธิในการขับรถ ฉันหันไปมองหน้าคุณติณณ์เล็กน้อย ด้านข้างของคุณติณณ์ผู้หญิงที่ไหนเห็นก็คงใจเต้นแรงกันทั้งนั้นเพราะใบหน้าที่หล่อราวกับรูปปั้น ทำให้ฉันอยากจะรู้เลยว่าสเปคคนแบบคุณติณณ์เป็นแบบไหน ตั้งแต่ทำงานมาไม่เคยเห็นเขาควงใครหรือมีแฟนเลยสักครั้ง นึกแปลกใจอยู่เหมือนกันหรือว่าเขาจะเป็นเกย์หรือชอบเพศเดียวกันมั้ง!!
##กดเพิ่มชั้น กดหัวใจ กดติดตาม กดคอมเม้นต์ ให้กำลังใจไรท์หน่อยนะคนสวย##