“ฮึ ไอ้ตำรวจหื่นกาม มึงก็ไม่ต่างอะไรจากตำรวจคนอื่น ๆ ที่ผ่านมา ผลประโยชน์ต้องมาก่อน” ไมเคิลเอ่ยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ต่อให้ตำรวจกี่สิบคนที่มาประจำการอยู่ที่นี่ล้วนแล้วมาเพื่อผลประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียงเงินทอง หน้าที่การงานที่ก้าวหน้า หรือแม้แต่ผู้หญิงไว้สนองตัณหา “หลังจากที่มันจัดการเปิดทางส่งออกสินค้าล็อตใหม่ให้เราเรียบร้อยแล้ว มึงก็เก็บมันซะ”
“แล้วอีเด็กนกต่อนั่นล่ะครับ”
“สนองความหื่นกามให้ไอ้ตำรวจนั่นสักหน่อย ยังไงก็จะตายทั้งคู่อยู่แล้ว ปล่อยให้มันไปสะสางกันต่อที่นรก แล้วเรื่องที่ให้ไปจัดการถึงไหนแล้ว”
“เรียบร้อยแล้วครับนาย แผนการของนายได้ผล พวกตำรวจมัวแต่วุ่นวายอยู่กับชาวบ้านแล้วก็นักข่าว จึงไม่ได้สนใจเรื่องอื่นเลย”
เตชินนั่งฟังบทสนทนาของไมเคิลกับลูกน้องผ่านเครื่องดักฟังอยู่ในห้องทำงานเงียบ ๆ สองนิ้วเคาะโต๊ะเป็นจังหวะอย่างใช้ความคิด วิธีที่เสี่ยงที่สุดคือวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้
ก๊อก! ก๊อก!
“ขออนุญาตครับหัวหน้า”
“เข้ามา”
“อุปกรณ์พร้อมแล้วครับ” นาวินเดินเข้าไปในห้องทำงานของหัวหน้าพร้อมกับอุปกรณ์มากมายที่เขาเป็นคนประดิษฐ์ขึ้นมา
เตชินหยิบหน้ากากแต่ละอันขึ้นมาพิจารณาดู ความสามารถของนาวินคือการก๊อบปี้บุคลิกของบุคคล แม้บางครั้งอาจจะมีผิดพลาดบ้างแต่ก็คงต้องขัดเกลากันไป
“ไหนลองแสดงเป็นไอ้เจษฎาดูสิ”
“อะแฮ่ม ผมไม่เห็นด้วยนะกับการที่คุณเอายานรกพวกนี้ไปบริจาคให้กับชาวบ้าน!”
“แล้วไอ้ไมเคิลล่ะ”
“ก็ไม่เห็นว่ามีใครตายเพราะยาของผมสักหน่อย พวกนั้นตายเพราะหันมาฆ่ากันเอง”
“เสียงผ่านนะ จังหวะการพูดก็โอเค คงเป็นเพราะมีกล่องเลียนเสียงเป็นตัวช่วย แต่บุคลิกยังแข็งทื่ออย่างกะหุ่นยนต์เลยไอ้วิน”
“ผมเคยได้ยินแต่เสียงของพวกมัน ยังไม่เคยเห็นการแสดงออกทางใบหน้าและท่าทางของร่างกาย คงต้องเก็บข้อมูลอีกหน่อย”
“งานที่แกได้รับอาจเสี่ยงหน่อยนะ หวังว่าแกจะได้เลือดยัยเคสมามากพอที่จะเอาตัวรอดกลับมาได้ทุกครั้งที่ปฏิบัติหน้าที่”
“ครับหัวหน้า” นาวินรับคำ ก่อนมือบอนกดปุ่มเปลี่ยนเสียงมาเป็นเสียงของมะปรางเพื่อพูดหยอกล้อกับหัวหน้าของเขา “เฮีย...ให้กำลังใจหนูหน่อย”
“สู้ ๆ นะครับเด็กดีของเฮีย ไอ้วิน!” เตชินที่กำลังกลุ้มใจเรื่องของมะปรางอยู่เมื่อโดนเด็กฝึกล้อเลียนก็รีบเสียงดังกลบเกลื่อนหลังจากที่เผลอพูดเสียงหวานออกไป เขาเอื้อมมือไปดึงกล่องเลียนเสียงของนาวินมาถือไว้
“ขอโทษครับหัวหน้า ขะ...ขอของผมคืนนะครับ”
“รู้สึกว่ามึงจะชอบสวมบทบาทเป็นผู้หญิงนะ”
“ผมว่าก็ไม่เลวนะ ความเป็นผู้หญิงมันละเอียดอ่อนกว่าผู้ชาย และสามารถแสดงมุมมองนิสัยออกมาได้กว้างกว่า ขอของผมคืนนะครับ นะครับหัวหน้า” เตชินยอมให้กล่องเลียนเสียงกับนาวินไปอย่างไม่พอใจนัก เขามองเด็กฝึกของเขาเดินออกไปจากห้องทำงานด้วยสีหน้าเหมือนคิดอะไรบางอย่างออก
“สถิติใหม่ ขายหมดเกลี้ยงภายในวันเดียว” เติร์ดเอ่ยพูดพลางนับเงินในมือ โดยมีเซนเดินตามเงียบ ๆ เพราะการที่เขามาช่วยเติร์ดขายเหล้าเถื่อนในวันนี้มันเป็นการสืบหาเบาะแสไปด้วย
“เติร์ด มึงจะกลับบ้านเลยไหมวะ”
“ยังเว้ย เดี๋ยวไปรอรับตาที่ปากทางเข้าป่าก่อน ส่วนมึงวันนี้ต้องอยู่ฉลองกับกูนะเว้ย มึงอุตส่าห์มาช่วยกูทำมาหากิน กูไม่ให้มึงช่วยงานกูฟรี ๆ หรอกนา”
“เออ... แล้วตามึงไปทำอะไรอยู่นั่นว่ะ ในป่าอ่ะ?”
“ตาเข้าไปเก็บของป่าขายตั้งแต่เช้าแล้ว ทำแบบนี้ทุกวันตามประสาคนแก่นั่นแหละ” เซนพยักหน้าเออออก่อนจะขึ้นรถซาเล้งไปกับเติร์ดอย่างไม่เรื่องมาก ชีวิตความเป็นอยู่ของเพื่อนยิ่งได้รู้ก็ยิ่งน่าสนใจ
“ทำไมต้องจอดรถไว้แล้วเดินเข้ามาด้วยว่ะ”
“คนที่นี่เขาถือ คนเฒ่าคนแก่เขาบอกว่าป่าที่นี่ผีดุ รถซาเล้งเสียงมันดังเดี๋ยวไปรบกวนเจ้าป่าเจ้าเขา” เติร์ดเอ่ยติดตลกปนประชดประชัน ที่ต้องทำแบบนี้เพราะไม่อยากต่อปากต่อคำกับคนแก่แบบตา
“มึงเชื่อเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอวะ”
“ไม่เชื่อ”
“...” เซนเอียงคอเล็กน้อยพลางขมวดคิ้วสงสัย
“ทำ ๆ ไปเถอะ ตาจะได้สบายใจ นี่ถ้าขับรถเข้าไปรับตาข้างในนะ กูโดนบ่นหูชายันหว่าง”
“ยันหว่าง?” เซนเอียงคอเล็กน้อยพลางทำสีหน้าเชิงคำถาม ก่อนที่เติร์ดจะไขข้อข้องใจให้อย่างเอือมระอา
“โดนบ่นจนถึงเช้า”
“อ่อ” เซนพยักหน้าเออออ เพราะเพิ่งจะเคยได้ยินคำคำนี้เหมือนกัน แต่ก็มีเติร์ดคอยแปลคำไทยให้เป็นไทยอีกที “แล้วที่บอกว่าป่านี้ผีดุใช้เรื่องเดียวกับที่กูได้ยินมาป่ะวะ”
“เรื่อง?”
“มีชาวบ้านหายตัวไปหลังจากไปเก็บของป่า พอหาเจออีกทีก็กลายเป็นศพแล้ว บ้างก็ว่าเป็นเรื่องราวลี้ลับ โดนผีป่าบังตาให้หลงทางแล้วหาทางออกไม่เจอ...”
“มึงเพิ่งย้ายมาเรียนที่นี่ได้ไม่ถึงเดือน มึงรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอว่ะ”
“เรื่องเล่าปากต่อปาก ก็พอเคยได้ยินบ้าง”
“มันไม่ใช่แค่เรื่องเล่า แต่มันคือเรื่องจริงเมื่อหลายปีมาแล้ว แล้วกูก็เชื่อว่าการที่มีคนตายในป่านี้มันไม่ใช่ฝีมือของผี แต่มันคือฝีมือของคน”
“ยังไงวะ”
“รู้แค่นี้แหละ เสือกไปก็มีแต่จะอายุสั้น” เติร์ดตอบแบบขอไปที เขาเองก็ไม่ได้รู้เบื้องลึกเบื้องหลังอะไรนักหรอก เพียงแต่พูดไปตามความเป็นจริงและตามหลักการวิทยาศาสตร์ที่ร่ำเรียนมา
เซนทำสีหน้าครุ่นคิด เนื่องจากได้สืบเรื่องนี้มาสักพักแล้ว เขาเชื่อว่ามันเกี่ยวข้องกับการที่ตำรวจหลายนายหายตัวไป
“แต่ก็ดีนะ เพราะหลังจากที่มีคนตายก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาเก็บของป่าในนี้อีกเลย นอกจากตาของกู แหล่งทำมาหากินชัด ๆ”
“เมื่อไหร่จะเจอตาของมึงว่ะไอ้เติร์ด”
“เหี้ยเอ๊ย! ปวดฉี่ไม่ไหวแล้ววะ มึงรออยู่ตรงนี้แป๊บหนึ่งนะ”
“เอ้า! ไอ้เติร์ด” เซนเอ่ยเรียกเพื่อนตามหลังด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังนัก หลังจากที่เติร์ดวิ่งพรวดพราดเข้าไปในดงป่ารก ในป่านี้ก็แสนจะวังเวง แม้จะไม่เชื่อเรื่องผีสางเทวดาแต่มันก็อดที่จะหวาดระแวงไม่ได้
“อ่า~ ค่อยสบายตัวหน่อย” เติร์ดจัดการธุระส่วนตัวจนเสร็จเรียบร้อยก่อนจะเดินออกมาจากป่ารกชัน เขาต้องทำสีหน้าประหลาดใจเมื่อไม่เห็นเซนยืนอยู่ “ไปไหนของมันว่ะ อื้อ!”
“ซู่ว~ ไอ้เติร์ดเบา ๆ” เซนย่องเบามาจากข้างหลังก่อนจะเอามือปิดปากเพื่อนหนุ่มเอาไว้แน่น เพื่อไม่ให้ส่งเสียงดังเล็ดลอดออกมา เซนพาตัวเติร์ดไปหลบที่หลังต้นไม้ใหญ่ เนื่องจากเรื่องอันตรายกำลังจะมาถึงตัวพวกเขาในไม่ช้า
“ทำเหี้ยอะไรของมึงวะกูตกใจหมด”
“ดูนั่น!” เซนพูดพร้อมส่งสายตาเพื่อไขข้อกระจ่างให้กับเติร์ด เนื่องจากมีชายสูงวัยคนหนึ่งกำลังถูกชายฉกรรจ์หลายคนทำการทารุณอย่างหนัก
“เชี่ย! นี่มัน...” เติร์ดหยุดคำพูดที่ยากจะเอื้อนเอ่ย เขาหยิบโทรศัพท์มือถือมาบันทึกวิดีโอเอาไว้ “ไม่ค่อยชัดเลยว่ะ” เติร์ดพูดพร้อมหาจังหวะย่องไปใกล้ ๆ เพื่อความชัดเจนของภาพเคลื่อนไหว โดยที่เซนก็ไม่ได้ห้ามเพียงแต่ทำตัวเงียบ ๆ มองดูชายสูงวัยคนนั้นถูกกระทำป่าเถื่อนจนมีบาดแผลเหวอะหวะผ่านกล้องมือถือ
พรึ่บ
โทรศัพท์มือถือจากมือของเติร์ดร่วงลงพื้นทันทีที่เขาเห็นใบหน้าของชายสูงวัยชัดเจนขึ้น
“ตา...” เขาตกใจจนแทบจะพุ่งตัวเข้าไปดวลกับกลุ่มพวกนั้น แต่ก็ถูกคนมือไวอย่างเซนกระชากตัวเอาไว้ได้ก่อน
“มึงจะไปไหน”
“กูจะไปช่วยตา”
“ไม่ได้มันอันตราย”
“ไอ้เหี้ยเซนปล่อยกู!” ทั้งสองคนต่างยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่สักพักใหญ่ ๆ เซนใช้มือปิดปากเติร์ดเอาไว้ไม่ให้ส่งเสียงดัง
“ไอ้เติร์ดมีสติหน่อย”
“อื้อ~”
ด้วยความที่เซนเป็นเด็กฝึกขององค์กรตั้งแต่เด็ก เขาย่อมได้ฝึกทักษะในด้านต่าง ๆ มาเป็นอย่างดี ทำให้เขาได้เปรียบเติร์ด เซนหยิบมือถือที่ร่วงลงพื้นก่อนหน้าขึ้นมาบันทึกวิดีโอต่อ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่คนเป็นตาของเติร์ดโดนซ้อมจนหมดสติไป
“ไอ้แก่อยู่ดีไม่ว่าดี สังขารจะลงโล่งอยู่แล้วยังไม่เจียมกะลาหัวอีก ไม่กลัวข่าวลือเลยนะมึง”
“ค้นดูสิว่ามีอะไรเอาผิดเราได้หรือเปล่า”
“ไม่มีครับพี่ สงสัยจะเป็นพวกที่มาเก็บของป่า”
“แต่ถึงยังไงมันก็รู้ความลับของพวกเราแล้ว เก็บมันไว้ไม่ได้”
“แล้วจะเอายังไงต่อกับมันดี”
“ทำให้มันเป็นศพ แล้วเอาไปฝังลงดินให้เรียบร้อย”
บทสนทนาของชายกลุ่มนั้นทำให้เติร์ดแทบระเบิดเสียงร้องออกมา น้ำตาของลูกผู้ชายไหลพรากออกมาไม่ขาดสาย มีเพียงแค่เซนที่ยังใจแข็งราวกับว่าภาพเหตุการณ์ตรงหน้าเป็นเรื่องปกติที่เขาพบเจอจนเคยชิน
เซนกดบันทึกวิดีโอเป็นหลักฐาน ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกงของตัวเองส่งข้อความหาน้องชาย จากนั้นเขาจึงพาเติร์ดออกมาจากที่ป่าแห่งนั้นเงียบ ๆ
“มึงแม่งโคตรเหี้ย!” เติร์ดต่อว่าเซนเสียงสั่น หลังจากที่เซนพาเขามาส่งที่บ้าน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เติร์ดเสียใจเป็นอย่างมาก เขาช่วยอะไรคนเป็นตาไม่ได้เลย
“เออ... กูยอมรับ”
“มึงจะไปไหนก็ไป กูไม่มีเพื่อนเห็นแก่ตัวแบบมึง”
“กูผิดขนาดนั้นเลยเหรอ”
“มึงผิดที่ห้ามกู!”
“มึงคิดว่ามึงออกไปแล้วมึงจะสู้พวกมันได้เหรอ พวกมันมีกันเป็นสิบ มึงคิดว่ามึงเป็นใครไอ้เติร์ด กูผิดมากเหรอที่กูกลัวมึงตาย”
“ลองให้เรื่องนี้มันเกิดกับพ่อกับแม่มึงดูไหม กูก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนอย่างมึงจะอยู่เฉยได้หรือเปล่า ถ้ามึงแม่งไม่ทำเหี้ยอะไรเลย มึงแม่งก็ไม่ใช่คนแล้วว่ะ”
“โอเค กูเข้าใจแล้ว งั้นกูก็ขอโทษด้วย กูผิดเองที่กลัวมึงตาย”
“มีเรื่องอะไรกันเสียงดังไปจนถึงในบ้าน” มะปรางที่เพิ่งเดินออกมาจากบ้านของเติร์ดตะโกนถาม เธอมาดูแลอาหารการกินให้กับยายของเติร์ดตั้งแต่ช่วงค่ำ เห็นว่าเติร์ดยังไม่กลับมาเธอจึงอยู่เป็นเพื่อนยายจนดึกดื่น และเมื่อได้ยินเสียงเหมือนมีคนทะเลาะกันอยู่นอกบ้าน เธอจึงออกมาดู “เซน...”
“ฝากดูแลมันต่อด้วยนะครับพี่ปราง ผมขอตัวก่อน” มะปรางพยักหน้ารับด้วยความไม่เข้าใจนัก ก่อนที่จะเดินไปหาเติร์ดเพื่อเค้นเอาคำตอบ
“มีเรื่องอะไรกัน แล้วตาอยู่ไหนไม่ได้กลับมาด้วยกันเหรอ”
“พี่ปราง ฮือ ๆ”
“เป็นอะไรวะไอ้เติร์ด ร้องไห้ทำไม” มะปรางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงพร้อมเดินเข้าไปสวมกอดน้องชายที่กำลังร้องไห้เป็นเด็ก ๆ แม้ว่าเติร์ดจะเกเรไปบ้างแต่เขาก็มีอารมณ์ที่อ่อนไหวง่ายเช่นกัน มะปรางรู้จักเติร์ดดี และเธอก็รู้วิธีปลอบน้องชายคนนี้ด้วย
“ตาไม่อยู่กับเราแล้วพี่ปราง”
“อะไรนะ!”
“ตาไม่อยู่กับเราแล้ว ฮือ ๆ”
เติร์ดเล่าทุกอย่างให้มะปรางฟังทั้งน้ำตา พร้อมเปิดคลิปที่เขาถ่ายมาให้เธอดู ภาพเหตุการณ์ที่เล่นอยู่ในมือถือบีบหัวใจสองพี่น้องต่างพ่อแม่คู่นี้เหลือเกิน
“เราจะเอายังไงต่อดีว่ะพี่ ยายจะรู้สึกยังไง ผมเป็นห่วงความรู้สึกของยาย”
“ไอ้พวกสารเลว! อยู่ไปก็รกแผ่นดินจริง ๆ เลยไอ้พวกเหี้ย!” มะปรางสบถพูดออกมาด้วยความโกรธจัด น้ำตาของผู้หญิงที่ใจแข็งยิ่งกว่าหินมันหลั่งไหลออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ “แกเก็บคลิปนี้เอาไว้ให้ดี สำรองไว้หลาย ๆ ที่ยิ่งดี ภาพชัดขนาดนี้พวกมันดิ้นไม่หลุดแน่”
“...” เติร์ดมองหน้ามะปรางนิ่ง ๆ เขามืดแปดด้านไปหมด ถ้าหากวันนี้ไม่มีมะปรางอยู่ด้วย เขาก็ไม่รู้ว่าเลยว่าควรจะทำยังไงต่อ
“คุกคงเอาพวกมันไว้ไม่อยู่แล้ว นรกเท่านั้นถึงจะสาสมกับพวกมัน”