ครืด ครืด ครืด กลางดึกของวันห้องนอนที่เงียบสงัดร่างบางนอนหลับใหลอยู่บนเตียงนอนด้วยความสบาย ต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์ของตัวเองดังไม่หยุดจนปุณต้องเอาหมอนมาอุดหูของตัวเองแต่โทรศัพท์ก็ยังไม่หยุดดัง สายเรียกเข้ายังคงดังอยู่แบบนั้นจนเธอตัดสินใจรับด้วยอาการงัวเงีย
“ฮาโหลค่ะ”
“ใช่เบอร์คุณปุณรึเปล่าครับ” เบอร์แปลกที่ไม่คุ้นเคยมาพร้อมกับเสียงทุ้มของคนปลายสายพูดกับเธออย่างใจเย็นจนเธออยากจะถามกลับไปด้วยซ้ำ ที่โทรมารบกวนเวลานอนของเธอแบบนี้แต่เธอกำลังจะถามเป็นอันต้องชะงัก
“ผมโทรจากโรงพยาบาลนะครับ ตอนนี้สามีของคุณประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ครับ” จากที่งัวเงียตอนนี้เธอตื่นเต็มตา ปลายสายบอกว่าสามีของเธอประสบอุบัติเหตุประโยคนี้ทำให้เธอตื่นเต็มตาและถามว่าตัวเองไปมีสามีตอนไหน
“โทรผิดรึเปล่าคะ”
“ถ้าคุณคือภรรยาของคุณติณณภพ จิติพัฒน์กุล รีบมาโรงพยาบาล XXX ด่วนเลยครับ เพราะตอนนี้สามีของคุณประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ครับ” ชื่อที่ปลายสายระบุมาทำให้เธอรู้ว่าไม่ได้โทรผิด เมื่อได้ยินแบบนั้นเธอจึงรีบลุกจากเตียงและขับรถตรงดิ่งไปยังโรงพยาบาลที่ปลายสายแจ้งเอาไว้ด้วยความเร็วสูง
“ห้องฉุกเฉินไปทางไหนคะ”
“เลี้ยวซ้ายค่ะ” ความรีบและความเป็นห่วงของปุณทำให้เธอใส่แค่เสื้อยืดตัวโครงและกางเกงนอนขาสั้นออกจากคอนโดมาโดยไม่ได้เปลี่ยนชุดแต่งอย่างใด ขาเรียวสวยก้าวไปยังห้องฉุกเฉินทันทีด้วยความรีบร้อน
“ไม่ทราบว่าคนไข้ที่ประสบอุบัติเหตุเป็นยังบ้างคะ”
“ญาติของคนเสียชีวิตใช่รึเปล่าครับ” ห๊ะ!! อาการตกใจสุดขีด ขาที่แทบจะไร้เรี่ยวแรงเมื่อได้ยินว่าเขาเสียชีวิต น้ำตาลค่อย ๆ ไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยหรือคำทำนายของหลวงพ่อจะเป็นจริง สมองของเธอประมวลคำพูดของพระพร้อมกับโทษตัวเองที่ไม่สามารถช่วยเขาเอาไว้ได้ ตอนนี้เธอได้แต่โทษตัวเองว่าทำไมถึงไม่ช่วยเขาเอาไว้
สองขาไร้เรี่ยวแรงจนต้องมานั่งเก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉิน เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นทำให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนั้นมองตาเป็นแถว ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าจะติดต่อคุณแม่ของคุณติณณ์ได้ยังไง เพราะโทรไปแล้วท่านปิดเครื่อง ตอนนี้สมองเริ่มตื้อไปหมดไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี
สองมือกำเข้าหากันแน่นก่อนที่บุรุษพยาบาลจะเข็นเตียงที่คุมร่างผู้เสียชีวิตด้วยผ้าขาวเข็นออกมาจากห้องฉุกเฉิน เมื่อเห็นแบบนั้นน้ำตายิ่งไหลออกมาไม่หยุดมือไม้สั่นเทาไปหมด
“หยุดก่อนค่ะ ฉันขอดูหน้าเขาเป็นครั้งสุดท้ายได้รึเปล่า”
“คุณเป็นญาติของคนไข้เหรอครับ”
“ฉันเป็นเลขาเขาค่ะ” เตียงนอนที่คุมร่างเอาไว้หยุดอยู่ตรงหน้าของปุณ น้ำตาที่ไหลไม่หยุดไหลนองเต็มแปดเปื้อนที่แก้มจนตาบวมเป่ง มือไม้สั่นเทาพยายามยกมือตัวเองขึ้นไปเปิดผ้าคลุมหน้าของคนที่นอนอยู่บนเตียงช้า ๆ หัวใจที่บีบรัดกันแน่ ทำให้เธอหลับตาและค่อย ๆ เปิดผ้าคลุมหน้าของร่างที่นอนอยู่บนรถเข็น
“คุณติณณ์ ปุณขอให้คุณไปที่สงบสุขนะคะ” ดวงตาทั้งสองเบิกกว้างเมื่อผ้าที่ปกคลุมใบหน้าได้เปิดออก บาดแผลของคนที่นอนบนเตียงทำให้เธอผงะด้วยความตกใจ ก่อนจะปิดผ้าคลุมร่างไว้ที่เดิม
“เรียบร้อยแล้วนะคะ ญาติเชิญติดต่อเรื่องเอกสารเลยครับ”
“เขาไม่ใช่ญาติฉันค่ะ ฉันเข้าใจผิด คนที่ประสบอุบัติเหตุอีกคนอยู่ไหนคะ เขาชื่อติณณภพ”
“อ๋อ ผู้ชายคนนั้นอยู่ในห้องฉุกเฉินครับ” อยากจะเอามือตบกะโหลกของตัวเองสักที น้ำตาที่เสียเป็นโหล ตาบวมเป่ง ฉันนั่งร้องไห้กับใครก็ไม่รู้เนี้ยนะอยากจะด่าตัวเองแต่ทำไม่ลง ได้แต่ใช้มือบาดน้ำตาของตัวเองและขอโทษขอโพยเจ้าหน้าที่ด้วยความเขินอาย
เมื่อได้สติฉันจึงผลักประตูห้องฉุกเฉินเข้าไปก็พบกับชายร่างสูงที่นอนอยู่บนเตียง มีผ้าพันแผลพันที่แขน ศีรษะแตกและมีอาการซ้ำตามร่างกายบางจุด นอนทำหน้านิ่งไม่รู้สึกอะไรอยู่บนเตียง เพราะรอรักษาจากคุณหมอ โรงพยาบาลที่คุณติณณ์ถูกส่งตัวมาเป็นโรงพยาบาลของรัฐ สงสัยตอนที่กู้ชีพไปช่วยเขาคงจะหลบไป
“คุณติณณ์เป็นยังไงบ้าง”
“นิดหน่อย” ช่างกล้าพูดว่านิดหน่อย เลือดที่หัวไหลจนจะหมดตัวอยู่แล้วมั้งแถมแขนยังรอเข้าเฝือกอ่อนอีก อะไรคือนิดหน่อยของเขา
“ย้ายโรงพยาบาลมั้ยคะ เดี๋ยวปุณจัดการให้”
“อือ” หลังจากที่เขาตกลงจะย้ายโรงพยาบาลฉันก็รีบติดต่อกับพยาบาลและหมอของที่นี่และประสานงานไปยังโรงพยาบาลเอกชนที่เป็นโรงพยาบาลที่ครอบครัวของคุณติณณ์ใช้บริการตลอด เมื่อเคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วฉันก็เดินกลับมาที่เตียงที่คุณติณณ์นอนอยู่
“รอสักครู่นะคะ กำลังทำเรื่องอยู่”
“อือ” สายตาที่เขาจ้องมองมาที่ฉันทำไมดูน่ากลัวแบบนี้ ฉันทำอะไรผิดงั้นเหรอ คุณติณณ์นั่งอยู่บนเตียงคนไข้นิ่ง ๆ ไม่ขยับตัวไปไหนแต่สายตายังจ้องเชือดเฉือนฉันอยู่ตลอดเวลา
“ทำไมคุณติณณ์มองหน้าปุณแบบนั้นคะ”
“ใส่กางเกงขาสั้น” คำตอบของคุณติณณ์ทำให้ฉันรีบก้มมองดูช่วงล่างของตัวเอง ถ้าถามว่าโป๊รึเปล่าฉันก็ว่าไม่นะ เพราะปกติฉันก็ใส่ลงมาซื้อของด้านล่างคอนโดอยู่บ่อย ๆ ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรเลยด้วยซ้ำ สีหน้ายักคิ้วเป็นเชิงถามฉันแต่ท่าทางของคุณติณณ์ดูกลัวตีนจนฉันอยากจะถีบลงเตียง
“ไม่สั้นนิค่ะ” ไม่มีเสียงตอบรับจากคนบนเตียงอีกและเป็นจังหวะเดียวที่หมอเข้ามาแจ้งเรื่องการเคลื่อนย้ายคุณติณณ์ไปอีกโรงพยาบาลหนึ่งให้ฉันฟัง
“ญาติคนไข้ ติดต่อกับโรงพยาบาลXXXแล้วใช่มั้ยครับ” หมอหนุ่มหน้าตาดีเดินมาข้างเตียงของคุณติณณ์แต่เลือกที่จะพูดคุยกับฉันและสอบถามข้อมูล หน้าตาของหมอน่ารักจนฉันเคลิ้มไปครู่หนึ่งรอยยิ้มน่ารักของคุณหมอหนุ่มยิ่งดูน่ารัก
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“ครับ งั้นเชิญน้องสาวคนไข้ไปเซ็นเอกสารและค่าใช้จ่ายให้หน่อยนะครับ” รอยยิ้มสดใสของหมอยามดึกทำให้ความง่วงของฉันหายเป็นไปหมด ตอนนี้รู้สึกสดชื่นยังไงก็ไม่รู้
“ค่ะ” สายตาของคุณติณณ์สามารถฆ่าหมอหนุ่มได้เลยนะเนี้ยหรือว่าเขาประสบอุบัติเหตุสมองรุนแรงหรือหึงหมอรึเปล่าก็ไม่รู้ ท่าทีของหมอทำให้คุณติณณ์จ้องมองด้วยสายตาโหดถ้าเขามีปืนอยู่ที่มือคงชักปืนยิงแล้วมั้ง!! ฉันอยากจะพูดกับคุณติณณ์ว่าถ้าไม่ติดอะไรก็รักษาที่โรงพยาบาลนี้ก็ได้จะได้ให้หมอคนนี้รักษาคงหายจากอาการป่วยได้เร็วแต่ถ้าหมอเขาสนใจปุณก็คงแล้วแต่บุญแต่กรรมนะคุณติณณ์