รถยนต์สีขาวที่ได้รับการเช็ดล้างจนไม่มีคราบฝุ่นควันเกาะติด แล่นมาด้วยความเร็วบนถนนสายหนึ่ง มุ่งหน้าไปยังแถบชานเมือง แต่ระหว่างทางสายตาของชายหนุ่มเหลือบไปเห็น รถยนต์สองคันจอดในลักษณะประชิด หน้ารถคันหลังจ่อติดกับท้ายรถอีกคัน ริมถนนมีหญิงสาวรูปร่างสูงระหงในชุดทะมัดทะแมงยืนเท้าสะเอว ก้มๆ เงยๆ มองจุดที่รถสองคันจ่อติดกัน ไม่ห่างจากผู้หญิงคนนั้น มีชายสองคนยืนอยู่เหมือนรอคอยอะไรสักอย่าง ซึ่งคิมห์คิดว่าคงเป็นพนักงานของบริษัทประกันภัย และเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร
ทีแรกเขาคิดจะขับรถผ่านเลยไปโดยไม่ใส่ใจ เพราะอุบัติเหตุเฉี่ยวชนบนท้องถนนที่มีจำนวนรถมากมายซึ่งต่างเร่งรีบนั้นเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และเท่าที่มองเห็นก็ไม่ร้ายแรงจนมีคนเจ็บให้ลงไปช่วย แต่เมื่อหญิงสาวที่ยืนเท้าสะเอวนั้นหันหน้ามา พร้อมส่ายหน้าในอาการเซ็งๆ ชายหนุ่มจึงชะลอความเร็วรถลงและจอดสนิทในที่สุด แล้วกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาที่เกิดเหตุ
หญิงสาวออกอาการเบื่อหน่ายกับอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้น แต่กลับต้องรอประกันภัยและเจ้าหน้าที่ของรัฐนานจนเสียเวลาอันมีค่าของเธอไปหลายนาที แต่ก็คงไม่เท่ากับคู่กรณีที่มองนาฬิกาข้อมือเรือนแพงครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ถือว่าเขาก็เป็นสุภาพบุรุษ นอกจากไม่แสดงอาการเบื่อหน่ายออกมาเช่นเธอและชายตัวล่ำๆ ผิวคล้ำกร้านแดด ที่เป็นคนขับรถของเขาแล้ว ยังเสนอออกค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถทั้งหมดเอง แม้ว่าเธอจะเป็นฝ่ายผิดก็ตาม ทว่าเธอเองกลับบอกให้รอประกัน แล้วก็ต้องมาเสียอารมณ์เพราะความล่าช้าในการรอ
“มีอะไรให้ช่วยไหมคุณ” เสียงถามค่อนข้างคุ้นเคย เรียกให้หญิงสาวหันไปมอง เธอเลิกคิ้วที่เขียนจนโก่งสวย มองชายผู้มาใหม่อย่างไม่คาดคิด
“อ้อ คุณ...” เธอทำท่าครุ่นคิด แม้จำหน้าเขาได้ แต่สำหรับชื่อของเขามันติดอยู่ที่ปาก
“คิมห์ครับ คิมห์ ธาราเวสน์” เขาแนะนำตัวเสียเต็มยศ แต่มันเป็นการประชดกลายๆ ที่หญิงสาวจำชื่อเขาไม่ได้ ดูเขาสิยังจำชื่อเธอได้ขึ้นใจ ธารธารี ชนานันท์
“มีอะไรให้ช่วยไหมครับ” เขาถามเธออีกครั้ง เมื่อมองสภาพรถทั้งสองคัน แล้วมองคู่กรณีของธารธารี หนุ่มใหญ่มาดนักธุรกิจ ในชุดใส่สูทผูกไทด์ที่ยืนอยู่ไม่ไกล เขารู้สึกร้อนแทนกับเครื่องแต่งกายเต็มยศนั้นเหลือเกิน
“ไม่มีอะไรค่ะ รอประกันเท่านั้น”
คิมห์มองไปรอบๆ แม้จะเป็นช่วงเวลาสาย แต่รถที่แล่นผ่านไปผ่านมาก็มีน้อยคัน แล้วคู่กรณีของหญิงสาวยังเป็นผู้ชายถึงสองคน แม้หนุ่มใหญ่มาดนักธุรกิจนั้นจะดูภูมิฐาน แต่อีกคนที่มองออกว่าเป็นคนขับรถนั้น ท่าทางเอาเรื่องไม่หยอก อย่างนี้จะไว้ใจให้หญิงสาวอยู่ตามลำพังได้อย่างไรกัน
“ผมอยู่คอยเป็นเพื่อนก็แล้วกัน” เขาบอกแล้วตัดสินใจไปถอยรถกลับมาจอดใกล้ๆ โดยไม่ฟังเสียงค้านของธารธารีที่ยกมือหมายจะห้าม แต่เขาเดินตัวปลิวไปแล้ว
หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจจะว่าเบื่อหน่ายก็ไม่เชิง เพียงแต่รู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้จะชอบยื่นมือเข้าช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เสียจริง แม้คนคนนั้นเขาจะรู้จักหรือไม่รู้จักก็ตามที ดูอย่างครั้งก่อนที่เขาเข้ามาช่วยเธอตอนมีเรื่องกับวัยรุ่นขี้เมา จนต้องขึ้นโรงพักมาแล้ว
เมื่อเจ้าหน้าที่ของบริษัทประกันภัยมา และตกลงค่าเสียหายกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คิมห์เป็นฝ่ายอาสาหาอู่ซ่อมรถที่ฝีมือดีและราคายุติธรรมให้ธารธารี จากนั้นก็พาเธอไปรับประทานอาหารกลางวัน แต่หญิงสาวขอเป็นเจ้ามือเพื่อตอบแทนความมีน้ำใจของเขา
“ไม่ดีมั้งครับ ผมเป็นผู้ชาย” คิมห์รีบค้าน เมื่อธารธารีขอเป็นคนจ่ายค่าอาหารมื้อนี้
“ค่ะ ฉันก็เห็นอยู่ว่าคุณเป็นผู้ชาย” เสียงหวานที่ตอกกลับมาเรียบๆ ทำเอาคิมห์สะอึก แล้วรีบโต้แย้งทันที
“ผมหมายถึงสุภาพบุรุษอย่างผม สมควรออกค่าอาหารให้แก่สุภาพสตรี” แม้ในใจเขาจะเริ่มคิดแล้วว่า เธอไม่ค่อยเป็นสุภาพสตรีเท่าไหร่เลย ดูอย่างตอนรอประกัน และตอนที่ประกันมาถึง เธอต่อว่าในความล่าช้าเสียยกใหญ่โดยไม่คิดเลยว่าเธอเองนั่นแหละทำมันล่าช้าเข้าไปอีก จนคู่กรณีหนุ่มใหญ่มาดนักธุรกิจต้องเรียกใช้บริการแท็กซี่เพื่อไปให้ทันประชุมกับลูกค้า ทิ้งคนขับรถเอาไว้ และยินยอมชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นค่าซ่อมรถทั้งสองคัน หรือค่าเสียเวลาที่หญิงสาวบ่นพึมพำอยู่ตลอดเวลา แต่เธอก็ยังปฏิเสธข้อเสนอนั้น ทุกอย่างจึงต้องทำตามขั้นตอน วัดเอาความถูกต้อง หาคนผิดและจัดการไปตามระเบียบข้อบังคับของการประกันภัย จนต้องมาทานอาหารกลางวันเอาเมื่อบ่ายแก่ๆ
“ไม่ต้องหรอกค่ะ เพราะฉันไม่ใช่สุภาพสตรี คุณมาเสียเวลากับฉันตั้งนานสองนาน ค่าอาหารนิดๆ หน่อยๆ ฉันจ่ายให้จะเป็นอะไรไป แล้วการที่ไม่ได้ออกค่าอาหารใช่ว่ามันจะทำให้ความเป็นสุภาพบุรุษของคุณลดน้อยลง ถ้าคุณเป็นสุภาพบุรุษโดยสันดาน”
คำพูดของเธอทำเอาคนฟังสะอึกอีกครั้ง เหมือนเธอมีปมในใจกับพวกสุภาพบุรุษกับเพศชายเช่นเขา แต่เขาคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องซักถาม เพราะจะกลายเป็นการละลาบละล้วงไปเสีย และเมื่ออับจนคำที่จะมาโต้แย้งเธอ เขาก็ได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก
“ตกลงครับ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมไปส่งคุณก็แล้วกัน จะได้ไม่ต้องเสียค่าแท็กซี่”
“ก็ได้ค่ะ” เธอตอบตกลง หลังครุ่นคิดเพียงไม่นาน