บทที่ 4
ถ้วยกาแฟที่ถูกดื่มจนหมดแล้ววางลงค่อนข้างแรงจนกระทบกับจานรอง เมื่อได้ยินทุกคำพูดจากคนงานหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้าม คนงานที่โทรศัพท์ไปปรึกษาเขาในเรื่องที่เพิ่งเล่าจบ จนทำให้เขาเลิกล้มความตั้งใจจะไปหาอินทุอรที่คอนโดฯ ขับรถกลับมาปากช่องในทันที แม้มันจะเป็นเรื่องส่วนตัวของรัฐ แต่เมื่อต้องการคำปรึกษาจากเขา แม้จะดึกดื่นอาติณณ์ก็ไม่เคยตำหนิ เช่นเรื่องนี้
“แล้วพ่อแม่ฝ่ายหญิงว่ายังไง”
“ทีแรกเขาจะแจ้งความ แต่ลูกสาวเขาขอไว้ กลัวอับอายและให้ผมสัญญาว่าจะพาผู้ใหญ่ไปสู่ขอตามประเพณี” รัฐอ้อมแอ้มบอก แต่ยังไม่กล้าเอ่ยขอให้อาติณณ์ช่วยเป็นผู้ใหญ่ไปสู่ขอเด็กสาวที่เขาไปมีสัมพันธ์ด้วยจนถูกพ่อแม่ของฝ่ายหญิงจับได้ แล้วจะแจ้งความดำเนินคดี เพราะผู้หญิงอายุแค่ 16 ปีเท่านั้น เมื่อคืนที่เขาต้องโทรไปรบกวนเจ้านายหนุ่มตอนดึกเพื่อให้ช่วยยืนยันกับพ่อแม่ของฝ่ายหญิงว่า เขาเป็นคนงานอยู่ใน ‘อรรถนนท์ฟาร์ม’ จริงๆ
“ว่าแต่แกไปทำอีท่าไหนละ ถึงถูกจับได้คาหนังคาเขาขนาดนั้น ดีนะที่พ่อของเด็กนั่นไม่ใช่คนใจร้อน ไม่อย่างนั้นแกคงเป็นศพตายคาบ้านเขาไปแล้ว”
“แหมพี่ ผมก็ปีนเข้าไปหาตามปกติของผม เด็กมันมีใจไม่ได้ไปข่มขืนใจมันเสียเมื่อไหร่ เปิดหน้าต่างรอรับอยู่ทุกคืน ไม่คิดว่าเมื่อคืนพอผมจะกลับ ปีนลงมาด้านล่างดันเจอพ่อมันยืนถืออีดาบยาวเป็นวารอท่า” รัฐเล่าพร้อมทำท่าประกอบ และใบหน้าสยดสยอง
อาติณณ์หัวเราะเบาๆ กับเรื่องที่ออกจากปากของรัฐ แม้รัฐจะเป็นคนเจ้าชู้แต่ไม่เคยเสียงาน และไม่เคยทำอะไรให้เสื่อมเสียชื่อเสียงจนมีผลกระทบกับเรื่องงาน เรื่องรัฐคบหากับเด็กอายุยังไม่พ้นคุกนั้นเขาพอรับรู้อยู่ก่อนแล้ว เพราะรัฐก็จุนเจือค่าการศึกษาเล่าเรียนให้เด็กนั่นอยู่บ่อยๆ ที่เขารู้เพราะเมื่อเงินขาดมือรัฐจะมาขอยืมและบอกตรงๆ ว่าเอาไปให้คนรัก ค่าโน่น ค่านี่ แต่ก็แปลกพ่อแม่อยู่กันอย่างไรลูกสาวเปิดหน้าต่างให้ผู้ชายเข้าไปนอนด้วยกันแทบทุกคืนไม่รู้เรื่อง พอบทจะรู้ก็จับได้เสียคาหนังคาเขาตอนเจ้าหนุ่มปีนลง และพอรู้ว่ารัฐเป็นคนงานในฟาร์มอรรถนนท์ของเขา ก็ไม่คิดจะเอาความ เพียงขอให้ไปสู่ขอตบแต่งตามประเพณี
“แล้วแฟนแก จะไม่เรียนต่อแล้วหรือ พ่อแม่ถึงเร่งให้แต่งงาน”
“ไม่รู้สิพี่ หรือกลัวว่าผมจะไม่รับผิดชอบ ที่จริงผมก็อยากให้เรียนต่อจนจบนั่นแหละ เสนอจะส่งเสียเองอีกต่างหาก แต่ว่าที่พ่อตาผมไม่ยอม หรือเขากลัวมันจะป่องออกมาให้อับอาย แต่ผมป้องกันดีนะพี่ ยืนยันแล้วเขาก็ไม่ฟัง สรุปคือต้องการให้แต่งงานเร็วที่สุด” รัฐพูด น้ำเสียงและสีหน้าเหนื่อยหน่าย แต่เหนื่อยและหน่ายในความเจ้าชู้ ไร้การยับยั้งชั่งใจ จนต้องติดกับของตนเอง
หรือกลัวมันจะป่องออกมา แต่ผมป้องกันดี...รัฐป้องกันดี แล้วเราล่ะ อาติณณ์รู้สึกกังวลใจขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งที่เมื่อคืนกว่าจะหลับลงได้ก็คิดวนเวียนแต่เรื่องที่เกิดขึ้น ถ้าผู้หญิงคนนั้นท้องขึ้นมา และป่านนี้เธอจะเป็นเช่นไร
เมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อคืน ใบหน้าของหญิงสาวผู้นั้นก็ค่อยๆ ชัดอยู่ตรงเบื้องหน้าเขา ก่อนจะสลายแล้วปรากฏใบหน้าของน้องสาวสุดที่รักของเขาขึ้นมาแทน เรื่องที่ยังคาใจคือ อินทุอรจะเกี่ยวข้องกับเรื่องเมื่อคืนมากน้อยแค่ไหน อาติณณ์รีบหยิบโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งวางอยู่ใกล้ๆ ขึ้นมา เขามีเรื่องจะสอบถามน้องอ่อนและควรให้กระจ่างในตอนนี้ แต่ไม่ทันที่เขาจะกดเลขหมายของน้องสาว นางสร้อยก็เดินออกมาจากในตัวบ้าน พร้อมโทรศัพท์ไร้สาย
“คุณน้องอ่อนค่ะ”
อาติณณ์รีบยื่นมือออกไปรับแล้วเดินเลี่ยงไปในมุมที่ห่างโต๊ะซึ่งรัฐยังนั่งอยู่ กรอกเสียงออกไปในทันที
“ฮัลโหล พี่กำลังคิดถึงน้องอ่อนเลย”
“ไม่ต้องมากลบเกลื่อนนะคะ น้องอ่อนงอนพี่ติณณ์แล้ว หนีกลับปากช่องไม่บอกน้องสักคำ” น้ำเสียงปลายสายกระเง้ากระงอด
อาติณณ์แอบพ่นลมหายใจในอาการแง่งอนในน้ำเสียงนั้น ก่อนกรอกเสียงกลับไปอ่อนโยนยิ่งขึ้น
“ทีแรกพี่ก็กะว่าจะไปนอนที่คอนโดฯ น้องอ่อนนะคะ แต่ที่ฟาร์มมีเรื่องนิดหน่อยพี่เลยต้องรีบกลับ”
“แล้วก็ปล่อยให้น้องเป็นห่วง รอทั้งคืนรู้ไหม”
“ขอโทษจ้า เสร็จเรื่องทางนี้แล้วพี่จะไปเยี่ยม ไปค้างให้นานเลยดีไหมคะ” เขาบอกออกไป
“ที่ฟาร์มมีเรื่องอะไรคะ ร้ายแรงหรือเปล่า ถ้างานยุ่งพี่ติณณ์ก็ไม่ต้องปลีกเวลามาหาน้องหรอก” เสียงปรายสายบอกความห่วงใย
“ไม่มีอะไรมากหรอก อีกวันสองวันคงจะเสร็จเรื่อง แล้วพี่จะไปหานะ เป็นยังไงบ้างเหนื่อยไหมคะ เมื่อคืนคนเยอะแยะเลย” เขาเปลี่ยนไปถามเรื่องงาน เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของน้องสาว
“เหนื่อยสิคะ พี่ติณณ์น่ะน่าตี ไม่ช่วยน้องส่งแขก หรือพี่ติณณ์เมาแล้วหลับลืมคะ”
“พี่ไม่ได้เมา พี่กลับมาก่อน” อาติณณ์ปดคำโต เขารู้ดีช่วงเวลางานเลิกและเจ้าภาพกำลังส่งแขกนั้น เขาอยู่กับผู้หญิงคนนั้น ทำในสิ่งที่กำลังกลุ้มไม่แพ้รัฐคนงานหนุ่มของเขาในตอนนี้ แต่รัฐนั้นไม่มีปมปัญหาแบบเขา เด็กสาวนั่นยินยอม แต่ผู้หญิงคนนั้น...อาติณณ์ลอบถอนหายใจโดยเลื่อนกระบอกโทรศัพท์ออกห่างกลัวว่าน้องสาวจะได้ยินแล้วสงสัย
“ทีหลังห้ามหนีกลับโดยไม่บอกน้องนะคะ”
“จ้า แค่นี้ก่อนนะจ๊ะ พี่มีเรื่องต้องจัดการ” เมื่อวางสายของอินทุอรไปแล้ว โดยไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่คาใจแต่อย่างใด ทั้งที่ทีแรกตั้งใจจะโทรไปหาอินทุอรเอง แต่เขาเพิ่งคิดได้ว่าเรื่องแบบนี้ไม่ควรสอบสวนกันทางโทรศัพท์ เขาต้องไปให้ถึงตัว ถามจากปากและต่อหน้า อาติณณ์กลับมาที่โต๊ะ ซึ่งรัฐเหมือนจะเตรียมพร้อมสำหรับการกลับไปทำงาน
“ผมไปก่อนนะพี่” รัฐบอกแล้ว หยิบเสื้อแจ๊คเก็ตที่พาดไว้ขึ้นมาสวม
“แล้วตกลงจะเอายังไง”
“ก็หาผู้ใหญ่ไปสู่ขอ” รัฐหยุดพูด มองหน้าเจ้านายหนุ่ม ทำตาละห้อยให้น่าสงสารเข้าไว้ เพื่อให้อาติณณ์รู้ว่า ผู้ใหญ่ที่เขาหวังก็คือตัวอาติณณ์นั่นเอง
อาติณณ์เห็นสีหน้าและดวงตาของคนงานหนุ่มตรงหน้า อดยิ้มออกมาไม่ได้ มือใหญ่ตบป้าบเข้าที่ต้นแขน จนหนุ่มคนงานที่รูปร่างเล็กกว่าเขาถึงกับเซ พร้อมบอก “เออรู้แล้ว วันไหนละ”
“จริงหรือพี่” รัฐกระโดดตัวลอย ยิ้มหน้าบาน
“วันนี้เลย หรือพรุ่งนี้ดีพี่”
“พรุ่งนี้ วันนี้เตรียมตัวไม่ทัน” อาติณณ์มองอาการลิงโลดของหนุ่มตรงหน้าแล้วส่ายหน้าดิก ก่อนพยักพเยิดให้ไปทำงานต่อ ส่วนเขาก็เดินกลับไปที่ห้อง ซึ่งสวนทางกับเด็กสาวที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ เนื้อนวลรีบคุกเข่าลงกับพื้นเมื่อเห็นเขาเข้ามาใกล้และกำลังจะผ่านหน้าเธอไป แต่อาติณณ์กลับหยุดมองด้วยสายตาแปลกๆ
“ทีหลังไม่ต้องคุกเข่าหรือทำท่าหมอบกราบแบบนี้ ฉันไม่ใช่เจ้าไม่ใช่นายที่ไหน เข้าใจไหม”
“ค่ะ” เนื้อนวลรับคำอ้อมแอ้ม ทั้งยังแปลกใจ เจ้านายของเธอไม่ชอบให้แสดงความนอบน้อมขนาดนี้ แต่มันก็ทำให้เธอประทับใจในตัวเขาที่ไม่เจ้ายศเจ้าอย่าง เช่นนายจ้างรายอื่นๆ เด็กสาวมองตามเจ้านายหนุ่มหล่อของตนด้วยในตาชวนฝัน จนเขาลับหายเข้าไปในห้องนอน