จากวันที่พยัคฆ์ประกาศก้าวว่าจะจีบเธอ เขาก็ทำอย่างที่พูดจริง ๆ
ทุกเช้าดอกรักไม่จำเป็นต้องนั่งรถเมล์แล้วเพราะมีสารถีหน้าหล่อมารับมาส่งไม่ขาด ไม่รู้อีกฝ่ายไปรู้ตารางเรียนเธอได้อย่างไร แต่เมื่อคิดว่าเขาคือพยัคฆ์เรื่องแค่นี้คงแสนง่ายดายจึงไม่คิดจะถามเอาคำตอบ เหมือนอย่างวันนี้ที่ดอกรักลงจากหอพักก็เจอกับรถสปอร์ตคันงามจอดรออยู่ก่อนแล้ว
“เลิกเรียนแล้วโทรมา”
“เดี๋ยวรักกลับเองก็ได้”
“กว่าเธอจะทำงานเสร็จไม่มีรถเมล์ให้เธอนั่งแล้ว”
“แต่-”
“โทรมา เข้าใจไหม”
“ค่ะ”
วันนี้ดอกรักต้องทำงานของกลุ่มนักศึกษาทุนที่ต้องทำงานวิชาการเพื่อจัดแสดงให้กับสถาบันอื่นที่จะเข้ามาชมงานในอีกไม่กี่วัน อีกทั้งยังเป็นกิจกรรมที่บังคับให้นักศึกษาที่ต้องรับทุนอย่างพวกเธอเข้าร่วมเผื่อที่จะได้เก็บเป็นคะแนนกิจกรรมไว้ยื่นในเทอมถัดไป แน่นอนว่าดอกรักและพิกุลหลีกเลี่ยงมันไม่ได้
“ไหนว่าไม่มีอะไรไงจ๊ะ” ขาเรียวก้าวยังไม่ทันจะถึงโต๊ะเสียงแหลมของมาลีวัลย์ก็เอ่ยแซว โดยมีพิกุลยิ้มล้อเลียนอยู่ด้านหลัง
“อะไรล่ะ อย่ามาจับผิดกันนะ” ดอกรักบ่นอุบเพราะตอนนี้สถานะของเธอกับพยัคฆ์เขยิบขึ้นมาอีกขั้นแล้ว แม้จะยังไม่ได้ตกลงคบกันก็เถอะ แต่ภาพที่รถสปอร์ตคันหรูสีดำมาจอดรอถึงหน้าคณะก็เป็นที่ชินตาไปแล้ว
“คิก ๆ ไม่ต้องเขินน่า”
“ไม่ได้เขินสักหน่อย”
“อ๋อเหรอ แล้วทำไมหน้าแดงขนาดนั้นล่ะจ๊ะ” มาลีวัลย์ยังแซวต่อเพราะใบหน้าแดง ๆ ของดอกรักมันน่าแกล้งชะมัด ไหนจะสองมือที่ยกขึ้นปิดบังใบหน้าแดงก่ำอย่างน่ารักทำเอาเพื่อนทั้งสองหัวเราะชอบใจ
“กุลลางานหรือยัง”
“ลาแล้ว แต่ถ้างานเสร็จเร็วก็อาจจะแวะไปที่ร้านหน่อย เผื่อวันนี้คนเยอะ”
“อื้ม”
ดอกรักถามพิกุลเพื่อเตือนว่าวันนี้ทั้งสองคนต้องอยู่ทำงานกับชมรมนักศึกษาใช้ทุน และดูจากเนื้องานที่บอกก่อนหน้าก็คิดว่าน่าจะใช้เวลาทำหลายชั่วโมงเลยทีเดียว
“เฮ้อ ฉันต้องกลับบ้านคนเดียวเหรอเนี่ย” มาลีวัลย์ตัดพ้ออย่างไม่ได้จริงจังนักทำทั้งสองหันขวับไปมอง
‘ปกติเธอก็กลับคนเดียวอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง’
…
งานของชมรมสิ้นเสร็จในเวลาเกือบเที่ยงคืน ดอกรักหยิบโทรศัพท์มาดูเวลาพลางคิดว่าเธอควรโทรหาพยัคฆ์ดีไหมเพราะดึกดื่นขนาดนี้แล้วจะให้อีกฝ่ายขับรถมารับก็เกรงใจไม่น้อย
“กลับยังไง” ระหว่างที่กำลังเดินออกมาจากห้องชมรมพร้อมเพื่อนคนอื่น ๆ พิกุลก็ถามขึ้น
“เอ่อ น่าจะแท็กซี่”
“แท็กซี่ ?”
“ใช่ ฮะ ! พี่มาอยู่นี่ได้ไง”
ดอกรักตอบออกไปก่อนจะหันกลับไปมองเจ้าของเสียงเข้มด้านหลัง แล้วก็พบกับร่างสูงใหญ่ของพยัคฆ์ที่มองเธออยู่ก่อนแล้ว
“เพราะรู้ว่าเธอจะแอบกลับเองน่ะสิ” เสียงเข้มตอบกลับ เพราะคาดเดาไว้แล้วว่ายัยตัวดื้อนี่จะไม่กล้าโทรหาเขาแล้วแอบกลับเองแน่นอน ดึกดื่นขนาดนี้แล้วจะปล่อยให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆกลับเองได้ยังไง
คนตัวเล็กเลิ่กลั่กเพราะคิดว่าเมื่อกลับไปเมื่อถึงห้องแล้วค่อยส่งข้อความไปบอกทีหลัง ไม่คิดว่าพยัคฆ์จะมาอยู่ตรงหน้าแถมยังมองเธอราวกับเป็นพวกเด็กดื้ออีก
“ถ้างั้นฉันขอก่อนนะ” พิกุลที่เห็นเพื่อนมีคนมารับแล้วจึงขอตัว
“เดี๋ยว แล้วเธออกลับยังไง รถเมล์ทางนั้นหมดแล้วนี่”
“แท็กซี่ไง”
“เอ่อ...” ดอกรักเงยหน้าสบตาพยัคฆ์อย่างขอความช่วยเหลือ แม้จะเกรงใจเพราะหอเธอกับบ้านของพิกุลอยู่คนละทาง แต่จะให้เพื่อนกลับเองแบบนั้นก็รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ พิกุลที่เห็นท่าทางของเพื่อนสนิทก็รู้ว่าดอกรักกำลังคิดอะไรอยู่
“ไม่ต้องเลย ฉันกลับเองได้ ชิลน่า” พิกุลพูดสบาย ๆ ไม่อยากให้เพื่อนกังวล เพราะปกติพิกุลก็ทำงานพิเศษที่ร้านเหล้าอยู่แล้ว ดังนั้นการกลับบ้านดึกดื่นมืดค่ำสำหรับเธอไม่ใช่เรื่องน่ากังวลสักนิด
“เดี๋ยวฉันไปส่งเอง”
“คะ ?”
เสียงของอีกคนมาใหม่ดังมาทางด้านหลังของเธอและเจ้าของเสียงก็คือเจ้าป่าเพื่อนในกลุ่มของพยัคฆ์นั่นเอง
ที่พยัคฆ์ได้มาดักรอดอกรักส่วนหนึ่งก็เพราะเพื่อนสนิทอย่างเจ้าป่ารั้งตัวไว้ให้ช่วยงานของทางมหาวิทยาลัยนี่แหละ
เจ้าป่ามีตำแหน่งเป็นถึงนายกสมาคมนักศึกษาที่ต้องทำทั้งกิจการงาน ๆ ต่างของมหาวิทยาลัย และแน่นอนว่าเพื่อนสนิทอย่างพวกเขามักจะโดนมันลากคอยมาช่วยงานอยู่บ่อย ๆ แม้จะไม่ได้มีตำแหน่งอะไรก็ตาม
พิกุลสบตาดอกรักอย่างงุนงงเพราะเธอไม่ได้รู้จักมักจี่กับคนพวกนี้เสียเท่าไหร่
“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ” เสียงหวานปฏิเสธอย่างสุภาพเพราะได้ยินกิตติมศักดิ์ของคนพวกนี้จากมาลีวัลย์เหมือนกัน แม้เธอจะไม่ได้เรียบร้อยถึงขนาดดอกรัก แต่ก็ใช่ว่าจะอยากมีปัญหากับใครเสียหน่อย ยิ่งพวกที่ดูมีอิทธิพลแบบนี้แล้วด้วย
“ไม่ต้องห่วงน่า ไม่ใช่แค่เราสองคนสักหน่อย ใช่ไหมไอ้วิน”
“เออ” เสียงอัศวินดังขึ้นจากในมุมมืดทำพิกุลสะดุ้งตกใจเพราะคิดว่าไม่มีใครอยู่ตรงนั้น แบบนี้มันน่าห่วงกว่าอีกไม่ใช่หรือไง ?
“ถ้าอย่างนั้นฝากพี่เจ้าป่าด้วยนะคะ” ไม่รอให้เพื่อนได้ปฏิเสธอีกรอบ ดอกรักก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาเอง
ดอกรักที่ช่วงนี้ค่อนข้างได้อยู่กับกลุ่มเพื่อนพยัคฆ์ อีกอย่างคนกลุ่มนี้ก็ใช่ว่าไม่น่าไว้วางใจเสียทีเดียว ให้เพื่อนไปกับพวกเขาคงดีกว่าให้กลับแท็กซี่เองคนเดียว ยิ่งตอนที่ทำงานเมื่อกี้มีเพื่อนคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า สามวันก่อนเพิ่งมีนักศึกษาถูกแท็กซี่ลวนลามแล้วยังตามตัวคนร้ายไม่ได้ ดอกรักยิ่งเป็นกังวล
“แน่นอนน้องรัก”
ชิ้ง !
ทันทีที่เจ้าป่าพูดจบก็ได้รับสายตาเยือกเย็นจากเพื่อนสนิทที่ยืนราวกับจะสิงเข้าไปในร่างดอกรักทันที
เจ้าป่าส่ายหน้าเอือมระอา แค่ทำท่าทีสนิทสนมกับคนของมันแค่นี้ต้องมองกันแรงขนาดนั้นเลยหรือไง ไอ้ขี้หวงเอ๊ย
“จะกลับได้หรือยัง” เสียงทุ้มต่ำของอัศวินดังขึ้นจากมุมมืดอีกครั้ง
“กลับสิโว้ย ทางนี้เลย-”
“พิกุลค่ะ”
“อ่า ทางนี้ ๆ เลย”
เมื่อไม่มีทางเลือกพิกุลจึงยอมเดินตามหลังชายทั้งสองคนไปยังรถสปอร์ตอีกคันที่อยู่จอดหน้าตึก
ตากลมมองเพื่อนสนิทเดินตามกลุ่มเพื่อนของพยัคฆ์ไปแล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ส่วนตัวเองก็เดินตามแรงจับของมือใหญ่มายังรถยนต์คุ้นตา