ด้วยสายตาที่เฉียบแหลมเพราะทำงานบริการมายี่สิบกว่าปี เจอลูกค้ามากหน้าหลายนิสัย ทำให้หลงจู๊เข้าใจความหมายข่มขู่กลาย ๆ ของอีกฝ่ายทันที และเพราะบุคลิกลักษณะที่ดูสูงส่งเกินอาจเอื้อมของบุรุษผู้นี้ ทำให้เขาไม่กล้าโต้แย้ง
“ท่านชายได้โปรดรอสักครู่ ข้าจะรีบจัดการให้เดี๋ยวนี้”
หลงจู๊รับคำแล้วเดินกลับไปที่หลังร้านอีกครั้ง ไปถึงครัวโดยไม่ให้ซุ่มเสียงใด ๆ และความเงียบของเขาก็ทำให้เขาได้เห็นกับตาว่าเกิดอะไรขึ้น
“แบบนี้นี่เอง”
“หลงจู๊!” เสี่ยวหมานตกใจ รีบลุกจากเก้าอี้แล้วผลักหญิงสาวที่กำลังถือตะหลิวอยู่หน้ากระทะจนเซไปอีกเตา
“โอ๊ย!”
“ซูวี่!” อาเกอรีบจับมือหญิงสาวที่นาบโดนกระทะร้อน ๆ ไปแช่ในถังน้ำเย็น
“เป็นอย่างไรบ้าง” หลงจู๊รีบเดินเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรมากเจ้าค่ะ” เธอรู้สึกปวดแสบปวดร้อนแต่ก็ไม่ได้มากมายเพราะชักมือออกได้ทันท่วงที
“ไม่เป็นได้อย่างไร ดูสิ มือเจ้าแดงเลย” อาเล้งจับมือของหญิงสาวแล้วเอายาที่พกติดตัวเอาไว้ตลอดทาลงบนฝ่ามือให้นาง
“ขอบใจนะอาเล้ง”
หลงจู๊มองหญิงสาวและเพื่อนร่วมงานอีกสองคนที่ท่าทางเข้ากันได้ดี แล้วมองไปที่หัวหน้าพ่อครัวที่ดูไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย
“ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว แต่เจ้าช่วยตอบคำถามข้าอีกรอบสิเสี่ยวหมาน”
“ข้าไม่ผิดนะขอรับหลงจู๊ นางวุ่นวายไม่เข้าเรื่องเองที่มาเสนอหน้ายืนในที่ของข้า”
“อย่างนั้นเหรอ” หลงจู๊หันไปทางหญิงสาว มองอาการเม้มปากแน่นเหมือนอดกลั้นของนางก็พอจะเดาออก “ซูวี่ มือเจ้าพอทนเจ็บได้ไหม”
“ทำไมเหรอเจ้าคะ” หญิงสาวถามกลับด้วยความสงสัย
“ข้าหิวข้าวมาก ช่วยทำอะไรก็ได้ให้ข้าหนึ่งจาน และอีกจานขอเป็นผัดผักบุ้งจะได้ไหม”
“ข้าทำให้ก็ได้ขอรับหลงจู๊” เสี่ยวหมานรีบอาสา
“ข้ากินเองไม่ต้องให้ถึงมือเจ้าหรอก ฝีมืออย่างเจ้าเก็บเอาไว้ให้ลูกค้าของร้านกินดีกว่า” ตอบหัวหน้าพ่อครัวแล้วเลิกคิ้วขอคำตอบจากหญิงสาว “พอจะทำได้ไหม ถ้าไม่ไหวก็ไม่เป็นไรนะ”
“ทำได้เจ้าค่ะ” เธอทำงานอยู่กับครัว เจ็บแค่นี้ถือว่าเล็กน้อยมาก “หลงจู๊นั่งรอสักครู่นะเจ้าคะ” บอกกับเขาแล้วหาผ้าสะอาดผืนหนึ่งมาพันฝ่ามือที่ปวดแสบปวดร้อน เพื่อสะดวกในการจับกระทะ
หลงจู๊มองท่าทางคล่องแคล่วว่องไวของหญิงสาวตั้งแต่เตรียมของสดจนถึงผัดลงกระทะ และยิ่งรู้สึกชื่นชมเมื่อได้กลิ่นอาหารที่โชยขึ้นมา
“เสร็จแล้วเจ้าค่ะ”
“หน้าตาน่ากินมาก กลิ่นก็หอมเตะจมูกดี พอจะบอกได้ไหมว่าจานนี้คืออะไร” เขาเห็นนางหยิบปีกไก่มาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ผสมเกลือกับน้ำให้ละลายแล้วเอาไก่ลงไปหมักทิ้งไว้ สักพักก็เอาไก่มาสะเด็ดน้ำแล้วทอดในน้ำมันจนเหลืองกรอบ
“ไก่ทอดเกลือเจ้าค่ะ วันนี้ข้าทำอาหารแบบง่าย ๆ ให้ท่านกินก่อนเพราะเห็นบ่นว่าหิว ถ้าคราวหน้ามีโอกาสข้าจะทำซุปไก่ให้ท่านได้ลอง”
“ดี ดีมาก”
“ข้าตักข้าวสวยให้เจ้าค่ะ”
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวข้าจะกลับมาใหม่” เขาต้องกลับมาให้นางทำอาหารสองจานนี้ให้กินให้ได้ อยากรู้นักว่ารสชาติจะออกมาดีเหมือนกลิ่นและหน้าตาหรือไม่ “อาเว่ย ยกอาหารสองจานนี้ตามข้ามา”
“หลงจู๊จะเอาอาหารของเจ้าไปกินที่ไหน” อาเกอถามหญิงสาวด้วยความสงสัยใคร่รู้
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“เหมือนหลงจู๊กำลังทดสอบฝีมือของเจ้าอยู่นะ ไม่แน่ ถ้าอาหารสองจานนั้นถูกปากเขาขึ้นมา เจ้าอาจจะได้เลื่อนขั้นมาเป็นแม่ครัวก็ได้” อาหลงสรุปตามที่คิด
“ไร้สาระกันไปใหญ่แล้ว รีบทำงานกันสักที อยากโดนลูกค้าด่าหรือไง” เสี่ยวหมานโวยวายไม่พอใจเมื่อได้ยินดังนั้น เขาชำเลืองมองหญิงสาวด้วยสายตาเกลียดชัง “ไสหัวไปให้พ้น ๆ เลย เห็นแล้วรำคาญตานัก.. ทำไม อยากมีเรื่องกับข้าเหรอ ระวังจะตกงานนะ” เขาตะคอกใส่เมื่อเห็นนางเอาแต่จ้องหน้า สายตาไม่พอใจ
สุวิมลมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเกลียดชังไม่ต่างกัน “ไม่ต้องขู่ข้าหรอก ข้าไปแน่ แต่ถ้าข้าไปข้าก็ต้องเอาลี่ชุนไปด้วย ข้าไม่ให้นางทนทำงานกับคนใจแคบอย่างเจ้าหรอก” พูดจบก็หมุนตัวเดินออกไป
“ซูวี่!”
“พี่เสี่ยวหมานรีบทำอาหารเถอะ ลูกค้ามาเพิ่มอีกหลายโต๊ะเลย” อาเกอรีบเรียกหัวหน้าพ่อครัวที่กำลังเดินตามหญิงสาวออกไป
“เร็วเข้าเถอะพี่เสี่ยวหมาน เดี๋ยวหลงจู๊ก็กลับมาเอาเรื่องอีกหรอก” อาหลงช่วยอาเกอพูดอีกคน เพราะไม่อยากให้เขาตามไปหาเรื่องซูวี่ที่แสนมีน้ำใจ
“ไก่ทอดเกลือ..” องค์รัชทายาทมองอาหารสีเหลืองทองดูน่ากินในจาน “เจ้าเอามาเพื่อไถ่โทษรึ” ถามเสียงสูง หน้าตามีความสงสัย
“อย่าได้คิดเช่นนั้นท่านชาย ข้าอยากให้ท่านลองชิมผัดผักบุ้งจานนี้ดูก่อน ใช่รสชาติอย่างที่ท่านชายต้องการหรือไม่ ส่วนจานนี้ข้าแค่อยากให้ท่านได้ลองชิมเพื่อติชม เพราะเป็นอาหารจานใหม่ของทางร้านเราขอรับ”
รัชทายาทรับตะเกียบที่หลงจู๊ยื่นให้ คีบผัดผักบุ้งมาดมเอากลิ่นแล้วค่อยใส่ปาก
“อื้อ..” ส่งเสียงในลำคอด้วยความพึงพอใจ เคี้ยวผักบุ้งที่กรุบกรอบอย่างละเมียดละไมเพื่อซึมซับรสชาติที่ถูกใจ “รสชาตินี้แหละที่ข้าต้องการ สรุปใครเป็นคนทำกันแน่”
หลงจู๊วัยสี่สิบต้น ๆ ละอายแก่ใจจนยากที่จะเอ่ยออกมา และยังโมโหเสี่ยวหมานที่กล้าโกหกเขา
“คงไม่ใช่หัวหน้าพ่อครัวอย่างที่พูดสินะ” บุรุษรูปงามเอ่ยอย่างรู้ทันความคิดของอีกฝ่าย หยิบไก่ทอดเกลือชิ้นหนึ่งมาลองกิน.. เพียงแค่เริ่มเคี้ยวเท่านั้นเขาก็ต้องเลิกคิ้วขึ้น “จานนี้ก็อร่อย เนื้อไก่รสชาติเค็มกำลังดีกรอบนอกนุ่มในถูกใจข้ามาก ใช่คนเดียวกับที่ทำผัดผักบุ้งหรือไม่”
“ใช่ขอรับท่านชาย”
“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าเสียเวลาเลย รีบตามคนผู้นั้นมาพบข้าทีเถอะ”
“ขอรับ” หลงจู๊รับคำแล้วหันไปกวักมือเรียกเสี่ยวเอ้อร์ที่อยู่ใกล้ตัวมากที่สุด “ไปตามซูวี่มา”
“ซูวี่” ชื่อที่ได้ยินฟังดูแปลกหูแต่ก็เรียกร้องความสนใจอย่างบอกไม่ถูก “ชื่อนี้ไม่คุ้นหูเลย แปลว่าอะไรเหรอหลงจู๊”
“เอ่อ.. ข้าก็ไม่รู้ขอรับท่านชาย ลองถามกับนางเองจะดีกว่า” หลงจู๊ผู้ปราดเปรื่องจนปัญญา ตอนที่ลี่ชุนพานางมาของานทำเขาก็ยังงงกับชื่อของนางเหมือนกัน แต่ก็ไม่เคยคิดจะถาม