คิมห์ซึ่งทำหน้าที่สารถีขับรถมาส่งขวัญข้าวที่หน้าโรงแรมห้าดาวกลางกรุง สถานที่จัดงานฉลองหมั้นของพีรัชอดีตคนรักเก่า มองหญิงสาวในชุดเดรสสีแดง ชุดที่เขาซื้อให้เพื่อปั้นแต่งให้นางฟ้าในใจเขากลายเป็นนางฟ้าของงานในวันนี้ ผมหยิกเป็นลอนใหญ่ตามธรรมชาติของขวัญข้าวถูกจัดแต่งให้เข้าทรงแล้วปล่อยเคลียไหล่เปลือยอวดผิวสีน้ำผึ้งเนียนสวย ใบหน้าแต่งแต้มอย่างมีสีสันเข้ากันกับงานกลางคืน ชนิดที่เรียกได้ว่า เธอสวยที่สุดในสายตาเขาและจะต้องโดดเด่นที่สุดในงาน แต่เสียดายเขาไม่ได้รับเกียรติให้เข้าไปพิสูจน์ด้วยตนเอง
“แน่ใจนะว่าไม่ให้รอรับกลับ” คิมห์ถามอย่างอาทร เมื่อหญิงสาวลงไปยืนอยู่ข้างรถแล้ว
“จ้ะ ขอบใจมากนะ” ขวัญข้าวคลี่ยิ้มให้เพื่อนหนุ่ม คิมห์ค้อมศีรษะให้เธอน้อยๆ แล้วขับรถออกไป โดยเธอมองตามเขาไปจนลับสายตา จากนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็จางหาย ขวัญข้าวทอดสายตาเข้าไปในโรงแรมที่พนักงานยืนรอทำหน้าที่พร้อมอยู่ตรงประตูกระจกบานใหญ่
เข้มแข็งไว้ข้าวจ๋า...คำที่คิมห์เคยเตือนสติเธอ ตอนร่ำไห้เสียใจเป็นวรรคเป็นเวร เมื่อพีรัชกลับมาจากต่างประเทศพร้อมคนรักใหม่ เหมือนจะดังวนอยู่ข้างๆ หู เตือนสติเธออีกครั้ง
ใช่ ข้าวต้องเข้มแข็ง ก็เราจบกันไปนานแล้วนี่นา หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ยืดตัววางไหล่ตรง เชิดหน้าขึ้นก่อนจะก้าวเดินไปข้างหน้า ยิ้มสดใสให้กับพนักงานโรงแรมที่เปิดประตูต้อนรับ
หนุ่มสาวเจ้าของงานยืนตรงซุ้มดอกไม้รอต้อนรับแขก ที่มาร่วมงานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ดวงตาของทั้งคู่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขยากที่จะปกปิดได้ บ่อยครั้งที่สองคนจะหันมาสบตาแล้วยิ้มหวานให้กัน แต่เมื่อทั้งสองมองเห็นผู้หญิงในชุดแดงที่เดินเข้ามา รอยยิ้มบนใบหน้าและดวงตาของทั้งคู่ค่อยๆ จางหายไป โดยเฉพาะหญิงสาวที่เป็นเจ้าของงานในคืนนี้ เธอหันไปมองคู่หมั้นหนุ่มด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ก่อนจะเอ่ยปากถามเบาๆ
“ใครเชิญมันมา”
“น้องอ่อน ไม่เอาน่า ข้าวเขาก็แค่มาแสดงความยินดีในฐานะเพื่อนเก่า” พีรัชบอกอินทุอรคู่หมั้นสาว ก่อนหันไปยิ้มรับขวัญข้าวที่เดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าของทั้งคู่
“พี่ดีใจนะที่ข้าวมา” พีรัชกล่าวต้อนรับ แต่มิวายลอบกวาดสายตามองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า ขวัญข้าวในวันนี้สวยสะดุดตาเสียจริงๆ รอยยิ้มที่เคลือบบนปากอิ่มสวยกับลิปสติกสีสดแทบจะหยดย้อยนั้น ยิ่งทำให้เธอเตะตามากขึ้น
“ยินดีด้วยนะคะ พี่พี อินทุอร” ขวัญข้าวยื่นมือออกไปข้างหน้าพีรัช แล้วชายตาไปยังคู่หมั้นสาวของพีรัชขณะเขย่ามือกับเขา
อินทุอรหลบสายตาหญิงสาวตรงหน้า แต่กลับจ้องมือของทั้งสองที่จับกันแน่น เธออยากกระชากมือสองข้างให้หลุดจากกันเสียให้รู้แล้วรู้รอด และอยากกรีดร้องให้งานแตกเมื่อได้ยินเสียงพีรัชพูดอ่อนหวานกับขวัญข้าว
“ขอบใจข้าวมาก มาเถอะพี่พาไปหาที่นั่ง น้องอ่อนรับแขกไปคนเดียวก่อนนะคะ เดี๋ยวพี่มา” เขาจูงมือขวัญข้าวเดินเข้าไปในงาน ซึ่งแขกเหรื่อเริ่มทยอยกันมามากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่หันกลับมามองสักนิดว่าอินทุอร อรรถนนท์ คู่หมั้นสาวนั้นหน้างอง้ำขนาดไหน
และเหตุการณ์ทั้งหมดก็ไม่รอดพ้นสายตาของ อาติณณ์ อรรถนนท์ พี่ชายของอินทุอร ที่กำลังเดินเข้ามาหาน้องสาวสุดที่รัก โอบไหล่แสดงความรักอย่างเคยชิน พร้อมถามเบาๆ
“ใครคะ”
อินทุอรเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายคนเดียว ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความหวาดระแวงและเจ็บปวด จนผู้เป็นพี่ต้องขมวดคิ้ว แล้วมองตามพีรัชกับหญิงสาวผู้นั้นไปอีกครั้ง เขาเห็นว่าที่น้องเขยพาเธอคนนั้นไปนั่งที่โต๊ะว่างซึ่งยังไม่มีแขกคนอื่น ก่อนจะนั่งลงข้างๆ เหมือนมีเรื่องคุยกันมากมาย
“ใครคะน้องอ่อน นายพีถึงต้องต้อนรับขับสู้กันขนาดนั้น”
“เพื่อนเก่าค่ะ อย่าใส่ใจเลย พี่ติณณ์มาเมื่อไหร่คะ ไหนว่าไม่ว่าง” อินทุอรมองพี่ชายของตนเอง ที่ไม่ได้มาร่วมงานหมั้นในช่วงเช้าเพราะอยู่ต่างจังหวัด และเธอก็ไม่หวังว่าเขาจะมาร่วมงานเลี้ยงในช่วงค่ำด้วย แต่เขาก็มาจนได้
“ไม่มาได้ยังไงคะ งานหมั้นของน้องสาวคนเดียวทั้งที เสียดายไม่ได้มางานตอนเช้า แต่ก็เรียบร้อยดีใช่ไหมคะ”
“แน่ล่ะค่ะ ไม่อย่างนั้นน้องอ่อนจะมายืนสวยอยู่ตรงนี้หรือคะ” อินทุอรพูดติดตลก กลบเกลื่อนความขุ่นเคืองกับภาพพีรัชนั่งคุยกับขวัญข้าว โดยยังไม่มีทีท่าจะกลับมาช่วยเธอรับแขกหน้างานแต่อย่างใด
อาติณณ์จับร่างน้องสาวหมุน ชุดราตรีสีขาวนวลผ้าป่านแก้ว และผมเกล้าเข้ารูปทำให้ภาพเด็กสาวตัวน้อย เปลี่ยนเป็นสาวสะพรั่งในสายตาเขา อินทุอรนับว่าสวยสมเป็นเจ้าของงาน ทว่าสตรีชุดแดงที่กำลังนั่งพูดคุยกับพีรัชดูจะดึงดูดสายตาของหนุ่มๆ ในงานได้มากกว่านัก ซึ่งออกจะผิดมารยาทสักนิดที่แขกจะโดดเด่นเกินเจ้าของงาน สายตาเขาจำต้องละจากหญิงสาวคนนั้นมาที่อินทุอรอีกครั้งกับคำถามของเธอ
“พี่ติณณ์จะค้างหรือกลับปากช่องเลยคะ”
“เอ ถามเหมือนไม่อยากให้พี่ค้างนั่นแหละ บอกมาเสียดีๆ ปิดบังอะไรพี่หรือเปล่า” อาติณณ์จ้องตาน้องสาว อินทุอรหลุบสายตาลงต่ำ ก่อนอิงแก้มกับอกเสื้อสูทสีเข้มของพี่ชายอย่างประจบ
“อย่าจับผิดน้องอ่อนสิคะ ไม่มีอะไรเสียหน่อย ว่าแต่พี่ติณณ์เถอะพาใครมาด้วยหรือเปล่า ข่าวว่าอยู่ที่โน่นควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าเลยสักวัน”
“ไม่มี ข่าวโคมลอยนะสิ วันๆ พี่อยู่กับวัวนมจนเห็นวัวตัวเมียสวยกว่าพวกสาวๆ แล้วนะจะบอกให้” อาติณณ์พูดจบก็หัวเราะร่วน บรรยากาศดูดีขึ้นมาเล็กน้อย
“แล้วอย่างนี้น้องอ่อนจะมีพี่สะใภ้เป็นแม่วัวหรือเป็นสาวปากช่องละคะ พี่ติณณ์ขา” อินทุอรทำหน้าทะเล้นถามพี่ชาย แต่อดปรายตามองไปทางพีรัชและขวัญข้าวไม่ได้ นึกเคืองที่จนป่านนี้เขายังไม่กลับมาช่วยเธอรับแขกอีก มีอะไรให้พูดคุยกันนักหนา
แขกที่ได้รับเชิญยังทยอยเข้ามาแสดงความยินดีอยู่เรื่อยๆ โดยอาติณณ์ที่ยืนรับแขกคู่กับน้องสาวถูกมองด้วยสายตาแปลกๆ แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยถามอันใด เขาเดาเอาว่าคนเหล่านั้นคงอยากถามถึงพีรัชนั่นเอง