ความตั้งใจจะเข้าไปบ้านแล้วปิดประตูหมกตัวอยู่ตามลำพัง เพื่อให้ลืมเหตุการณ์เมื่อคืนของขวัญข้าวล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะแค่เดินผ่านเข้าประตูบ้าน เสียงเครื่องยนต์ก็ดังใกล้เข้ามาแล้วหยุดนิ่งไม่เลยผ่านจนเธออดหันไปมองไม่ได้ ขวัญข้าวถอนหายใจเฮือกใหญ่ไม่ใช่ไม่อยากต้อนรับแขกที่มาเยือน เพียงแต่ถ้าเขาไม่มาในตอนนี้มันคงจะดีกว่าเท่านั้นเอง
“ยืนมองอยู่นั่นแหละที่รักจ๋า มาช่วยเปิดประตูให้หน่อยสิคะ” คิมห์ประท้วงเสียงดัง เพื่อให้ได้ยินชัดไปถึงหน้าตัวบ้านที่เขาเห็นขวัญข้าวหันมามองแล้วยืนนิ่ง เหมือนตะลึง จึงเห็นเพื่อนสาวคนสนิทค้อนส่งมาระยะไกลๆ แล้วเดินมาเปิดประตูรั้วให้ ชายหนุ่มเปิดฝากระโปรงท้ายเพื่อหยิบถุงพลาสติกหลากหลายใบมาหิ้วไว้ แล้วปิดพลางบ่น
“แล้วมันจะลดภาวะโลกร้อนได้ยังไง ดูสิซื้อของสองสามอย่างก็ให้ถุงสองสามถุง บอกแล้วให้ใส่รวมกันได้ แม่ค้าพวกนั้นเกิดหยิ่งในศักดิ์ศรีอีก ไม่ยอมเอาสินค้าของตัวเองมาใส่รวมในถุงของคนอื่นที่มีอยู่แล้ว เฮ้อ!” ตบท้ายด้วยการถอนหายใจยืดยาว คนฟังถึงกับหัวเราะคิกในทันที ขวัญข้าวมองหน้าคิมห์แล้วมองมือที่หิ้วถุงพะรุงพะรังก่อนถามอย่างอ่อนใจปนขบขัน
“ทีนี้แม่ค้าที่ตลาดไหนอีกล่ะคิมห์ ก็ข้าวบอกแล้วว่าไม่ต้องซื้อมา ข้าวออกไปซื้อเองได้ไม่ต้องทะเลาะกับแม่ค้าด้วย อีกอย่างตอนนี้มีเวลาทำที่ไหน งานยุ่งจนหัวฟู” ตบท้ายด้วยการประชดเล็กๆ กับนายจ้างตัวจริงของตนเอง
คิมห์ส่งค้อนให้หญิงสาว ก่อนบ่นพำพึมออกแนวน้อยใจ “ไอ้เราหรือเป็นห่วง เห็นว่าไม่มีเวลาไปจ่ายตลาด กลัวอดตายหอบหิ้วมาฝาก ดูดู๊ พูดออกมาแบบนั้นผมน้อยใจนะจ๊ะ ทูนหัว”
ทูนหัวของไอ้คิมห์เอ๋ย ยืนหัวลีบก็ยังสวยน่ามอง...คิมห์อดสำรวจใบหน้าเพื่อนสาวที่เขาหลงรักไม่ได้ ขวัญข้าวคงจะสระผมมาแล้วยังไม่แห้งสนิท ผมเป็นลอนมันเลยดูแปลกๆ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็สวยเสมอในสายตาเขา
“แหมทำพูดเข้า มาๆ เข้ามา เดี๋ยวมื้อเที่ยงจะทำของกินป้อนให้ถึงปากเลย”
“อยากให้ป้อนด้วยปากมากกว่า” คิมห์พูดหน้าตาเฉย แล้วร้องจ๊ากเมื่อถูกฝ่ามือนุ่มๆ ฟาดลงบนท่อนแขน
“มากไป”
“แหม แค่นี้ต้องทำร้ายร่างกายด้วย ทำร้ายจิตใจนายคิมห์มานานแล้ว ทำให้นิดๆ หน่อยๆ แค่นี้ไม่มากไปหรอกขวัญข้าวจ๋า”
“ชอบพูดเป็นเล่นไป ใครมาได้ยินจะว่ายังไงนะ คิมห์”
“ไม่เคยพูดเล่นนะข้าว ผมพูดจริงตลอด ติดอยู่ที่คุณแหละจะทำให้เป็นจริงหรือเปล่าเท่านั้นเอง” คนพูดยิ้มเต็มใบหน้า และเป็นยิ้มที่แฝงไปด้วยความจริงใจเสมอไม่มีเปลี่ยนแปลง
“ไม่เอาแล้ว โน่นเอาของเข้าไปเก็บในครัวเลย” ขวัญข้าวตัดบท ด้วยการออกคำสั่ง
“อ้าว ใช้เฉยเลย” ชายหนุ่มแกล้งทำหน้างอแล้วเดินเลยเข้าไปในครัว แต่ขวัญข้าวยังได้ยินเสียงหัวเราะแว่วดังออกมา
“วางไว้แล้วออกมานะคิมห์ เดี๋ยวข้าวเข้าไปทำเองค่ะ” เธอร้องเรียกเพราะเหมือนเขาจะหายไปนานกว่าการวางแล้วออกมา แต่ก็เป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่เขาซื้ออาหารสดมาฝากเธอ เขาจะต้องช่วยล้างช่วยจัดจนเสร็จสรรพ บอกว่าไม่ต้องทำก็ไม่เชื่อ นับว่าเขาเป็นผู้ชายที่ดีและเอาใจใส่เธอมากคนหนึ่งไม่ต่างจากบิดาซึ่งเสียชีวิตไป ทั้งที่เขาและเธอเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน
ขวัญข้าวเดินมานั่งที่ชุดอเนกประสงค์กลางบ้าน คลี่หนังสือพิมพ์หนึ่งในหลายฉบับวันอาทิตย์ที่รับมาออกอ่าน ไม่นานเพื่อนหนุ่มก็เดินยิ้มเผล่ออกมา
“เมื่อคืนข้าวกลับกี่ทุ่ม” คิมห์ถาม แต่ไม่ได้บอกว่าเมื่อคืนเขารอเธออยู่จนดึกดื่น และเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง
หนังสือพิมพ์ที่เปิดอ่านค้างอยู่ของขวัญข้าวลดลงอย่างเร็ว มือที่จับกำแน่นจนกระดาษยับย่นโดยเจ้าตัวไม่รู้ ก่อนจะตอบออกไปแบบตะกุกตะกัก
“ไม่ได้ดูเวลา แต่ไม่ดึกมาก”
คิมห์เลิกคิ้วหนาเข้มอย่างสงสัย ไม่ดึกมากแล้วทำไมเขาไม่เห็น หรืออาจจะคลาดกันตอนเขาไปมีเรื่องที่ถนนฝั่งตรงกันข้ามก็เป็นได้ แต่อาการกำหนังสือแน่นนั้นบอกว่ามันต้องมีอะไรแน่นอนในงานเมื่อคืน เขาคิดว่าคงเกี่ยวกับพีรัชและอินทุอร มือใหญ่จึงยื่นมาดึงมือนุ่มๆ ของขวัญข้าวไปกุม
“คนแบบนั้นปล่อยไปเถิดอย่าคิดอะไรมาก ว่าแต่ข้าวของผมเด่นที่สุดในงานใช่ไหม” เขาพยายามยิ้มกว้างให้เธอ อยากให้เธอยิ้มตาม แต่แม้ว่าใบหน้าเธอจะนิ่งทว่าดวงตาของขวัญข้าวเหมือนจะร่ำไห้ และคิมห์เพิ่งสังเกตเห็นว่ารอบดวงตาเธอบวม นัยน์ตาก็ดูแดงๆ มันเป็นอาการของคนร้องไห้มาอย่างหนัก เขาไม่อยากคิดว่าเพราะการไปงานฉลองหมั้นแฟนเก่ามาเมื่อคืน แต่ก็ไม่น่ามีเหตุผลอื่นใดทำให้ขวัญข้าวร้องไห้ได้ขนาดนี้
“ข้าว” ชื่อเธอที่ออกจากปากเขาอ่อนโยนกว่าครั้งไหน
“ตัดใจนะ ปล่อยพวกมันไปที่ชอบเถอะ ผู้ชายอย่างนั้นไม่มีค่าให้อาลัยอาวรณ์หรอก ดูสิกลับมานอนร้องไห้จนตาบวมเลย” ปลายนิ้วของเขาแตะเบาๆ ที่ใต้ตาเธอ ด้วยอาการทะนุถนอมเหมือนผิวหนังของเธอเป็นแก้วเปราะบางกลัวจะแตกสลาย
“สัญญากับผมได้ไหมว่าจะร้องไห้เพราะพวกเขาเป็นครั้งสุดท้าย” เขาจ้องตาเธอนิ่งเพื่อรอคำตอบ
ข้าวจะบอกคิมห์ยังไงดี ว่าข้าวไม่ได้ร้องไห้เพราะเรื่องพี่พี...ขวัญข้าวได้แต่สะท้อนใจตนเอง ในขณะเดียวก็เห็นใจเพื่อนหนุ่ม เขาดีและห่วงใยเธอเหลือเกิน เพราะฉะนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจะให้เขารู้ไม่ได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นคนใจร้อนอย่างคิมห์ ไม่มีวันปล่อยให้เรื่องที่เธออยากให้เลือนหายเป็นคลื่นกระทบฝั่งจบลงง่ายๆ เป็นแน่ หญิงสาวรั้งมือเขามากำเอาไว้แน่น เมื่อเขาคิดว่าเป็นเรื่องของพีรัช ก็ให้เขาคิดไปเช่นนั้นต่อไป
“ข้าวสัญญา”
“ดีมาก คนดีของผม ผมว่าเราไปดูกันดีกว่าว่าจะทำอะไรกิน ไม่อยากบอกเลยว่าหิวแล้ว” คิมห์เปลี่ยนเรื่องเพื่อให้บรรยากาศดีขึ้น
ขวัญข้าวเลิกคิ้วสูงมองเขา แล้วยิ้มเมื่อดึงข้อมือเขามาดูนาฬิกา ชายหนุ่มจึงยิ้มแล้วออกตัว
“เมื่อเช้ายังไม่ได้กินอะไรเลย ตื่นก็เข้าตลาดซื้อของแล้วมานี่ กะว่ารวบยอดมื้อเช้ามื้อเที่ยง แต่สงสัยรอเที่ยงไม่ไหวแล้วจ้ะ ข้าวจ๋า พยาธิในท้องมันร้องครวญครางแล้ว” เขาทำเสียงออดอ้อน ขวัญข้าวถึงกับยิ้มขบขัน
“โอเค นั่งคอยตรงนี้แหละข้าวไปทำเอง”
“ผมไปช่วย” คิมห์รีบเสนอตัว
“เกะกะเปล่าๆ” เธอพูดตรงๆ จนคนอาสาหน้างอ
“แหม พูดตรงไปหรือเปล่าคะ คนสวย” เขาพูดอย่างงอนๆ
“คนสวยย่อมพูดตรงเสมอละค่ะ พ่อรูปหล่อ” ขวัญข้าวตอบกลับ แล้วผละไป เดินเข้าครัวทำอาหารง่ายๆ ให้ผู้ชายที่ดีกับเธอที่สุดเวลานี้กิน
คิมห์มองตามเธอไป รอยยิ้ม คำพูด การแสดงออกของขวัญข้าว เหมือนการเสแสร้ง และนัยน์ตาของเธอบ่งให้รู้ว่ามีอะไรบางอย่างปิดบังเขาอยู่ ทว่าในเรื่องส่วนตัวถึงอย่างไรเขาก็คงตามไปล้วงลึก ซอกแซกถามให้หมดเปลือกไม่ได้อยู่ดี แม้มันเป็นเพราะความห่วงใยก็ตามที