บทที่ 6 เหมือนจะห่วง
ฉันเลือกที่จะเสยท้ายรถเก๋งคันหรูสีดำที่จอดอยู่ข้างทาง เพราะข้างหน้าฉันมีรถเก๋งและรถพ่วงที่กำลังชะลอความเร็วอยู่ด้วย
นี่ถ้าเลือกจะชนรถข้างหน้า มันก็ต้องรู้สึกผิดแน่ๆ ถ้าเกิดชนรถเก๋งข้างหน้าคันสีขาว รถคันนั้นต้องไปอัดก็อปปี้กับรถพ่วงข้างหน้าแน่ๆ คิดดูว่าจะเหลืออะไรไหม!
ฉันคิดว่าตัวเองทำถูกแล้วนะ ยังไงก็มีประกัน คงเรียกมาเคลียร์กันได้ แต่ก็ ไม่น่าเลย ตอนขับรถต้องมีสติ เคยบอกตอนเองแล้วห้ามวอกแวก แต่พอเป็นเรื่องผู้ชายที่ชอบ ก็มีจิตใจที่วอกแวกทันที
“ เฮือก ยัยแพรวแกเป็นไงบ้าง ” ฉันรีบหันถามเพื่อนสาวทันที ในตอนที่รถฉันจูบท้ายรถเก๋งคันสีดำข้างหน้าสำเร็จ ดีนะถุงลมนิรภัยช่วยชีวิตด้วย ไม่งั้นหน้าอกคงกระแทก
“ อื้ม โอเค ฉันโอเค ” เพื่อนสาวตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเบา แต่ดูท่าไม่ดี ฉันที่มีสติกลับมารีบลงจากรถ แล้วไปเปิดประตูด้านคนนั่งข้างทันที
“ ออกมาก่อน ” จับร่างเพื่อนออกมา น่าจะมีอาการช็อกอยู่ แขนขาอ่อนแรงเลย
รถฉันมีควันโขมงออกมาจากหน้ากระโปรงรถทันที
“ เอ่อ…เป็นไงบ้างครับ ” มีเสียงผู้ชายดังขึ้น ฉันที่กำลังนั่งเอามือส่ายไปส่ายมาที่ราวกับเรียกลมมาที่ใบหน้าเพื่อนสาว ชะงักทันทีและเงยหน้ามอง เพราะรู้ว่าน่าจะเป็นคนที่ขับรถคันสีดำ
“ เธอ! ”
“ บอย! ” จะไม่รู้จักได้ไง ผู้ชายคนนี้คือเพื่อนสนิทของคนที่ฉันชอบ
“ ไอ้บอยว่าไงบ้าง ” เสียงหนึ่งก็ดังขัดขึ้น
“ มึงมาดู ” บอยเรียกเพื่อนอีกคนให้มาดู และฉันก็รู้ทันทีว่าคนคนนั้นคือใคร
“ เธอ! นี่เองที่ขับรถชนท้ายรถฉัน ”
“ เอ่อ…ใช่ๆ นายเรียกประกันเลย ”
“ อืม ” แล้วเขาก็เดินไป
“ เพื่อนเธอเป็นไงบ้าง ” บอยเดินมาใกล้ฉัน แล้วนั่งยองๆเพื่อดูอาการของยัยแพรว
“ ฉันยังไม่ตายหรอกย่ะ ” จู่ๆ ยัยแพรวก็ลุกขึ้นพรวดพลาดแล้วพูดใส่อารมณ์ทำเอาบอยถึงกับงง
“ เอ่อ…เธอชื่ออะไรแล้วนะ เด็กห้องสองใช่ไหม”
“ ใช่ๆ ฉันชื่อแจน ส่วนนี้แพรว ”
“ อ๋อๆ ฉันคงไม่แนะนำตัวแล้วนะ เพราะดูท่าเธอจะรู้จักพวกเราด้วย ” ก็แหง่สิ ฉันต้องรู้จักนั้นแหละ เพราะฉันแอบชอบผู้ชายคนหนึ่ง แล้วต้องรู้ว่าเขาสนิทกับใคร
“ อืม ”
หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง ประกันฉันกับรถของจอมทัพก็มาพูดเคลียร์กัน และรถเราสองคนต้องส่งซ่อมด้วย ซึ่งเป็นศูนย์เดียวกันอีก
ประกันพวกเราน่ารัก ยังหาบริษัทเช่ารถให้พวกเราอีกด้วย ซึ่งพวกเราต้องไปต่อ ตอนนี้เพื่อนๆ คงจะรอแล้ว สรุปได้มาคันเดียว
“ ไอ้ทัพมึงขับนะ ” บอยพูดขึ้น
“ เออ ”
“ เดี๋ยวๆ นายต้องมานั่งข้างหลัง ส่วนข้างหน้าให้ยัยแจนนั่ง ยัยนั่นเมารถ ” ยัยแพรวตะโกนห้ามบอยที่กำลังเปิดประตูรถข้างหน้าทันที
“ โธ่เว้ย! ” บอยสถบเบาๆ ฉันต้องหันไปทำหน้าสงสัยใส่เพื่อนสนิททันที
“ ไปเถอะ ทางโปร่ง ทางสะดวก ” เพื่อนสาวก็ผลักหลังฉันแล้วดันเบาๆ เพื่อให้ไปนั่งข้างหน้าคู่กับเขา
“ ไม่มีใครขาดเหลืออะไรแล้วนะ ฉันจะออกรถล่ะ ” คนที่ทำหน้าที่ขับรถพูดขึ้น
“ ไม่มีแล้วจ่ะ ” เพื่อนสาวตอบ
“ เออ กูก็ไม่มีแล้ว ” บอยตอบ แต่เขาก็ไม่ยอมออกรถทันที บวกกับยัยแพรวสะกิดแขนฉันไม่หยุดจนต้องหันไปมองด้านหลัง นางบุ้ยปากไปทางเขา พอหันตามที่เพื่อนบอก คือเขาจ้องหน้าฉันอยู่…
“ เอ่อ…ฉันก็ไม่มีอะไรแล้ว ” และที่ตอบออกไป ไม่แน่ใจว่าเข้าใจถูกไหม แต่เขาก็ออกรถทันที
บนรถไม่ได้เงียบ เพราะบอยกับแพรวพูดกันอย่างถูกคอ คงมีแค่ฉันกับนายจอมทัพที่นั่งนิ่งๆ และมองทางข้างหน้า
ต่อให้ผ่านมาอีกปี ความในใจของฉันที่มีต่อเขาก็ยังเหมือนเดิม หัวใจมันยังคงคิดถึงและชอบเขาไม่คลาย ยิ่งพอได้นั่งใกล้แบบนี้หัวใจมันก็เต้น ตึกตัก ตึกตักตลอดเวลา เหลือบตาไปมองเขาหลายครั้งมาก แต่จ้องนานไม่ได้ กลัวเขารู้ตัว เขาหน้าตาไม่เปลี่ยน ยังเหมือนเดิม เพิ่มเติมดูจะมีกล้าม ร่างกายกายกำยำขึ้น
ล่องแก่งXX
ถึงสักที นั่งจนเมื่อยตูด ปวดฉี่จะตายชัก แต่ไม่กล้าบอกให้เขาจอดปั๊ม พอถึงที่พักก็เดินตัวปลิวไปหาห้องน้ำทันที
“ นะ…นาย ” พอออกจากห้องน้ำก็ทำให้ตกใจเพราะเหมือนว่าจอมทัพเขาจะมายืนรอเลย อร้าย….หัวใจมันปลื้มปริ่ม
“ อะ นี่กระเป๋าเธอ เดินตัวเปล่าไม่ถืออะไรมาเลย ต้องให้เป็นภาระฉันอีก ” อะ…อ้าว แป๋วว ใจแตกสลาย…
“ ว่าแต่ยัยแพรวไปไหนเหรอ ทำไมนายไม่ฝากยัยนั่นไปไว้กระเป๋าของฉันอะ ”
“ ก็คิดว่าเพื่อนเธอจะเอาให้ แต่ที่ยัยนั่นเอาก็มีแค่ของตัวเองเท่านั้น แล้วรีบไปล่องแก่งทันที ”
“ อ๋อ คงเหลือแค่ฉันกับนายสินะ ที่ยังไม่ได้ล่อง ” ค่าที่พัก ค่ากิน ค่าล่องแก่ง คือได้จ่ายทีเดียว กับเพื่อนคนที่จัดการหาแล้ว
“ คงงั้นมั้ง ”
หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันเอากระเป๋าไปเก็บ ที่พักคือจองสองห้อง แบบห้องใหญ่ติดลำธาร เป็นห้องติดกัน ห้องหนึ่งผู้ชาย อีกห้องผู้หญิง
พอไปที่ลำธารเขาก็รอฉันอยู่ก่อนแล้ว เพราะเหลือแค่เราสองคนที่ยังไม่เล่นเหมือนคนอื่นๆ และเรือลำเล็กเหมาะสำหรับนั่งสามคนพอดี คนหนึ่งคือเจ้าหน้าที่ที่จะพายเรือให้พวกเรานั่งเล่น
“ เสื้อสีอื่นไม่มีเหรอ? ” เขาจ้องจากหัวจรดเท้าทันที
“ ที่แขนยาวมีแค่สีขาว ลืมไปเลยว่าต้องเล่นน้ำ และสีอื่นก็มีแค่แขนสั้นเดี๋ยวจะดำหมด ”
“ ปกติก็ไม่ได้ขาวอยู่แล้ว ” เขาพูดจบขึ้นเรือ มีแค่ฉันที่ไม่สบอารมณ์ เชอะ…
ทุกคนต่อให้ว่ายน้ำเป็น ก็ต้องได้ใส่ชูชีพ ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า ซึ่งฉันว่ายน้ำไม่เป็นแต่เพราะจ่ายเงินไปแล้วต่อให้กลัวน้ำมากแค่ไหนก็จะเล่น บวกกับได้นั่งใกล้กับคนที่ชอบพอดี เลยอยากเล่นมากๆ
“ กรี๊ดดด ไม่ๆ พี่คะ ไม่เอา หนูกลัว แง่ๆ ” พอถึงที่น้ำแรง พี่คนพายเรือก็หยอกล้อด้วยการโยกเรือไปมา ซึ่งฉันนั่งตรงกลาง จับเรือแน่นมาก กลัวตก แหกปากร้องตะโกนด้วย
“ แง่ๆ พี่ข๋า หนูกลัว ” เอียงคอไปหาพี่คนพายเรือที่นั่งยิ้มเหมือนถูกใจ
“ กลัวน้ำแล้วลงมาทำไม ” เสียงห้วนดังมา แต่ตอนนั้นไม่ได้ใส่ใจเพราะวิตกกังวลกับตอนนี้มากกว่า สักพักพี่คนพายเรือก็พายต่อ แต่มีเจ้าหน้าที่คยอื่นที่เฝ้ารอบนโขดหินก็ลงน้ำมาเพื่อคว่ำเรือแกล้งอีก โอ๊ยย นุ้งกลัว
“ ไม่ๆ พี่อย่า หนูกลัว กรี๊ดดดด!! ”
“ ตู้ม!!! ” พอตกน้ำ ฉันก็รีบคว้าร่างจอมทัพทันที น้ำเข้าหูเข้าตา กินน้ำไปหลายเฮือกจนแสบจมูกหมดแล้ว
“ ปล่อยก่อน ฉันหายใจไม่ออก ” เขาพูด ฉันกอดเขาแน่นเกาะเหมือนปลิวไปเลย
“ ฉะ…ฉันกลัว น้ำลึกไหมอะ ” เท้าฉันไม่ถึงพื้นเพราะเอาเกี่ยวที่เอวเขาแน่นมาก
“ ไม่ลึกหรอก ” พี่คนพายเรือ เอาเรือพลิกขึ้นแล้วพายมาหาเราสองคน
“ ขึ้นมาครับ ” พี่คนพายเรือยื่นมือมา ฉันยื่นไปหาเพื่อจะขึ้นเรือแต่ก็ทุลักทุเลจนเกินไปมั้ง จอมทัพก็เลยดันที่ก้นฉัน ทำเอาวูบวาบเหมือนเพิ่งเคยถูกมือชายครั้งแรกอย่างนั้นแหละ
แล้วเรือของพวกเราก็ไปต่อ พอถึงที่น้ำเชี่ยวแบบไม่แรงมาก พี่เขาก็โยกเรืออีกแล้ว ซึ่งฉันเกาะเรือแน่นมาก และมันก็เป็นปกตินะที่เจ้าหน้าที่มักจะแกล้งหยอกล้อคนมาใช้บริการ คืออยากให้ทุกคนสนุก ไม่ใช่แค่มานั่งเรือเล่น ชมนกชมไม้ คืออยากให้สนุกไปด้วยกัน
“ ตรงนี้จะลึกหน่อย เกาะให้แน่นๆ นะครับ ” พี่คนพายเรือพูด
“ จอมทัพ ฉันขอจับตัวนายได้ไหมอะ ” เพราะความกลัวเลยพูดออกไป
“ มันอึดอัด ” เขาพูดมาแค่นั้น ใครจะกล้าเกาะเขาเป็นที่พึ่งเล่า ไม่รู้พี่คนพายเรือพูดเล่นหรือพูดให้กลัว พอถึงที่น้ำนิ่ง ดูท่าจะลึกจริง พี่เขาก็โยกเรือ และมีเจ้าที่มาโยกเรืออีกแล้ว
“ กรี๊ดดด! ไม่!!!! ”
“ ตู๊มม!! ” เป็นฉันที่เกาะเรือไม่แน่นพลัดตกลงในน้ำอีกครั้ง เหมือนจะแรงกว่าเก่า ทันทีที่พลัดตกน้ำ หัวใจมันก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม คิดว่าตัวเองคงต้องตายที่นี่แน่ๆ มุแง่…แต่ชูชีพก็พาตัวให้ลอยเหนือน้ำ แต่ก็กินน้ำไปหลายอึก พอโผล่หัวขึ้นน้ำได้ ก็ไอสำลักน้ำทันที ลอยคออยู่ในน้ำ เอามือเช็ดน้ำที่ใบหน้า ตอนนี้มีทั้งน้ำหูน้ำตา ไอไม่หยุด มองไปทีเรือก็ไม่เห็นจอมทัพเหมือนกัน หรือเขาพลัดตกด้วย
“ ว้ายย! ” จู่ๆ เขาก็มาโผล่หัวใกล้ที่ฉันลอยตัวอยู่
“ เป็นไงบ้าง ”
เขาถามทันทีที่โผล่จากน้ำ นี่ถ้าไม่ติดว่าสำลักน้ำไปหลายครั้ง ฉันคงดีใจมากที่เขาดูเป็นห่วงเป็นใย แต่ตอนนี้คิดเพียงว่าจะไม่เล่นแล้ว จะขึ้นบนฝั่งแล้ว กลัวโดนแกล้งอีก
“ นายบอกพี่เขาว่าให้รีบพาขึ้นฝั่งได้ไหม ฉันหนาวแล้วอะ ” จริงๆก็กลัวแหละแต่หาคำพูดที่ดูดีมาพูดเอง
“ … ” เขาไม่พูดอะไร พอเรือมาใกล้ เขาก็ทำแบบเดิมคือช่วยดันร่างฉันให้ขึ้นเรือ แต่ครั้งนี้เขาจะให้ฉันนั่งข้างหน้า ส่วนเขานั่งตรงกลางแทน ไม่รู้สิว่าแตกต่างกันอย่างไร
“ ขยับมาใกล้ฉัน ” พอเรือออก เขาก็พูดขึ้น ฉันขยับไปจนเกือบจะใกล้มากๆ เหมือนคล้ายจะนั่งตักเขาแล้วอะ เรือมันก็ลำเล็ก ไม่ใหญ่เท่าไหร่
“ ทำไมเสื้อซับไหนไม่ใส่มาบ้างวะ บราก็ใส่สีสดมาอีก ” จู่ๆ เขาก็พูดขึ้น ราวกับคนที่เป็นแฟนกัน แล้วแฟนก็พูดในทำนองว่าห่วง แค่นี้หัวใจฉันก็พองโตตัวแล้ว
กรี๊ดด!! ไม่เสียเที่ยวที่ได้ลงเรือมาล่องแก่งมาพร้อมเขา สองครั้งแล้วที่เขาดูเหมือนจะเป็นห่วงฉัน
“ ฉันลืมเปลี่ยน เมื่อกี้มันรีบด้วย ”
“ อยากจะอ่อยฉันก็บอกเหอะ! ”
❤️_______❤️
นามปากกาธัญญวรินทร์