นัดดูตัว

1162 Words
วันจันทร์แสนสดใสของใครหลายคนแต่ไม่ใช่สำหรับปุณคนนี้ วันหยุดที่แทบจะไม่ได้หยุดเหมือนคนอื่น เผลอแป๊บเดียวต้องตื่นไปทำงานอีกแล้วจะมีใครชีวิตรันทดแบบฉันบ้าง ได้แต่บ่นอยู่คนเดียวก่อนที่จะลุกจากที่นอนอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานให้ตรงเวลาและไม่สาย รถยนต์ของปุณขับมาถึงที่ทำงานได้ตรงเวลาเป๊ะไม่สาย ขาเรียวสวยก้าวลงจากรถก่อนจะเดินขึ้นอาคารไปยังชั้นทำงานของตัวเอง ทุกอย่างก้าวของปุณสามารถเรียกสายตาจากผู้ชายภายในบริษัทได้เป็นอย่างดี เพราะความสวยและความเก่งของเธอทำให้เป็นที่ยอมรับของเพื่อนร่วมงานได้เป็นอย่างดี “อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ฉวี พี่นาว” ความสดใสและความน่ารักของปุณทำให้พี่ ๆ ที่ทำงานแอ่นดูเธอเป็นพิเศษ “มอนิ่งค่ะน้องปุณคนสวย กินข้าวมารึยัง” “เรียบร้อย กาแฟ ขนมปัง” รอยยิ้มที่สดใสของปุณทำให้พี่ ๆ สามารถยิ้มตามได้ไม่อยาก เวลาเช้าแบบนี้พนักงานทุกคนต่างพากันมารับประทานอาหารที่โรงอาหารสำหรับพนักงานซึ่งพนักงานได้รับสวัสดิการนี้เพราะความใจดีของบริษัท เมืองกรุงที่รถติดและบางครั้งพนักงานก็ไม่มีเวลาได้รับประทานอาหารทำให้ท่านรองเมตตาสร้างโรงอาหารให้และหนึ่งในนั้นก็มีปุณขาประจำที่มารับประทานอาหารที่นี่ด้วยเช่นกัน ติ๊ด!! “ขอกาแฟให้ผมด้วย” ชีวิตประจำวันของเลขาคนหนึ่งก็เหมือนแม่บ้านเหมือนกันนะ ค่อยหาโน้นหานี้เตรียมนั้นเตรียมนี่ “กาแฟค่ะ ต้องการอะไรเพิ่มอีกรึเปล่าคะ” ยังไม่ทันที่คุณติณณ์จะได้พูดอะไร ประตูห้องทำงานก็เปิดอย่างรวดเร็วด้วยฝีมือของแม่ท่านรองที่ผลักประตูด้วยความแรงและมุ่งตรงเข้ามาหาคุณติณณ์ที่โต๊ะทำงาน เมื่อเห็นว่าคงเป็นเรื่องสำคัญฉันจึงขอตัวออกมาก่อน “ติณณ์แกต้องแต่งงานภายในสามเดือนนี้” “แม่ว่าไงนะครับ” “แกต้องแต่งงานภายในสามเดือนนี้และแม่จะปล่อยให้แกเป็นคนเลือกคู่ของแกเองแต่ต้องอยู่ภายในระยะเวลาสามเดือนนี้เท่านั้น” เสียงดุของคุณแม่ผมดังขึ้น ประโยคที่แม่พูดออกมาสร้างความงุนงงให้กับผมเป็นอย่างมากไม่เคยคิดเคยฝันว่าวันหนึ่งตัวเองต้องแต่งงาน “แต่แม่ครับ ผมยังไม่มีแฟน” “ฉันจะนัดดูตัวให้แก ยังไงแกก็ต้องแต่งงาน เพราะฉันไปดูดวงมาพระท่านทักว่าแกต้องแต่งงานภายในสามเดือนนี้ ไม่งั้นดวงของแกจะถึงฆาต” น้ำเสียงที่ดูร้อนใจของแม่ทำให้ผมแทบจะกุมขมับการแต่งงานไม่ใช่เรื่องขายของและอีกอย่างผมยังไม่มีแฟน “ผมไม่ว่างนัดดูตัวอะไรนั้นหรอกนะครับ” “ฉันจะไปขอคิวแกจากหนูปุณ” “แต่แม่ครับ เวลาแค่สามเดือนผมจะไปหาจากที่ไหนครับ” “ก็ตอนนี้แกถูกใจใครก็คนนั้นแหละ” คำพูดของแม่ทำให้ผมนิ่งไปชั่วขณะ หน้าของปุณลอยเข้ามาในหัวของผมทันทีจนต้องรีบสะบัดใบหน้าหวานของปุณให้ออกไปจากหัว แม่ของผมใช้จังหวะที่ผมเผลอเดินไปเรียกปุณให้เข้ามาภายในห้องทำงานของผมและให้ปุณหาเวลาให้ผมไปนัดดูตัว เลขาของผมก็เชื่อฟังแม่ของผมเหลือเกิน เธอตอบรับทุกคำของคุณแม่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มไม่ทุกข์ร้อนเรื่องที่ผมจะไปนัดดูตัวเลยสักนิดกลับเป็นผมซะเองที่ร้อนรุ่มไปหมด “หนูปุณ เคลียร์คิวเจ้าติณณ์ให้ฉันด้วยนะ” “ได้ค่ะ คุณท่านแจ้งวันมาให้ปุณ เดี๋ยวปุณล็อกคิวเอาไว้ให้” “ขอบใจหนูมากนะ” แม่ผมพูดเสร็จก็ตรงดิ่งออกจากห้องทำงานของผมไป โดยปล่อยให้ผมและปุณอยู่ที่ภายในห้องทำงานกันสองคน “อย่าทำตามที่แม่ผมพูดนะ” “แต่ปุณรับปากคุณท่านเอาไว้แล้ว ยังไงคุณติณณ์ก็ทนเอาหน่อยแล้วกันนะคะ เผื่อเจอคนที่ถูกใจ ปุณขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ” หลังจากที่ปุณเดินออกไปจากห้อง ผมต้องนั่งกุมขมับของตัวเองทันที เรื่องงานก็ยุ่งพออยู่แล้วและตอนนี้แม่ของผมก็เอาเรื่องดูตัวที่ผมไม่เคยคิดจะทำด้วยซ้ำเข้ามายุ่งกับชีวิตผมอีก ที่มากไปกว่านั้นผมต้องแต่งงานภายในสามเดือนงั้นเหรอ!! เรื่องตลกทั้งเพ “คุณปุณผมจะออกไปข้างนอก ไม่เข้ามาแล้วนะ” “ค่ะ” ผมบอกเลขาส่วนตัวก่อนจะเดินออกจากบริษัทมุ่งตรงไปยังร้านของเพื่อนทันที เพราะก่อนจะออกจากบริษัทผมนัดกับพวกเพื่อนเอาไว้แล้ว ตอนนี้ผมต้องการที่ปรึกษาเป็นอย่างมากกับเรื่องตอนกลางวันที่แม่ผมพูดและถ้าแม่ผมมาแบบนี้ ผมคงปฏิเสธอะไรไม่ได้แล้ว “เป็นอะไรวะ ร้อยวันพันปีไม่ยักจะโทรนัดพวกกู” ไอ้แดนและไอ้ครามที่เดินเข้ามาเอ่ยทักผมด้วยท่าทางงุนงง ผมไม่เคยโทรหัดเพื่อนออกมาเจอเลยสักครั้งมีแต่พวกมันที่มักจะโทรหาผมเสมอแต่ส่วนมากผมก็ปฏิเสธกลับไป “แม่กูจะให้กูแต่งงานภายในสามเดือนนี้” “ห๊ะ!!/แต่งงาน” เมื่อพวกมันได้ยินคำตอบของผม พวกมันตกใจจนเผลอทำหน้าปัญญาอ่อนออกมาอย่างนึกตลก ถ้าไม่มีเรื่องแต่งงานมากวนใจผมอะนะ “แต่งกับใคร มึงยังไม่มีแฟนเลยนะไอ้ติณณ์” “ก็ใช่ไง แต่แม่กูให้เลือกจากคู่เดท” “กูอยากจะบ้าตายกับแม่มึง แต่งงานนะเว้ยไม่ใช่เล่นขายของ” เพื่อนผมมีสาระก็วันนี้แหละ ผมเล่าทุกอย่างให้พวกมันฟังกับสิ่งที่พบเจอมาทั้งหมด ถ้าเป็นเรื่องธุรกิจผมไม่มานั่งกลุ่มอยู่แบบนี้เหรอแต่นี้คือเรื่องส่วนตัวมันทำให้ผมคิดไม่ออกว่าควรทำยังไงถึงได้ออกมาปรึกษาเพื่อนแบบนี้ “ทำไมดีวะ ปฏิเสธแม่คงยาก” “งั้นมึงก็ปล่อยให้แม่มึงตายใจ ไปดูตัวให้จบ ๆ ถ้ามึงไม่ถูกใจใครจริง ๆ ก็ไม่ต้องแต่งช่างแม่งดิวะ” เอาจริง ๆ ผมยังไม่พร้อมที่จะแต่งงานผมยังไม่อยากจะแชร์พื้นที่ส่วนตัวให้กับใคร ผมไม่อยากให้ใครเข้ามาก้าวก่ายชีวิตของผมแต่จะให้ทำยังไงได้ในเมื่อแม่ผมจริงจังกับเรื่องนี้มากพอสมควร “กูจะเตรียมตัวเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว” “ไอ้สัส!!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD