ปึก!
เติร์ดกระชากคอเสื้อรุ่นน้องที่ปากดีใส่เขาเมื่อวานอัดเข้ากับผนังห้องน้ำ เพราะเดินสวนกันตอนออกมาจากห้องน้ำบนอาคารเรียน จึงได้โอกาสสะสางและสั่งสอนให้หลาบจำ
“ไอ้เด็กปากหมา!”
“ผะ...ผมขอโทษครับพี่”
“ตอนอยู่กับพวกเยอะ ๆ มึงปากดีนี่ ทำไมตอนอยู่คนเดียวมึงตัวสั่นเป็นหมาโดนน้ำร้อนลวกเลยล่ะ”
“ขะ...ขอโทษครับ ผมกลัวแล้ว”
“อย่ามาปากดีกับกูโดยเฉพาะต่อหน้าพี่ปรางอีก ครั้งนี้กูแค่เตือน ถ้ามีครั้งหน้าอีกกูจับมึงโยนลงอาคารแน่ เอาเรื่องนี้ไปบอกพวกของมึงด้วย!”
“ครับ ๆ”
“ไอ้เติร์ด!” เซนเรียกชื่อของเติร์ดเสียงดังเมื่อเห็นว่าเพื่อนกำลังรังแกรุ่นน้องอยู่ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เติร์ดปล่อยเด็กหนุ่มคู่กรณีหลุดจากพันธนาการไปอย่างง่ายดาย
“เสียใจด้วยนะที่มาขัดจังหวะกูไม่ทัน เพราะกูจัดการสั่งสอนไอ้เด็กกระโปกนั้นไปเรียบร้อยแล้ว”
“อยู่ต่อหน้าพี่ปรางมึงก็ดูเชื่องดีนะ แต่พออยู่ตัวคนเดียวมึงนี่หมาป่าล่าเหยื่อชัด ๆ”
“มึงรู้ได้ไง เคยเห็นตอนกูอยู่กับพี่ปรางเหรอ”
“ก็ตอนนั้นไง ตอนที่มึงคุยกับพี่ปรางหลังโรงเรียน กูยืนรอมึงตั้งนานจนเข้าเรียนสาย มึงจำไม่ได้เหรอ ความจำสั้นเหรอมึงอ่ะ”
“เออว่ะจริงด้วย”
ทั้งคู่เดินคุยกันขณะที่เดินลงบันไดของอาคารเรียน เวลานี้เป็นช่วงเช้า ผู้คนจึงไม่ค่อยพลุกพล่านนัก แต่นักเรียนบางส่วนก็เริ่มทยอยเดินทางมาประปราย
“ว่าแต่พี่ปรางทำอะไรกับมึงวะ มึงถึงได้ดูเกรงใจพี่เขาขนาดนั้น”
“กูนับถือพี่ปรางเหมือนแม่ ถ้าไม่มีพี่ปราง กูคงไม่มีชีวิตอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้”
“แม่เลยเหรอวะ” เซนพึมพำเสียงเบากับตัวเอง
“เออ กูมีของดีมาขาย ถ้ามึงช่วยซื้อกู กูจะบอกความลับของพี่ปรางหนึ่งข้อเอาไหมล่ะ” เติร์ดพูดเสียงเบาให้พอได้ยินกันสองคนกับเซน
“มึงพึ่งบอกเองนะว่ามึงนับถือพี่เขาเหมือนแม่ แป๊บ ๆ มึงก็จะเผาแม่มึงแล้วเหรอ”
“เอาไหมล่ะ ถ้าไม่เอาก็ไม่ต้องพูดมาก”
มันไม่ใช่กงการอะไรที่เซนจะอยากรู้เรื่องของมะปราง แต่หัวหน้าของเขาคงอยากรู้แน่นอน ซื้อความลับของมะปรางเอาไว้ไปขายต่อกับหัวหน้าก็คงเป็นความคิดที่ไม่เลวนัก
“เอาก็ได้ รีบบอกความลับมาเร็ว ๆ” เซนควักเงินจากกระเป๋าสตางค์มาจ่ายให้เติร์ดโดยเร็ว ก่อนจะเงี่ยหูรอฟังความลับของมะปรางที่เพื่อนกำลังจะบอก เติร์ดหันไปพูดกับเซนเสียงเบาอีกครั้ง แม้จะไม่มีใครเดินสวนทางไปมา แต่เรื่องแบบนี้ก็พูดเสียงดังโจ่งแจ้งไม่ได้
“พี่ปรางถึงจะเป็นคนต้มเหล้าเถื่อนขาย แต่ก็โคตรคออ่อนเลย”
“แค่นี้...”
“เอ่อ มึงจะเอาแค่ไหนละ กูบอกมึงมากกว่านี้ไม่ได้หรอกนะเว้ย”
“ขี้โกงว่ะ เอาเงินกูคืนมาเลย”
“ได้ไงวะ ตอนแรกกูคิดว่ามึงจะเงียบ ๆ เรียบร้อย แต่สกิลปากมึงก็ใช่ย่อยนะไอ้เซน”
“มึงจะทำแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนวะไอ้เติร์ด โดนจับได้ขึ้นมานี้อนาคตมึงจบเห่เลยนะ”
“ก็จนกว่าจะเรียนจบมีงานดี ๆ ทำแหละมั้ง คนไม่มีต้นทุนชีวิตแบบกู แม่งก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อปากเพื่อท้องทั้งนั้นแหละ เย็นนี้ถ้ามึงว่างก็ไปช่วยกูทำมาหากินด้วยแล้วกัน เออเกือบลืม เอาการบ้านมาลอกด้วย”
“หัดทำเองบ้างนะมึงอ่ะ ขอการบ้านกูลอกทุกวัน”
ถึงแม้จะบ่นออกมาอย่างนั้น แต่เซนก็หยิบสมุดจากกระเป๋าเรียนมายื่นให้กับเติร์ดอย่างไม่อิดออด
“กูจะทำเองก็ได้เว้ย แต่ที่กูต้องขอมึงลอกเพราะกูถือว่ากูให้เกียรติมึง”
“ให้เกียรติกู?”
“เออดิ เพราะถ้ากูทำเองกูก็จะเก่งกว่ามึงไง นี่! กูไม่อยากเก่งเกินหน้าเกินตามึงไงไอ้เซน”
“แถไปเรื่อยนะมึงอ่ะ”
ทั้งสองคุยไปหัวเราะไปตามประสา เติร์ดที่เคยคิดว่าจะตีสนิทกับเซนไว้หาผลประโยชน์ แต่ตอนนี้เขากลับมองว่าเซนเป็นเพื่อนที่ดีและเป็นเพื่อนที่เขาคุยได้ทุกเรื่อง
ในขณะเดียวกัน เซนที่คิดว่าเติร์ดน่าจะนำเบาะแสดี ๆ มาให้กับเขา แต่กลับกลายเป็นว่าเขาได้มิตรภาพที่ดีและมีแต่ความจริงใจกลับมา
“เฮียมีอะไรทำไมไม่พูด เรียกให้หนูมานั่งอยู่แบบนี้เป็นชั่วโมงแล้วนะ” มะปรางที่นั่งอยู่บนตักของเตชินเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มเอาแต่นั่งอยู่นิ่ง ๆ ไม่พูดไม่จา สีหน้าของเขาดูราวกำลังใช้ความคิดอยู่ตลอดเวลา
“เฮียแค่อยากนั่งกอดหนูแบบนี้นาน ๆ” ว่าแล้วชายหนุ่มก็กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ก่อนจะก้มลงไปหอมศีรษะทุยเล็กเบา ๆ “หลังจากนี้ไปถ้าเกิดอะไรขึ้นให้หนูรู้ไว้เลยนะว่าเฮียยังเป็นเฮียเตของหนูคนเดิม”
“พูดเหมือนกำลังจะเกิดเรื่องไม่ดีเลย” เด็กสาวเอ่ยถามพลางทำสีหน้าสงสัย เธอเลื่อนหน้าผากมนชนเข้ากับปลายคางของชายหนุ่มเบา ๆ อย่างออดอ้อน
เตชินเหลือบมองกระจกรถเพียงนิด ก่อนตัดสินใจพูดในสิ่งที่ตั้งใจจะบอกกับเธอ
“หลังจากนี้ไปเฮียคือตำรวจเลว”
“...” มะปรางแหงนหน้ามองชายหนุ่มเชิงคำถาม แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาคือเตชินดึงใบหน้าเธอมาประกบจูบอย่างอุกอาจ ความรุนแรงของเขาทำให้มะปรางตกใจจนต้องผละตัวออกห่างโดยสัญชาตญาณ
“อื้อ! เจ็บนะ” เขากัดกลีบปากอวบอิ่มของเธอจนเลือดออก เตชินทำสีหน้าไม่สะทกสะท้านพลางดึงมะปรางเข้ามาซุกไซร้คลอเคลียอย่างฉวยโอกาส มะปรางรีบผลักเขาออกทันควัน เพราะเขาไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผลแบบนี้ “เป็นบ้าอะไร...”
“ถ้าไม่ชอบการกระทำแบบนี้ก็รีบไสหัวไปไกล ๆ ไม่ใช่มานั่งตั้งคำถาม มันเสียเวลา”
คำพูดคำจาของเขามันทิ่มแทงหัวใจของเธอจนรู้สึกเจ็บปวด
“เฮีย...”
พรึ่บ!
เตชินดึงมะปรางมาจูบอย่างรุนแรงอีกครั้ง จนคนโดนกระทำต้องเรียกสติเขาด้วยการตบเข้าที่แก้มสากอย่างแรง
เพี๊ยะ!
ใบหน้าคมคายหันไปตามแรงตบอย่างเลี่ยงไม่ได้ เตชินดันลิ้นเข้ากระพุ้งแก้มก่อนจะหันมาจ้องมองนัยน์ตาของมะปรางอย่างคาดเดาความคิดไม่ได้ นัยน์ตาคมนิ่งเต็มไปด้วยไฟร้อนระอุจนน่าขนลุกอย่างบอกไม่ถูก มะปรางขยับตัวถอยห่างจากเขา หยดน้ำตาเท่าเม็ดเข็มมันหล่นออกมาจากดวงตาคู่สวยด้วยความไม่ได้ตั้งใจ
เพี๊ยะ!
เธอง้างมือตบหน้าเขาแรง ๆ อีกครั้ง ก่อนจะลงจากรถไปด้วยความโกรธและไม่เข้าใจในกระทำของเขา
เตชินนั่งอยู่ภายในรถเงียบ ๆ เพียงไม่นานก็มีชายฉกรรจ์คนหนึ่งเดินเข้ามานั่งบนเบาะรถข้าง ๆ ราวกับว่าทั้งสองนัดเจอกันอยู่แล้ว
“มึงรู้จักเด็กคนนั้นเหรอ”
“ไม่ใช่เรื่องของมึง นายของมึงต้องการให้กูช่วยอะไร”
“นายต้องการส่งออกยาล็อตใหม่ออกนอกประเทศ ถ้างานนี้สำเร็จมึงจะได้เปอร์เซ็นต์ตอบแทนด้วย”
“ไม่ใช่ปัญหา เดี๋ยวจัดการให้”
“เด็กคนนั้นที่ลงจากรถมึงไป เป็นคนที่นายของกูต้องการกำจัด”
“จะทำอะไรก็ทำ แต่ก่อนจะลงมือ เด็กคนนั้นต้องตกเป็นของกูก่อน ฝากบอกนายของมึงด้วย”
“ฮึ มึงสนใจมัน?”
“กูแค่อยากได้ดูจะพยศดี ถ้านายของมึงทำอะไรเด็กคนนั้นโดยที่ไม่บอกกูก่อน กูจะถือว่านายของมึงไม่ให้เกียรติกู และกูก็จะไม่ไว้หน้านายของมึงเหมือนกัน”
“ได้...เดี๋ยวกูจะบอกนายให้”
เมื่อคุยธุระกันจบ ชายฉกรรจ์คนนั้นก็ลงจากรถไป เตชินเริ่มเข้าใกล้คนที่อยู่เบื้องหลังตัวจริงแล้ว ตอนนี้เขาต้องทำทุกอย่างให้คนร้ายยอมเปิดเผยตัวตนกับเขา โดยการทำให้อีกฝ่ายหลงเชื่อว่าเตชินมีเป้าหมายเดียวกันกับตัวเอง
“เฮียขอโทษนะที่ให้หนูเจ็บ หวังว่าหนูจะเข้าใจ” เขาพูดกับตัวเองด้วยความขมขื่น ตอนที่เห็นหยดน้ำตาของเธอไหลออกมาใจของเขาหล่นไปถึงตาตุ่ม แต่เมื่อเขาตัดสินใจที่จะทำมันแล้ว เขาก็ต้องทำให้ถึงที่สุด
“เป็นอย่างนี้นี่เอง” มะปรางที่หลบอยู่ละแวกนั้นพูดออกมาเสียงแผ่ว เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก หลังจากที่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของเตชิน “ตำรวจเลวอย่างงั้นเหรอ เอาตัวเองเข้าไปคลุกคลีกับคนพวกนั้นสินะ”
“...”
“แต่ก็บอกกันดี ๆ ก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องทำร้ายจิตใจกันเลย”