คิมห์ ธาราเวสน์เดินลงบันไดสถานีตำรวจอย่างเซ็งในอารมณ์ เมื่อเรื่องที่หน้าโรงแรมต้องจบลงที่โรงพัก เขาต้องเสียค่าปรับฐานทำร้ายร่างกายและทะเลาะวิวาทกับวัยรุ่นลูกคนใหญ่คนโตผู้นั้น ส่วนคู่กรณีนอกจากข้อหาทะเลาะวิวาท ยังมีคดีเมาแล้วขับรวมถึงการไม่มีใบอนุญาตขับขี่ งานนี้คิมห์ได้เห็นหน้าบิดาที่เจ้าหนุ่มน้อยนั่นอ้างว่าใหญ่เต็มๆ ตา ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นนักธุรกิจชื่อเสียงโด่งดังที่เห็นหน้าเห็นตาตามสื่อต่างๆ อยู่เป็นนิจ แต่ก็ดีที่นักธุรกิจวัยกลางคนผู้นี้ไม่เข้าข้างลูกชายอย่างผิดๆ ยอมให้ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายแล้วยังมากล่าวขอโทษขอโพยเขากับหญิงชุดแดง ผู้หญิงที่เขาคิดว่าเป็นขวัญข้าวจนต้องยื่นมือเข้าไปช่วยจนเกิดเรื่องดังกล่าว
“ขอบคุณที่เป็นพยานให้ผม” เขากล่าวตามมารยาท ตอนเดินลงบันไดมาพร้อมกัน เธอผู้นั้นบ่ายหน้ามามองเพียงนิด ก่อนพูด
“เพราะคุณมีน้ำใจก่อน”
แต่คิมห์ไม่ชอบรอยยิ้มบนใบหน้าของเจ้าหล่อนสักเท่าไหร่ คำว่ามีน้ำใจก่อนของเธอก็แปลได้อีกอย่างคือ เพราะเขาแส่เข้าไปยุ่งเรื่องถึงบานปลายมาขนาดนี้ ก็ใครจะไปรู้ ด้านข้างเธอเหมือนขวัญข้าวไม่มีผิด เมื่อนึกถึงเพื่อนสาวคิมห์จึงยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู ดึกขนาดนี้แล้วขวัญข้าวคงกลับไปแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะกลับไปยังโรงแรมแห่งนั้นอีก
ชายหนุ่มลอบมองหญิงชุดแดงที่เดินล้ำไปด้านหน้าอย่างประเมิน รูปร่างสมส่วนของเธอไม่แตกต่างจากขวัญข้าว ผมยาวที่ปล่อยสยายเต็มหลังนั้นเหยียดตรงไม่ได้หยิกเป็นลอนธรรมชาติ ถ้าเมื่อครู่เขาเพ่งมองให้ชัดจะมองเห็นความแตกต่างกับเพื่อนสาวคนสนิทได้ชัด แต่ไหนๆ ก็เข้าใจผิดจนแสดงความห่วงใยไปแล้ว เขาก็สมควรจะห่วงใยเธอให้ถึงที่สุด
“คุณครับ ดึกมากแล้วให้ผมไปส่งนะ” เหมือนเธอจะหันมามองเขาอย่างแปลกใจ คิมห์จึงพยักหน้าเชิงชวนอีกครั้ง หญิงสาวทำท่าครุ่นคิดเพียงไม่นานก่อนพยักหน้าตอบรับคำชวน คิมห์จึงผายมือไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่ของเขา ทำหน้าที่สุภาพบุรุษเปิด ปิดประตูรถให้หญิงสาว แล้วขับออกไปเมื่อเขาเข้าไปนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว
ขวัญข้าวเดินจ้ำอ้าวออกมาจากลิฟต์ของโรงแรมโดยไม่มองซ้ายมองขวา เพราะกลัวจะพบเจอสายตาแปลกๆ ไม่ว่าจากใครก็ตาม เธอไม่อยากให้มีคนมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ว่าหญิงสาวอย่างเธอลงมาจากห้องพักของโรงแรมในเวลาดึกดื่นป่านนี้ทำไม เวลานี้สิ่งที่เธอต้องการคือพาตัวเองออกไปจากโรงแรมแห่งนี้ให้เร็วที่สุด
“ผมไปส่ง”
มือแข็งแรงคว้าหมับที่ข้อมือของขวัญข้าว ก่อนที่เธอจะก้าวออกไปนอกอาคารโรงแรม เมื่อขวัญข้าวหันไปมองก็พบกับใบหน้าของชายหนุ่มที่เธออยากหนีห่าง อยากลืมเขามากที่สุด หญิงสาวสะบัดมือเพื่อให้หลุดแต่เหมือนเขาจะเตรียมพร้อม เมื่อเธอสะบัดเขายิ่งบีบกระชับข้อมือ เธอกลัวว่าการยื้อยุดกันจะกลายเป็นจุดสนใจเรียกให้สายตาหลายคู่หันมามอง และยังกลัวในสิ่งที่เธอทำกับเขาแล้วเหมือนหนีมา กลัวว่าเขาจะโกรธแล้วตามมาราวีเธอในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ขวัญข้าวจึงยอมนิ่งให้เขากำข้อมืออยู่อย่างนั้นแล้วพูดกับเขาเสียงเบาไม่ต่างจากกระซิบนัก
“ฉันกลับเอง ปล่อยเถอะค่ะ”
“ดึกป่านนี้แล้ว ผู้หญิงคนเดียวเดินทางไปไหนมาไหนอันตรายนะ” เขาก็พูดกับเธอเบาๆ เช่นที่เธอเริ่มต้น และเห็นแววประหลาดใจในดวงตาหญิงสาวตรงหน้า เหมือนเธอไม่เชื่อในคำพูดห่วงใยของเขา
“ไม่เป็นไร ฉันดูแลตัวเองได้” เธอพูดไม่เต็มเสียง และก็จริงดังคาด ดวงตาเขาแสดงแววกึ่งเย้ยหยันกึ่งขบขัน ใช่สิ คำว่าดูแลตัวเองได้ของเธอมันล้มเหลวเสียตั้งแต่การมีอะไรกับเขาโดยไม่รู้ตัวนั่นแล้ว เธอจึงรีบหลบสายตาเขา ก่อนเขาจะเห็นความเจ็บช้ำที่สื่อมาจากดวงตาของเธอเองโดยไม่สามารถบดบังเอาไว้ได้
“ผมไปส่งคุณที่รถก็ได้” น้ำเสียงเขาอ่อนโยนมากขึ้นหลังเห็นแววสะท้อนใจในดวงตาของเธอ อีกอย่างเพราะไม่อยากให้เธอทำท่าขัดขืน จนเป็นเป้าสายตาของคนรอบข้าง ซึ่งยังมีคนเข้าออกอยู่ตลอดเวลา
“ฉันไม่มีรถ” เธออ้อมแอ้มบอก
อาติณณ์อยากพ่นลมหายใจยาวหนักใจปนขบขันกับความอวดดีของเธอเสียจริง ก่อนจะส่ายหน้า คิดว่าไม่จำเป็นต้องเจรจากันต่อไปอีกแล้ว
“ผมไปส่ง” เขาพูดสั้นๆ รั้งให้เธอเดินตาม และเธอก็ขัดเขาโดยการขืนตัว เกร็งท่อนแขนแล้วเริ่มกระชากกลับ พร้อมปากพูดรัวเร็ว
“ไม่ไป บอกว่าฉันกลับเองไงเล่า ปล่อยฉัน ปล่อยฉันนะ บอกให้ปล่อย...”
น้ำเสียงเกรี้ยวกราดและระดับเสียงที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ของขวัญข้าวยามตัวเธอปลิวตามชายผู้นี้ไป ต้องชะงักและปิดปากสนิทกับแสงไฟแวบวับที่เกิดขึ้น แค่ก้าวออกจากอาคารของโรงแรมนี้ไม่กี่ก้าว และดูเหมือนชายหนุ่มเองก็ชะงักแล้วหันขวับไปตามแสงเช่นกัน
ตรงหน้าของทั้งสองไม่มีตากล้องที่คาดว่าจะถ่ายรูปการยื้อยุดของพวกเขาเอาไว้ แม้ตัวเขาจะไม่ใช่มหาเศรษฐีที่โด่งดังแต่การเป็นเจ้าของฟาร์มโคนมแหล่งใหญ่ มีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับนมแปรรูปชนิดต่างๆ วางขายภายใต้เครื่องหมายการค้าของตนเอง รวมถึงการทำธุรกิจที่ต่อยอดมาจากความคิดของบิดา นั่นคือพัฒนาพื้นที่รอบๆ ฟาร์มโคนมของเขาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ทำให้ชื่อเขาติดทำเนียบนักธุรกิจเลือดใหม่ที่โดดเด่นพอสมควร ไม่แปลกที่จะมีใครรู้จักแล้วแอบถ่ายรูปของเขา ยิ่งเป็นภาพการยื้อยุดกับหญิงสาวที่หน้าตาดีในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง ในเวลาดึกดื่นหน้าโรงแรมที่จัดงานหมั้นของน้องสาวเช่นนี้ อย่างน้อยภาพฉาวๆ ปนคาวๆ อย่างนี้ก็น่าจะทำเงินให้กับคนถ่ายได้บ้าง
“ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นแสงฟ้าแลบ” เขาพูดขึ้นหลังกวาดตามองไปทั่วแล้วไม่เห็นผู้ต้องสงสัย
“รีบไปก่อนที่จะซวยกันไปมากกว่านี้” เขาเดินนำโดยไม่ได้ลากหรือจูงเธอมา แต่ขวัญข้าวยินดีที่จะวิ่งตามเขาไป ในใจเวลานี้คิดแค่ว่า ขอให้เป็นแสงฟ้าแลบทีเถิดเจ้าประคุณเอ๊ย