ค่ำคืนที่แสนทรมานผ่านไปอย่างยากลำบากสำหรับค่ำคืนแรกของการแต่งงาน มะลิลามองแผ่นหลังสามีของตัวเองที่กำลังยืนแต่งตัวที่หน้ากระจกแล้วก็ลุกขึ้นเดินไปหาเขาเพื่อจะช่วยผูกเนคไทให้ แต่เขาก็ปัดมือเธอออกอย่างรังเกียจ
“ไม่ต้อง! ผมทำเอง ผมบอกแล้วไงว่าเราจะต่างคนต่างอยู่ อย่าพยายามทำหน้าที่ภรรยากับผม” เขาบอกด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นก่อนเดินไปยังที่เตียงเพื่อหยิบโทรศัพท์ของตัวเองและจังหวะนั้นเองก็มีสายเรียกเข้าเข้ามาพอดี
ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด!
มุมปากหนาของพัดยศยกยิ้มเมื่อเห็นชื่อที่โชว์หน้าจอก่อนจะกดรับสายปลายสายพร้อมกับหย่อนก้นนั่งลงบนเตียงนุ่มไม่สนใจภรรยาที่อยู่ในห้องด้วย
“พี่กำลังจะออกไป กี้อยากกินอะไรไหม พี่จะแวะซื้อไปให้ที่คอนโด” พัดยศกรอกเสียงนุ่มอ่อนโยนส่งไปในสายพร้อมกับใบหน้าเปื้อนยิ้มตลอดที่คุยกับคนในสายโดยไม่สนใจว่าใครอีกคนจะเจ็บปวดกับการกระทำของตัวเอง
‘ผู้หญิงที่คุณยศรักสินะโทรมาหาถึงได้ยิ้มมีความสุขแบบนี้’ เธอพึมพำกับตัวเองในใจแล้วเดินไปยังห้องน้ำเพื่อหนีภาพและน้ำเสียงนุ่มอ่อนโยนที่คุยกับหญิงอื่น ส่วนพัดยศเขาใช้หางตามองภรรยาที่เดินหนีหายเข้าไปในห้องน้ำแล้วยกยิ้มมุมปากก่อนจะลุกขึ้นคุยโทรศัพท์เดินออกจากห้องนอนโดยไม่ลืมหยิบกุญแจรถยนต์ส่วนตัวของตัวเองไปด้วย
หัสดินเห็นน้องเขยออกไปจากบ้านแต่เช้าจึงมาหาน้องสาวที่รักของตัวเอง เพราะตอนนี้ก็สายแล้วไม่เห็นออกจากห้อง แถมมื้อเช้าก็ไม่ยอมลงไปทาน ทำไมเป็นแบบนี้ทั้งๆ ที่เพิ่งแต่งงานกันแค่วันเดียวเอง
“หอมเป็นอะไรรึเปล่าฮึ? ” เขาถามเจ้าของห้องที่เดินมาเปิดประตูให้ตัวเอง ดวงตาของมะลิลาแดงก่ำเหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
“ไอ้ยศมันทำอะไรหอมรึเปล่า? ” หัสดินถามต่อเมื่อน้องสาวยังนิ่งเงียบ
“หอมไม่ได้เป็นอะไรค่ะพี่หิน ว่าแต่พี่หินเถอะค่ะ ทำไมวันนี้อยู่บ้านได้คะ”
“พอดีว่าตอนบ่ายพี่ต้องไปเชียงใหม่น่ะ เลยไม่ได้เข้าบริษัทตอนเช้า” เขาบอกตอบน้องสาวแล้วเดินมาโอบเอวประคองน้องสาวที่ตัวเองประคบประหงมดุจไข่ในหินเข้าไปในห้องแล้วพานั่งลงบนเตียงนุ่ม
“ไปกี่วันคะพี่หิน”
“พรุ่งนี้เย็นพี่ก็กลับแล้ว เราเถอะ โอเคแน่นะ แต่พี่ว่าหอมสีหน้าไม่ค่อยดี ถ้าไอ้ยศมันทำอะไรให้หอมไม่สบายใจหรือทำให้หอมไม่พอใจบอกพี่ได้นะ หรือบอกพ่อก็ได้”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่หิน คุณยศเขาก็ยังปกติดีกับหอม”
“ปกติกับหอมคือเย็นชาแบบนั้นน่ะเหรอ พี่รู้ว่ามันไม่ได้เต็มใจแต่งงานกับหอม ที่มันยอมเพราะมันขัดคำสั่งพ่อของเราไม่ได้” หัสดินพูดตามที่เห็น ลืมนึกถึงจิตใจของน้องสาว พอหันมาสบตาน้องสาวก็ต้องรีบยกมือขึ้นปาดเช็ดน้ำตาให้
“พี่ขอโทษนะหอม พี่พูดไม่คิด พี่ขอโทษนะคนดีของพี่ ไม่ร้องนะเด็กน้อยของพี่” เขารั้งร่างเล็กของน้องสาวเข้ามากอดปลอบพร้อมกับหอมกระหม่อมบางไปด้วย ส่วนมะลิลาก็กอดตอบพี่ชายแน่นแล้วปล่อยเสียงสะอื้นไห้ดังกว่าเดิม จากที่คิดว่าจะเข้มแข็งจะไม่อ่อนแอให้พี่ชายและพ่อเป็นห่วง แต่เมื่อนึกถึงความเย็นชาที่พัดยศหยิบยื่นให้ เธอก็เก็บความปวดร้าวไว้ในอกไม่ไหว
อึก! ฮือๆๆ
หัสดินกำมือที่ลูบแผ่นหลังเล็กของน้องสาวที่ไหวโยกตามแรงสะอื้นไห้ด้วยความเดือดดาล ไม่ใช่ไม่รู้ว่าพัดยศนั้นมีคนรัก แต่มันสมควรแล้วเหรอที่ปฏิบัติตัวเย็นชาไร้หัวใจกับน้องสาวของเขาแบบนี้ ทั้งๆ ที่พัดยศเองก็มองออกมาตลอดว่ามะลิลานั้นมีใจให้ตัวเองมาตั้งแต่เด็ก
‘ไอ้ยศ’ หัสดินได้แต่ขบฟันแน่นด้วยความเคืองแค้นอีกฝ่ายที่ทำแบบนี้กับน้องสาวตัวเอง น้องสาวของเขาไม่ใช่คนไร้ค่า ไม่ใช่ของตายที่พัดยศจะมองข้าม ‘แกมันเลวไอ้ยศ!’
ชีวิตแต่งงานของมะลิลาในแต่ละวันช่างยาวนานเหลือเกิน ตอนนี้ก็ได้เดือนกว่าแล้วที่เธอและพัดยศแต่งงานกัน เขาไม่เคยกลับมานอนที่บ้านเลยสักครั้งตั้งแต่วันนั้นตอนเช้าที่ออกไป แม้แต่โทรหาก็ไม่เคยโทรหาสักครั้ง และมะลิลาก็รู้ดีว่าการแต่งงานระหว่างตัวเองและชายหนุ่มเป็นการแต่งงานที่ไร้ซึ่งความรัก ซึ่งไม่ใช่กับเธอ แต่เป็นเขามากกว่า เขาไม่เคยรักและชายตามองเธอแบบผู้หญิงทั่วไปสักครั้ง เขาให้เธอเป็นลูกสาวผู้มีพระคุณที่อยู่บนหิ้ง
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูหน้าห้องเรียกดึงสติที่หลุดลอยไปของมะลิลากลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งที่เพิ่งแต่งตัวแต่งหน้าอ่อนๆ เสร็จไปเปิดประตู
แอค!
“พี่หิน”
“ออกไปข้างนอกกันเถอะ วันนี้พี่ว่างจะพาหอมออกไปซื้อของและดูหนัง”
เกือบหนึ่งเดือนที่น้องเขยไม่กลับมาค้างที่บ้านตั้งแต่ที่ออกจากบ้านไปในเช้าวันนั้น ซึ่งพ่อของเขาเองก็เครียดเหมือนกัน เพราะเป็นห่วงจิตใจของมะลิลาที่นับวันเศร้าหมอง ใบหน้าที่เคยมีชีวิตชีวาของมะลิลาก็ซูบผอมซีดเซียวเหมือนคนป่วย กับข้าวกับปลาก็แทบจะไม่แตะ หรือถ้ากินก็แค่คำสองคำ
“ค่ะ เดี๋ยวหอมไปหยิบกระเป๋าแป๊บนะคะพี่หิน” เธอส่งยิ้มขมๆ ให้พี่ชายแล้วเดินกลับไปในห้อง ส่วนหัสดินก็ได้แต่กำมือแน่นเก็บความโกรธไว้ในอก นานเกือบเดือนที่มะลิลาไม่ได้ยิ้มออกมาจากใจ ยิ้มที่เห็นทุกวันก็เป็นยิ้มขมขื่นที่พยายามแสร้งยิ้มออกมาให้ทุกคนเห็นเท่านั้น