หลังจากที่ได้พูดคุยผ่านไลน์วันนั้นมุมมองที่ดอกรักมีต่อพยัคฆ์ดีขึ้นมากโข แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่น่าถึงขั้นที่อีกฝ่ายจะต้องขับรถมารับเธอถึงหน้าหออย่างนี้นะ
“เอ่อ...”
“ขึ้นมา”
ดอกรักหยิบโทรศัพท์เครื่องเก่าขึ้นดูเวลาเมื่อพบว่าอีกไม่กี่นาทีจะถึงเวลาเข้าเรียน ถ้าหากเธอรอรถเมล์คงเลตแน่ ๆ จึงเลือกที่จะเข้าไปนั่งในรถยนต์คันสวย
“พี่มาได้ไงคะ”
“ขับรถผ่านแล้วเห็นเธอพอดี”
“หื้ม”
“ทำไม ไม่เชื่อฉันเหรอ”
“เปล่า ๆ ๆ ค่ะ” เสียงหวานปฏิเสธทันควันทั้งที่ในใจแอบคิดว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดไม่น่าเชื่อสักนิด เพราะหอพักที่เธออาศัยอยู่เป็นห้องพักราคาถูกที่ตั้งอยู่ในซอยแคบ ๆ การที่อีกฝ่ายจะขับรถผ่านมาหน้าหอเธอจึงดูไม่น่าเชื่อสุด ๆ แต่จะให้ดอกรักจ้ำจี้จ้ำไชก็ดูจะละลาบละล้วงเกินไปหน่อย
‘ถือซะว่าเป็นโชคดีที่ไม่ต้องไปเรียนสายแล้ว’ ดอกรักคิดในใจ
พยัคฆ์ขับรถมาส่งหญิงสาวถึงหน้าคณะ เรียกสายตาผู้คนให้หันมามองได้เป็นอย่างดี
รถยุโรปราคาแพงที่นักศึกษาไม่กี่คนสามารถครอบครองได้ แต่คนที่ลงจากรถดันเป็นเด็กทุนอย่างเธอทำให้นอกจากสายตาแล้วยังตามมาด้วยเสียงซุบซิบนินทาอีกต่างหาก
คนแถวนั้นมองมาที่ดอกรักอย่างตั้งคำถาม ร่างเล็กจึงเร่งฝีเท้าขึ้นไปบนห้องเรียนอย่างรวดเร็ว ขาเรียวเดินตรงไปยังโต๊ะเลคเชอร์ที่เพื่อนสาวสองคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว พร้อมกับคำทักทายจากพิกุล
“มาช้านะ”
“อื้อ ตื่นสายไปหน่อย”
“ดีที่มาถึงก่อนอาจารย์”
“อื้อ” ดอกรักพูดพร้อมกับหยิบอุปกรณ์การเรียนออกมา แต่ไม่ทันจะได้เตรียมตัว นักศึกษาคนหนึ่งที่เธอไม่เคยคุยด้วยก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า พร้อมสายตาหาเรื่อง
“นี่เธอ”
“ฮะ ?”
“เป็นอะไรกับพี่เสือ”
“พี่เสือ ?”
“ยัยนี่อย่ามาตีหน้าซื่อนะ เขาพูดกันไปทั่วว่าหล่อนลงจากรถพี่เสือเมื่อกี้”
“อาจารย์มาล่ะ”
ไม่ทันที่ดอกรักจะได้ตอบ อาจารย์ประจำวิชาก็เดินเข้ามาพอดี พร้อมกับพิกุลที่เอ่ยขึ้น ทำให้นักศึกษาคนดังกล่าวต้องเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะเจ้าหล่อนอย่างช่วยไม่ได้
เพราะวันนี้ดอกรักมีเรียนที่มหาวิทยาลัยทั้งวัน ในช่วงพักจึงเลือกที่จะมานั่งรอเวลายังโต๊ะม้าหินอ่อนที่พวกเธอชอบนั่งเป็นประจำ
“นี่ ที่ยัยนั่นพูดหมายความว่าไง”
“เขาขับผ่านหน้าหอ ฉันเลยได้ติดรถมาด้วยน่ะ” ดอกรักตอบคำถามมาลีวัลย์ตามที่ได้รับคำตอบจากพยัคฆ์เมื่อเช้า ถึงมันจะฟังดูไม่น่าเชื่อถือ แต่เธอก็คงไม่มีคำตอบอื่นจะให้เพื่อนได้
“หน้าหอเธอ ?”
“อ่าฮะ”
พิกุลและมาลีวัลย์หันมองหน้ากันอย่างตะขิดตะขวางใจ เพราะต่างก็รู้ว่าหอของดอกรักตั้งอยู่ในซอยที่รถสองคันขับผ่านกันแทบไม่ได้ แล้วที่แบบนั้นจะมีใครขับรถผ่านกัน
“แค่นี้ ?” มาลีวัลย์ถามเสียงสูง
“แค่นี้สิ จะไปมีอะไรล่ะ”
“ไม่ใช่ว่าเธอไปกุ๊กกิ๊กกับพี่เขานะ”
“จะบ้าเหรอ !”
“แล้วจะหน้าแดงเพื่อ ?”
“เปล่าสักหน่อย รีบกินเลยจะได้เข้าห้องเรียน” ดอกรักตวัดสายตามองเพื่อนที่เอาแต่พูดเพ้อเจ้อจนไม่ยอมกินขนมที่ซื้อมาสักที
กุ๊กกิ๊กงั้นเหรอ คนอย่างเขาน่ะนะจะมากุ๊กกิ๊กกับเธอ ให้เสือออกลูกเป็นแมวยังง่ายเสียกว่า…
...
พรึ่บ !
ร่างกายสูงใหญ่ของพยัคฆ์นั่งลงเก้าอี้ว่างเปล่าข้างดอกรัก
“ว้าว ไอ้เสือมันออกตัวแรงเว้ย”
“จริง ระวังน้องเขากลัวนะโว้ย”
“เงียบปากไปเถอะพวกมึง”
“หึ !”
ก้นยังไม่ทันจะถึงเก้าอี้เสียงกวนประสาทของดราก้อนก็ดังขึ้นทันที ส่วนเจ้าป่าก็ไม่น้อยหน้าเหมือนกัน ก่อนที่เสียงเข้มของพยัคฆ์จะเอ่ยขึ้นและตามด้วยเสียงหัวเราะในลำคอของอัศวิน
“เอ่อ…”
ดอกรักค่อนข้างแปลกใจที่คนตัวสูงมานั่งข้างเธอแบบนี้ นอกจากนี้แล้วมันยังเรียกสายตาของเพื่อนผู้หญิงทั้งห้องให้หันมามองอีกด้วย เรื่องที่เขาขับรถมาส่งถึงหน้าคณะวันนั้นยังไม่ซาเลยนะ เธอจะต้องตกเป็นหัวข้อสนทนาอีกแล้วเหรอ
“ทำไม ตรงนี้เธอซื้อไว้หรือไง”
“ไม่ได้จะพูดอย่างนั้นสักหน่อย” ดอกรักบ่นอุบ เพราะพยัคฆ์เล่นดักทางขนาดนั้นจะเธอพูดอะไรได้อีก
และเพราะดอกรักเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำให้ไม่รู้เลยว่ามีสายตาของใครคนหนึ่งมองมาที่เธออย่างเอ็นดู
หลังจากหมดคลาสดอกรักก็มานั่งรอเพื่อน ๆ เพื่อที่จะเข้าเรียนพร้อมกันในช่วงบ่ายที่โต๊ะประจำของพวกเธอ
“ว้าย ! ตกใจหมด” คนเหม่อสะดุ้งเมื่อจู่ ๆ เพื่อนตัวดีทั้งสองก็เดินเข้ามาจิ้มเอวเธอโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง
“ขวัญอ่อนจังนะ เอ๋ หรือว่ามัวแต่คิดถึงใคร” มาลีวัลย์พูดพร้อมยิ้มกริ่ม
“ฮะ ?”
“อะไรอย่ามาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ คนเขาพูดให้แซดว่าแกมีซัมติงกับพี่เสือ”
“ไม่มีอะไรสักหน่อยแค่เรียนด้วยกันเฉย ๆ”
“จริงอะ” พิกุลถามขึ้นด้วยเสียงไม่เชื่อ
“จริงสิ ขึ้นเรียนได้แล้ว” ดอกรักตอบก่อนจะลุกขึ้นแล้วผลักหลังพิกุลและมาลีวัลย์ให้เดินไปด้านหน้า เพราะไม่อย่างนั้นยัยสองคนนี้คงจะเอาแต่พูดเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่แบบนี้
แต่ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในห้องเรียนสิ่งแรกที่ได้รับคือสายตาหมั่นไส้จากเพื่อนร่วมชั้นโดยที่ยังไม่ได้ทำอะไร
“ไงจ๊ะ” จินนี่ เพื่อนร่วมชั้นที่เข้ามาหาเรื่องเธอในวันนั้นก็คือคนเดียวกับที่กำลังยืนขวางทางเธออยู่ตอนนี้ ดอกรักเพิ่งจะรู้จักชื่อเธอหลังจากที่อีกฝ่ายเข้ามาถามด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรเมื่อหลายวันก่อน
“หลบไป” ไม่ต้องรอให้ดอกรักเป็นคนพูดเพราะคนที่เดินนำหน้าอย่างมาลีวัลย์เอ่ยขึ้นมาก่อน
“ไม่ใช่เรื่องของแก อย่าแส่”
พลั่ก !
ไม่พูดเปล่าจินนี่ยังผลักร่างเพื่อนของเธออย่างแรงจนมาลีวัลย์ไถลไปชนกับขอบโต๊ะด้านหลัง
“อ้าว ยัยนี่ !” พิกุลที่เห็นเพื่อนรักโดนผลักก็เริ่มมีน้ำโหขึ้นมาเหมือนกัน
“เป็นไรไหม” ดอกรักเดินเข้าไปพยุงร่างเล็กของเพื่อนให้ยืนขึ้น
“ฉันโอเค”
“อย่ามาทำเป็นเมินฉันนะ แกก็แค่เด็กทุนอย่าคิดว่าพี่เสือเขาจะสนใจแกจริง ๆ”
“ก็คงดีกว่าเธอ ที่เขาไม่แม้แต่จะมอง”
ถ้าเป็นปกติแล้วดอกรักไม่เคยคิดจะตอบโต้ด้วยซ้ำ แต่เพราะครั้งนี้เจ้าหล่อนเล่นผลักเพื่อนเธอจนกระเด็น ดอกรักเองก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะนิ่งเฉยไปได้ตลอด
ปากเล็กเอ่ยตอบโต้อย่างเผ็ดร้อนและเหมือนมันจะจี้ใจอีกฝ่ายไม่น้อย
“นังนี่ !” แต่ก่อนที่จินนี่จะได้ถลาเข้ามาถึงตัวดอกรัก พิกุลก็ยื่นขาไปขัดราวกับพวกตัวร้ายในละครจนเจ้าหล่อนล้มหน้าคว่ำไปกับพื้น
“ว้าย เสียดายจังที่แกล้มแล้ว ไม่อย่างนั้นฉันกะจะผลักให้กลิ้งไปถึงตรงนู้นเสียหน่อย” มาลีวัลย์ที่ลุกขึ้นได้ก็เปิดปากแซ่บ ๆ ของตัวเองทันที พร้อมกับนิ้วเรียวที่ชี้ไปยังพื้นหน้าห้องประกอบคำพูด
เพราะห้องเรียนวันนี้เป็นห้องเรียนแบบสโลป และตอนนี้ที่พวกเธอยืนอยู่คือแถวที่ห้านับจากชั้นล่าง ไม่อยากจะคิดว่าถ้ามาลีวัลย์เกิดทำตามที่พูดจริง ๆ จินนี่คงเจ็บไปอีกหลายวัน แต่นั่นก็คงไม่เท่ากับความอับอายที่จะเกิดขึ้นแน่นอน
ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะได้ลุกขึ้นมาหาเรื่องพวกเธอต่อ อาจารย์ประจำวิชาก็เข้ามาพอดิบพอดี ทำให้นักศึกษาที่มุงดูเมื่อครู่แตกกระจายไปหมดไม่เว้นแม้แต่เพื่อนในกลุ่มของจินนี่เอง
ดอกรักดึงแขนเพื่อนทั้งสองให้มานั่งยังโต๊ะที่ว่างเพราะไม่อยากให้เรื่องกันไปมากกว่านี้
“ฝากไว้ก่อนเถอะ” เสียงแหลมเอ่ยขึ้นอย่างคับแค้นใจ
หลังจากเรียนเสร็จสิ้นทั้งสามก็ออกจากห้องเรียนทันที ดีที่จินนี่ไม่ได้เข้ามาหาเรื่องเธออีกเพราะไม่อย่างนั้นดอกรักคงจะปวดประสาทไปมากกว่านี้แน่ ๆ
“รัก”
“ว่า”
“ไหนเธอบอกไม่มีอะไร”
“เธอพูดอะไร” ดอกรักที่มัวแต่หางานพิเศษเพิ่มเติมในโทรศัพท์เงยหน้าขึ้นมาถามพิกุลอย่างสงสัยที่จู่ ๆ เพื่อนสาวก็ถามขึ้นโดยไม่มีที่มาที่ไป
แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาสิ่งแรกที่ดอกรักเห็นคือออร่าที่แผ่กระจายอยู่ด้านหน้า และนั่นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพยัคฆ์ที่กำลังยืนพิงรถสปอร์ตคันหรูของเจ้าตัวมองมาที่เธอ
“เขาคงไม่ได้มาหาฉันมั้ง”
“แหม มองขนาดนี้จะมาหาใครอีกไม่ทราบ” มาลีวัลย์ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
“เอ่อ...” ดอกรักลังเลไม่รู้ว่าตัวเองควรจะเดินไปหาพยัคฆ์หรือไม่เพราะถ้าหากเขาไม่ได้มาหาเธอ ไม่ใช่เธอต้องหน้าแตกต่อหน้าเพื่อนทั้งคณะเหรอ
กริ๊งง
ในระหว่างที่กำลังลังเลเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เพราะมัวแต่คิดนั่นนี่จึงไม่ได้ดูรายชื่อที่โทรเข้ามา มือเรียวกดรับสายในทันที
(“เดินมา”)
“คะ ?”
(“หรืออยากให้ฉันเดินไปรับถึงที่”)
“ไม่ค่ะ ๆ”
หลังจากวางสายดอกรักก็รีบบอกลาเพื่อนก่อนจะเดินไปยังรถยนต์คันหรู ปล่อยให้เพื่อนทั้งสองมองตามอย่างงงงวยเพราะเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนดอกรักยังบอกอยู่เลยระหว่างเธอกับพยัคฆ์ไม่ได้มีอะไรทั้งนั้น...
ในรถพยัคฆ์
“จะพาฉันไปไหนเหรอคะ”
“ไปกินข้าว”
“คือฉันมีงานต้องไปทำต่อ”
“อย่ามาโกหก”
“ฉันไม่ได้โกหกนะคะ พี่ก็เคยไปร้านที่ฉันทำงาน” ดอกรักไม่ได้หมายถึงแค่ตอนที่พยัคฆ์ควงแม่สาวคนนั้นไปทานอาหาร เพราะหลังจากวันนั้นเธอก็เห็นเขาไปนั่งทานอาหารที่นั่นคนเดียวอยู่บ้าง
“เธอต้องไปทำงานในร้านที่ปิดบริการแล้วงั้นเหรอ”
“หื้ม ?”
“หึ”
ดอกรักเลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อเพราะนั่นคือเรื่องจริง จริง ๆ แล้วร้านอาหารที่เธอทำงานอยู่เพิ่งปิดบริการไปเมื่อไม่กี่วันก่อน เพราะเจ้าของร้านมีปัญหาสุขภาพ ทำให้ดอกรักต้องมาหัวหมุนหางานใหม่อยู่นี่ไง
ในเมื่อโดนจับได้ว่าโกหกต่อหน้าต่อตาแบบนี้แล้วเธอจึงเลือกที่จะนั่งเงียบ ๆ
“นี่ไม่ใช่ทางไปหอฉันนะคะ” เมื่อรู้สึกว่าเส้นทางที่รถกำลังแล่นไปไม่ใช่ทางกลับหอเธอคนตัวเล็กก็ทักท้วง
“ฉันบอกจะพาเธอกลับหอหรือไง”
“อ้าว แล้ว-”
“ไปกินข้าว ตัวเล็กขนาดนี้ถ้าลมพัดคงปลิวไปแล้วมั้ง”
“ไม่ได้เล็กขนาดนั้นเสียหน่อย” ดอกรักพูดเสียงอุบอิบ ใครจะไปตัวสูงใหญ่เหมือนเขากัน ถ้าวัดจากสายตาพยัคฆ์คงสูงไม่ต่ำกว่าร้อยแปดสิบแน่ ๆ แม้จะไม่ได้ล้ำบึกแต่ตามร่างกายก็ดูออกว่ามีกล้ามเนื้อไม่น้อย
ไม่นานรถสปอร์ตคันสวยก็มาถึงร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งที่ดอกรักเคยได้ยินชื่อแต่ไม่คิดย่างกรายเข้ามาเลยสักครั้งเพราะราคาที่สูงลิ่ว
“พี่คะ คือ” ดอกรักอยากจะบอกเหลือเกินว่าตนไม่มีปัญญาหารจ่ายด้วยหรอกนะ
“ฉันเลี้ยง” เสียงเข้มของคนพามาเอ่ยขึ้นราวกับรู้ว่าสิ่งที่เธอจะบอกคืออะไร
“แต่ว่า-”
“สวัสดีค่ะ มากี่ท่านคะ”
ดอกรักอยากจะปฏิเสธความหวังดีแต่ดันมีเสียงของพนักงานร้านอาหารเอ่ยขึ้นเสียก่อน
“สองคน”
“เชิญทางนี้ค่ะ”
พยัคฆ์เอื้อมมาจับมือเล็กให้เดินตามไปยังโต๊ะด้านใน ความรู้สึกอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วมือเล็ก ตากลมจับจ้องมือเราที่กุมกันไว้ไม่ห่างในขณะที่ก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อถึงโต๊ะอาหารที่ตกแต่งไว้อย่างหรูหรา ดอกรักก็เอาแต่นั่งเกร็ง และเมื่อได้เห็นราคาแต่ละเมนูแล้วเธอก็ไม่กล้าแม้แต่จะสั่งน้ำเปล่ามาดื่มด้วยซ้ำ
พยัคฆ์ที่เห็นแบบนั้นจึงสั่งอาหารให้ทั้งเขาและเธอเสร็จสรรพ
ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังทานอาหารกันอยู่ก็มีผู้หญิงหน้าตาน่ารักที่เธอไม่รู้จักเดินเข้ามาหาพยัคฆ์ก่อนจะ
จุ๊บ !