ช่วงเช้ามืดของอีกวัน มะปรางตัดสินใจสวมใส่ชุดดำทั้งตัวพร้อมหมวกไอ้โม่งเข้าไปในป่า เธอใช้ระยะเวลาในการเดินเท้าเข้าไปนานพอสมควร เป้าหมายอยู่ในป่าลึก
มะปรางเข้ามาในป่าเพียงคนเดียว เธอไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครแม้แต่เตชิน คนที่ใช้เวลาว่างในการสำรวจพื้นที่ในท้องถิ่นอย่างเธอไม่มีทางหลงป่าแน่นอน เพราะเธอแทบจะรู้จักทุกตารางนิ้วของที่นี่
กลัวก็แต่สัตว์มีพิษกับคนมีปืนเท่านั้นแหละ!
“ว่าแล้วเชียวว่าต้องเจออะไรดี ๆ” ในป่ามีเต็นท์สำหรับทำอะไรสักอย่าง
มะปรางไล่มองใบหน้าของชายฉกรรจ์แต่ละคนในระยะไม่ไกลนัก พวกนั้นเป็นพวกเดียวกันกับที่รุมซ้อมคุณตาเมื่อวาน เพียงแค่นั้นเธอก็รู้สึกเหมือนว่ามีเข็มจำนวนมากมายทิ่มแทงที่หัวใจดวงน้อย ภาพเหตุการณ์โหดร้ายมันยังคงชัดเจนในความทรงจำของเธอ
มะปรางหยิบโทรศัพท์มือถือสำหรับเก็บหลักฐาน ก่อนจะแอบเดินอ้อมไปข้างหลังเต็นท์ เพราะดูท่าทางคนพวกนั้นกำลังจะงีบหลับ จนไม่ได้สังเกตว่าเธอบุกรุกเข้ามา
ภายในเต็นท์มีลังไม้ขนาดใหญ่วางซ้อนกันเป็นจำนวนมาก ราวกับเป็นของที่เตรียมพร้อมสำหรับส่งออก มะปรางออกแรงเพื่อเปิดฝาลังไม้ออก ก่อนจะเจอกับตุ๊กตาจำนวนมากมายบรรจุอยู่ในนั้น
“แค่ตุ๊กตาทำไมต้องเอามาซ่อนไว้ในป่าลึกขนาดนี้” เธอครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะเอามีดใบเล็กที่พกติดตัวมาด้วยกรีดท้องตุ๊กตาออกดู จึงเห็นว่ามีอะไรบางอย่างบรรจุอยู่ในนั้น มันคือยาเสพติดที่มาในรูปแบบยาสามัญประจำบ้าน
“ว่าแล้วเชียว” มะปรางไม่รอช้า เธอรีบถ่ายภาพเก็บหลักฐานเอาไว้ ก่อนจะจัดเก็บของทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางของมันเช่นเดิม
จังหวะนรกจริง ๆ
มะปรางได้ยินเสียงเดินเข้ามาภายในเต็นท์ จึงรีบวิ่งไปซ่อนตัวอยู่หลังลังไม้ โชคดีที่มันสูงเหนือศีรษะของเธอจนสามารถบดบังร่างกายได้พอดิบพอดี
“มึงเช็คของครบเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
“เรียบร้อยแล้วครับพี่”
ทั้งสองคนเดินสำรวจลังไม้โดยที่มีมะปรางเดินตามหลังอีกที ใจดวงน้อยเต้นแรงจนแทบหลุดออกมา เพราะเธอต้องก้าวขาตามจังหวะการเดินของคนใดคนหนึ่ง
‘จะเดินทำห่าอะไรนักหนาว่ะ ขาสั่นหมดแล้วเนี่ย’ พวกเขาไม่ได้เดินวนแค่รอบเดียวแต่เดินวนรอบลังไม้ไปถึงสามรอบ เธอกลั้นหายใจจนแทบจะหมดลมอยู่แล้ว
“เรียบร้อยดี! มึงไปเรียกคนข้างนอกให้มาขนย้ายสินค้าได้เลย รถบรรทุกสินค้าพร้อมแล้ว”
“ครับพี่”
‘ฉิบหายแล้ว จะออกไปยังไงเนี่ย’ มะปรางบ่นในใจ พวกนั้นยืนอยู่ตรงทางออกของเต็นท์ ถ้าพวกมันที่เหลือเข้ามายกลังไม้ออกไปจนหมด มีหวังเธอจบเห่แน่
และแล้วมะปรางก็ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อชายอีกคนเดินออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกเต็นท์ เธอจึงใช้จังหวะนั้นหาทางหลบหนีออกมาเงียบ ๆ
แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด เธอยังไม่โผล่ตัวออกจากเต็นท์ โผล่เพียงแค่ศีรษะที่มีไอ้โม่งสีดำครอบอยู่เท่านั้น ก็โดนปลายกระบอกปืนจ่อเข้าที่กลางขมับ มือใหญ่หนาดึงไอ้โม่งออกจนเห็นใบหน้าของมะปรางอย่างชัดเจน
“ไงเด็กน้อย ไม่อยากหายใจแล้วเหรอ” ไมเคิลที่เพิ่งมาตรวจความเรียบร้อยของสินค้าด้วยตัวเองเอ่ยพูด
เขาสังเกตเห็นว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล และเมื่อมองดูดี ๆ จึงรับรู้ได้ทันทีว่ามะปรางได้มาบุกรุกที่รังของเขา เขายังจดจำเธอได้เป็นอย่างดี เด็กผู้หญิงที่เป็นตัวตั้งตัวตีและเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาติดคุกถึงห้าปี ได้เดินมาให้เขาเชือดถึงที่
“ไอ้ไมเคิล!” มะปรางค่อย ๆ หันไปมองคนที่จ่อปืนตรงขมับของเธอด้วยความหวาดกลัว
อีกฝ่ายไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลา เขาใช้ปลายกระบอกปืนทุบเข้าที่ท้ายทอยของเด็กสาวอย่างแรง จนเธอสลบและแน่นิ่งไป
“เห็นแก่ไอ้ผู้กองหื่นกามนั่นนะ ฉันถึงยังไม่ยิงแกให้ตายตอนนี้ ไว้ให้นังเด็กนี่ส่งไอ้ผู้กองนั่นขึ้นสวรรค์ก่อน แล้วฉันจะส่งพวกมันลงนรกทั้งคู่ เอามันไปมัดไว้ที่ใต้อุโมงค์ แล้วก็เรียกไอ้ผู้กองบ้ากามนั้นมา วันนี้เราจะดูหนังสดกัน”
หลังจากที่ไมเคิลพูดจบประโยค ลูกน้องทุกคนก็ต่างพากันส่งเสียงร้องเฮกันใหญ่โต
“อื้อ~” มะปรางส่งเสียงครางในลำคอเบา ๆ ด้วยอาการที่มึนงง ดวงตาคู่สวยค่อย ๆ ปรับภาพรอบตัวให้ชัดเจนขึ้น ก่อนจะเห็นว่ามีชายฉกรรจ์หลายสิบคนยื่นโอบล้อมเธออยู่
“มันฟื้นแล้วครับนาย”
“ไงสาวน้อย พร้อมที่จะสนุกกับพวกเราแล้วหรือยัง” ไมเคิลพูดก่อนจะกระชากศีรษะของเธออย่างแรง ส่งผลให้คนที่ถูกพันธนาการด้วยเชือกหนาต้องเงยหน้าขึ้นมาตามแรงกระชาก
“ทำของของผมรุนแรงขนาดนี้ ไม่ให้เกียรติกันเลยนะครับ” เตชินที่เพิ่งเดินทางมาถึงเอ่ยพูดขึ้น รอยยิ้มมุมปากที่เปี่ยมไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมทำให้มะปรางตกใจจนหวาดกลัว เขาไม่เหมือนเตชินคนที่เธอรู้จัก “ขอบคุณนะครับ ในที่สุดเราก็ได้เจอหน้ากันสักที”
“ฮาฮ่าฮ่า ทำงานกับผมมีแต่ได้กับได้อยู่แล้วผู้กอง ผู้หญิงที่คุณสนใจและอยากได้ ผมเตรียมมาให้คุณโดยเฉพาะ”
“ผมถูกใจเธอมาก หวังว่าเราจะได้ร่วมงานกันอีกยาว ๆ นะครับ”
“เอาเลยไหมล่ะ ผมเตรียมห้องและเตียงนุ่ม ๆ ไว้ให้คุณกับอีเด็กนี่เรียบร้อยแล้ว แต่มีข้อแม้... พวกเราทุกคนในนี้จะอยู่ในห้องนั้นกับคุณด้วย”
“จะแอบดูผมมีความสุขกับเธอเหรอครับ ผมไม่ถือหรอกนะ”
“คุณนี่มันโรคจิตเหมือนกันนะผู้กอง”
“แต่ผมขอจัดการกับเธอหลังจากที่ผมทำงานให้คุณเรียบร้อยแล้ว ของแบบนี้ผมไม่รีบ”
“ฮือ ๆ” สิ้นเสียงของเตชิน มะปรางก็ส่งเสียงร้องออกมาดังลั่น
บทสนทนาของเตชินและไมเคิลทำให้เธอหวาดกลัวจนตัวสั่น ทุกคนต่างหัวเราะสะใจที่เห็นว่าเธอกำลังหวาดกลัว
เตชินเดินเข้าไปเชยคางของมะปรางขึ้นมาเล็กน้อย เขาจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเธอด้วยสีหน้านิ่ง ๆ ขณะที่มะปรางมองเขาด้วยสายตาวิงวอน แต่ก็ถูกเขาโน้มใบหน้าลงไปจูบปากเธออย่างอุกอาจ กลีบปากหนาขบเม้มปากอวบอิ่มจนรู้สึกเจ็บ
“อื้อ!”
แม้จะพยายามหันหน้าหนีแต่เธอก็โดนเขาจูบต้อนจนเธอต้องยอมจำนน และยอมเปิดปากรับจูบของเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ส่งผลให้คนภายในห้องหัวเราะอย่างชอบใจ นานหลายนาทีกว่าเตชินจะยอมผละจูบเร่าร้อนของเขาออกจากปากของเด็กสาว
“เดี๋ยวผมไปจัดการเคลียร์ทางให้คนของคุณไมเคิลก่อนดีกว่า ทำงานเสร็จแล้วค่อยมาฉลองกัน” เตชินกล่าว
“ฮาฮ่าฮ่า นิสัยผู้กองนี่โรคจิตได้ใจผมจริง ๆ” ไมเคิลกล่าวชื่นชม ก่อนจะหันไปยิ้มร้ายกาจกับลูกน้องของเขา ราวกับว่าทุกอย่างที่เขาวางเอาไว้มันลงตัวไปหมด เพราะหลังจากที่งานของเขาเสร็จเรียบร้อย เขาก็กะว่าจะส่งทั้งเตชินและมะปรางให้ไปสะสางกันต่อที่นรก
หลังจากที่เตชินออกไปทำหน้าที่ของตัวเอง และไมเคิลกับลูกน้องบางส่วนก็แยกย้ายกันไปทำงาน มะปรางก็ถูกนำตัวเข้าไปขังไว้ในห้องมืด ๆ ห้องหนึ่ง ภายในนั้นทั้งเหม็นสาบและอับชื้น ทำให้เธอหายใจลำบากและเริ่มจะมวลท้องเหมือนจะอาเจียน
เด็กสาวรอให้ทุกคนออกไปข้างนอกจนหมด เธอจึงใช้จังหวะนั้นคายอุปกรณ์ขนาดเล็กออกมาจากปาก เนื่องจากอมมันไว้ตั้งแต่โดนเตชินจูบแล้วส่งมันให้กับเธอทางปาก
มะปรางรู้ความหมายแฝงของเตชินเป็นอย่างดี เธอจ้องหน้าชายหนุ่มตลอดเวลาที่เขาสนทนาอยู่กับไมเคิล
การกะพริบตาหนึ่งครั้ง หรือกะพริบตาสองครั้งติด หรือกะพริบตาสามครั้งติด หรือแม้แต่การเปิดตาค้างไว้สิบวินาที มันล้วนมีความหมายแอบแฝงทั้งหมด
เตชินเรียกสิ่งว่าการรับส่งโค้ดผ่านใบหน้า ซึ่งมะปรางได้เรียนรู้มันมาบ้าง
แต่ถึงยังไงมะปรางก็ยังโกรธเคืองเตชินอยู่ดี เธอไม่ชอบวิธีการของเขาเลย มันดูโหดร้ายและป่าเถื่อนเกินไป เขาแสดงเก่งจนเธออยากมอบรางวัลออสการ์ให้เลย
“...” มะปรางกดปุ่มเล็ก ๆ เพื่อให้ปลายมีดแหลมโผล่ออกมาจากอุปกรณ์ แล้วทำการตัดเชือกที่พันธนาการเธอ ถ้าปลายมีดพลาดโดนเนื้อหนังขึ้นมานี้คงจะบาดลึกอยู่เหมือนกัน เพราะว่าปลายมีดมีความคมมาก ต้องอาศัยความชำนาญในการใช้งาน “อยู่ไปก็ตายอยู่ดี หนีจนตัวตายเลยดีกว่า”
มะปรางมองหาอาวุธมาไว้ป้องกันตัว จึงได้ท่อนไม้ที่พอดีมือมาหนึ่งท่อน เธอย่องไปแอบมองคนที่เฝ้าประตูทางออก พวกมันมีกันแค่สามคน และดูเหมือนจะทำตัวเอ้อระเหยไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น
‘ต้องล่อพวกมันเข้ามาในนี้ทีละคน จะจัดการได้ง่ายกว่า’
พรึ่บ!
สิ้นความคิดนั้น มะปรางก็ถีบเก้าอี้ที่ตั้งตระหง่านอยู่ภายในห้องให้ล้มลงกับพื้น
“เสียงอะไรวะ”
“อีเด็กนั่นมีปัญหาอะไร เข้าไปดูมันซิ”
จังหวะที่มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาดู มะปรางที่หลบอยู่ในมุมห้องมืด ๆ ก็ลงมือฟาดท่อนไม้ลงเข้าที่กลางหลังของอีกฝ่ายอย่างแรง
ปึก!
“อั๊ก!”
“เกิดอะไรขึ้นว่ะ”
ปึก! ผัวะ!
ชายอีกคนที่เดินเข้ามาตามหลัง ก็ไม่พ้นท่อนไม้หนัก ๆ ที่ฟาดเสยคางพร้อมกับแรงถีบจากเรียวขาเล็ก ๆ ของเด็กสาว
มะปรางใช้จังหวะนั้นวิ่งหนีออกมาจนเจอเข้ากับผู้ชายอีกคนที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่หน้าประตูทางออก เธอไม่รอให้เขาได้พูดอะไร เด็กสาวจัดการฟาดไม้ในมือเข้าที่ด้านข้างของศีรษะของอีกฝ่ายไหลจนเลือดโชก เธอรีบวิ่งหนีออกไปโดยที่มีผู้ชายจากในห้องมืดที่สามารถลุกขึ้นมาประคับประคองตัวเองได้แล้ว วิ่งตามออกมาติด ๆ
เด็กสาวก้าวขายาว ๆ วิ่งหนีสุดชีวิต เธอได้แต่ภาวนาอยู่ในใจว่าอย่าได้สะดุดตอไม้ล้มแบบในละครหลังข่าวเลย ไม่อย่างนั้นได้กลายเป็นศพแน่
“ขึ้นรถเร็ว!” กวินที่ขับรถยนต์มารออยู่ตรงปากทางตะโกนเรียกให้มะปรางขึ้นรถไปกับเขา
มะปรางที่ไม่มีทางเลือกจึงยอมขึ้นรถไปกับคู่ปรับแต่โดยดี
คนร้ายวิ่งตามตัวมะปรางอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะการที่มะปรางหนีรอดออกไปได้ พวกเขาจะซวยกันหมด พวกเขาแย่งชิงรถจากชาวบ้านที่ขับผ่านมา จากนั้นจึงขับรถไล่ต้อนกวินกับมะปรางไปอย่างไม่ลดละ
เด็กแว้นประจำถิ่นอย่างกวินมีหรือจะปล่อยให้ใครมาเกินหน้าเกินตา เขาเหยียบคันเร่งจนมิดแล้วบังคับรถไปยังทิศทางของถนนใหญ่
ทว่ารถยนต์แบบที่กวินขับวิ่งเกลื่อนถนนลาดยางทางออกของหมู่บ้านเต็มไปหมด ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะกวินสั่งให้ลูกสมุนของเขาขับรถล่อคนร้ายไปคนละทิศคนละทาง
คราวนี้ก็เสี่ยงดวงเอาว่าคนร้ายจะขับตามมาถูกคันหรือเปล่า แต่แล้วก็เป็นไปตามที่คิดเอาไว้ คนร้ายเกิดความสับสน ทำให้กวินพามะปรางหนีออกมาจากนอกอำเภอจนสำเร็จ
ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง รถที่ขับก็ค่อย ๆ ชะลอจอดและดับเครื่องยนต์จนสนิท
“พะ...พาฉันมาที่นี่ทำไม”
“ไม่ต้องถามมาก ลงมา!” กวินเดินอ้อมไปเปิดประตูรถอีกฝั่ง แล้วออกคำสั่งให้มะปรางลงจากรถ “จะลงมาดี ๆ หรือจะให้ฉันส่งตัวเธอคืนให้พวกมัน”
“...” มะปรางรีบลงจากรถอย่างไม่มีทางเลือก แต่อย่างน้อยอยู่กับกวิน เธอก็สามารถปกป้องตัวเองได้
บ้านสองชั้นขนาดไม่ใหญ่มากนัก ไร้คนอยู่อาศัย ตั้งอยู่ที่ตัวเมืองของจังหวัด เป็นบ้านของครอบครัวกวินที่ไว้สำหรับพักผ่อนชั่วครั้งชั่วคราว เขาต้องพามะปรางมาหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่อย่างไม่เต็มใจนัก เพราะเป็นคำขอร้องจากลูกพี่ลูกน้องอย่างเตชิน
ค่าตอบแทนที่เตชินจะมอบให้เขา มันคุ้มค่าพอที่เขาจะยอมยื่นมือมาช่วยคนที่เขาไม่ชอบขี้หน้าอย่างมะปราง
“อยู่ที่นี่ไปก่อน” กวินพูดพร้อมเดินไปหยิบกล่องยาสำหรับทำแผลให้กับเธอ มะปรางมองกวินอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ใจหนึ่งเธอก็อยากกล่าวคำขอบคุณ แต่อีกใจหนึ่งเธอก็ยังไม่ไว้ใจเขา “อย่าคิดจะออกไปจากที่นี่ คงไม่อยากอายุสั้นหรอกใช่ไหม”
“มาช่วยฉันทำไม ต้องการอะไรจากฉัน”
“ฉันไม่ได้ต้องการอะไรจากเธอ ค่าตอบแทนจากการช่วยเหลือเธอ มีคนจ่ายให้ฉันแล้ว”
มะปรางทำสีหน้าแปลกใจ เพราะปกติกวินมักจะพูด ‘มึงกู’ กับเธอตลอดทุกครั้ง แต่ครั้งนี้เขากลับพูดจาสุภาพขึ้น แม้น้ำเสียงจะยังฟังดูห้วน ๆ ก็ตาม
“ขะ...ขอบคุณ” มะปรางพูดตามหลังเมื่อกวินกำลังจะเดินออกไปจากบ้าน
เขาหยุดชะงักแล้วหันไปชำเลืองตามองเธอเพียงนิด ก่อนจะบิดยิ้มมุมปากเล็กน้อย แล้วเดินจากไป โดยที่มีมะปรางมองตามหลังจนสุดทางประตู