3

1218 Words
ด้วยสายตาที่เฉียบแหลมเพราะทำงานบริการมายี่สิบกว่าปี เจอลูกค้ามากหน้าหลายนิสัย ทำให้หลงจู๊เข้าใจความหมายข่มขู่กลาย ๆ ของอีกฝ่ายทันที และเพราะบุคลิกลักษณะที่ดูสูงส่งเกินอาจเอื้อมของบุรุษผู้นี้ ทำให้เขาไม่กล้าโต้แย้ง “ท่านชายได้โปรดรอสักครู่ ข้าจะรีบจัดการให้เดี๋ยวนี้” หลงจู๊รับคำแล้วเดินกลับไปที่หลังร้านอีกครั้ง ไปถึงครัวโดยไม่ให้ซุ่มเสียงใด ๆ และความเงียบของเขาก็ทำให้เขาได้เห็นกับตาว่าเกิดอะไรขึ้น “แบบนี้นี่เอง” “หลงจู๊!” เสี่ยวหมานตกใจ รีบลุกจากเก้าอี้แล้วผลักหญิงสาวที่กำลังถือตะหลิวอยู่หน้ากระทะจนเซไปอีกเตา “โอ๊ย!” “ซูวี่!” อาเกอรีบจับมือหญิงสาวที่นาบโดนกระทะร้อน ๆ ไปแช่ในถังน้ำเย็น “เป็นอย่างไรบ้าง” หลงจู๊รีบเดินเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง “ไม่เป็นไรมากเจ้าค่ะ” เธอรู้สึกปวดแสบปวดร้อนแต่ก็ไม่ได้มากมายเพราะชักมือออกได้ทันท่วงที “ไม่เป็นได้อย่างไร ดูสิ มือเจ้าแดงเลย” อาเล้งจับมือของหญิงสาวแล้วเอายาที่พกติดตัวเอาไว้ตลอดทาลงบนฝ่ามือให้นาง “ขอบใจนะอาเล้ง” หลงจู๊มองหญิงสาวและเพื่อนร่วมงานอีกสองคนที่ท่าทางเข้ากันได้ดี แล้วมองไปที่หัวหน้าพ่อครัวที่ดูไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย “ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว แต่เจ้าช่วยตอบคำถามข้าอีกรอบสิเสี่ยวหมาน” “ข้าไม่ผิดนะขอรับหลงจู๊ นางวุ่นวายไม่เข้าเรื่องเองที่มาเสนอหน้ายืนในที่ของข้า” “อย่างนั้นเหรอ” หลงจู๊หันไปทางหญิงสาว มองอาการเม้มปากแน่นเหมือนอดกลั้นของนางก็พอจะเดาออก “ซูวี่ มือเจ้าพอทนเจ็บได้ไหม” “ทำไมเหรอเจ้าคะ” หญิงสาวถามกลับด้วยความสงสัย “ข้าหิวข้าวมาก ช่วยทำอะไรก็ได้ให้ข้าหนึ่งจาน และอีกจานขอเป็นผัดผักบุ้งจะได้ไหม” “ข้าทำให้ก็ได้ขอรับหลงจู๊” เสี่ยวหมานรีบอาสา “ข้ากินเองไม่ต้องให้ถึงมือเจ้าหรอก ฝีมืออย่างเจ้าเก็บเอาไว้ให้ลูกค้าของร้านกินดีกว่า” ตอบหัวหน้าพ่อครัวแล้วเลิกคิ้วขอคำตอบจากหญิงสาว “พอจะทำได้ไหม ถ้าไม่ไหวก็ไม่เป็นไรนะ” “ทำได้เจ้าค่ะ” เธอทำงานอยู่กับครัว เจ็บแค่นี้ถือว่าเล็กน้อยมาก “หลงจู๊นั่งรอสักครู่นะเจ้าคะ” บอกกับเขาแล้วหาผ้าสะอาดผืนหนึ่งมาพันฝ่ามือที่ปวดแสบปวดร้อน เพื่อสะดวกในการจับกระทะ หลงจู๊มองท่าทางคล่องแคล่วว่องไวของหญิงสาวตั้งแต่เตรียมของสดจนถึงผัดลงกระทะ และยิ่งรู้สึกชื่นชมเมื่อได้กลิ่นอาหารที่โชยขึ้นมา “เสร็จแล้วเจ้าค่ะ” “หน้าตาน่ากินมาก กลิ่นก็หอมเตะจมูกดี พอจะบอกได้ไหมว่าจานนี้คืออะไร” เขาเห็นนางหยิบปีกไก่มาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ผสมเกลือกับน้ำให้ละลายแล้วเอาไก่ลงไปหมักทิ้งไว้ สักพักก็เอาไก่มาสะเด็ดน้ำแล้วทอดในน้ำมันจนเหลืองกรอบ “ไก่ทอดเกลือเจ้าค่ะ วันนี้ข้าทำอาหารแบบง่าย ๆ ให้ท่านกินก่อนเพราะเห็นบ่นว่าหิว ถ้าคราวหน้ามีโอกาสข้าจะทำซุปไก่ให้ท่านได้ลอง” “ดี ดีมาก” “ข้าตักข้าวสวยให้เจ้าค่ะ” “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวข้าจะกลับมาใหม่” เขาต้องกลับมาให้นางทำอาหารสองจานนี้ให้กินให้ได้ อยากรู้นักว่ารสชาติจะออกมาดีเหมือนกลิ่นและหน้าตาหรือไม่ “อาเว่ย ยกอาหารสองจานนี้ตามข้ามา” “หลงจู๊จะเอาอาหารของเจ้าไปกินที่ไหน” อาเกอถามหญิงสาวด้วยความสงสัยใคร่รู้ “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” “เหมือนหลงจู๊กำลังทดสอบฝีมือของเจ้าอยู่นะ ไม่แน่ ถ้าอาหารสองจานนั้นถูกปากเขาขึ้นมา เจ้าอาจจะได้เลื่อนขั้นมาเป็นแม่ครัวก็ได้” อาหลงสรุปตามที่คิด “ไร้สาระกันไปใหญ่แล้ว รีบทำงานกันสักที อยากโดนลูกค้าด่าหรือไง” เสี่ยวหมานโวยวายไม่พอใจเมื่อได้ยินดังนั้น เขาชำเลืองมองหญิงสาวด้วยสายตาเกลียดชัง “ไสหัวไปให้พ้น ๆ เลย เห็นแล้วรำคาญตานัก.. ทำไม อยากมีเรื่องกับข้าเหรอ ระวังจะตกงานนะ” เขาตะคอกใส่เมื่อเห็นนางเอาแต่จ้องหน้า สายตาไม่พอใจ สุวิมลมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเกลียดชังไม่ต่างกัน “ไม่ต้องขู่ข้าหรอก ข้าไปแน่ แต่ถ้าข้าไปข้าก็ต้องเอาลี่ชุนไปด้วย ข้าไม่ให้นางทนทำงานกับคนใจแคบอย่างเจ้าหรอก” พูดจบก็หมุนตัวเดินออกไป “ซูวี่!” “พี่เสี่ยวหมานรีบทำอาหารเถอะ ลูกค้ามาเพิ่มอีกหลายโต๊ะเลย” อาเกอรีบเรียกหัวหน้าพ่อครัวที่กำลังเดินตามหญิงสาวออกไป “เร็วเข้าเถอะพี่เสี่ยวหมาน เดี๋ยวหลงจู๊ก็กลับมาเอาเรื่องอีกหรอก” อาหลงช่วยอาเกอพูดอีกคน เพราะไม่อยากให้เขาตามไปหาเรื่องซูวี่ที่แสนมีน้ำใจ “ไก่ทอดเกลือ..” องค์รัชทายาทมองอาหารสีเหลืองทองดูน่ากินในจาน “เจ้าเอามาเพื่อไถ่โทษรึ” ถามเสียงสูง หน้าตามีความสงสัย “อย่าได้คิดเช่นนั้นท่านชาย ข้าอยากให้ท่านลองชิมผัดผักบุ้งจานนี้ดูก่อน ใช่รสชาติอย่างที่ท่านชายต้องการหรือไม่ ส่วนจานนี้ข้าแค่อยากให้ท่านได้ลองชิมเพื่อติชม เพราะเป็นอาหารจานใหม่ของทางร้านเราขอรับ” รัชทายาทรับตะเกียบที่หลงจู๊ยื่นให้ คีบผัดผักบุ้งมาดมเอากลิ่นแล้วค่อยใส่ปาก “อื้อ..” ส่งเสียงในลำคอด้วยความพึงพอใจ เคี้ยวผักบุ้งที่กรุบกรอบอย่างละเมียดละไมเพื่อซึมซับรสชาติที่ถูกใจ “รสชาตินี้แหละที่ข้าต้องการ สรุปใครเป็นคนทำกันแน่” หลงจู๊วัยสี่สิบต้น ๆ ละอายแก่ใจจนยากที่จะเอ่ยออกมา และยังโมโหเสี่ยวหมานที่กล้าโกหกเขา “คงไม่ใช่หัวหน้าพ่อครัวอย่างที่พูดสินะ” บุรุษรูปงามเอ่ยอย่างรู้ทันความคิดของอีกฝ่าย หยิบไก่ทอดเกลือชิ้นหนึ่งมาลองกิน.. เพียงแค่เริ่มเคี้ยวเท่านั้นเขาก็ต้องเลิกคิ้วขึ้น “จานนี้ก็อร่อย เนื้อไก่รสชาติเค็มกำลังดีกรอบนอกนุ่มในถูกใจข้ามาก ใช่คนเดียวกับที่ทำผัดผักบุ้งหรือไม่” “ใช่ขอรับท่านชาย” “ถ้าอย่างนั้นก็อย่าเสียเวลาเลย รีบตามคนผู้นั้นมาพบข้าทีเถอะ” “ขอรับ” หลงจู๊รับคำแล้วหันไปกวักมือเรียกเสี่ยวเอ้อร์ที่อยู่ใกล้ตัวมากที่สุด “ไปตามซูวี่มา” “ซูวี่” ชื่อที่ได้ยินฟังดูแปลกหูแต่ก็เรียกร้องความสนใจอย่างบอกไม่ถูก “ชื่อนี้ไม่คุ้นหูเลย แปลว่าอะไรเหรอหลงจู๊” “เอ่อ.. ข้าก็ไม่รู้ขอรับท่านชาย ลองถามกับนางเองจะดีกว่า” หลงจู๊ผู้ปราดเปรื่องจนปัญญา ตอนที่ลี่ชุนพานางมาของานทำเขาก็ยังงงกับชื่อของนางเหมือนกัน แต่ก็ไม่เคยคิดจะถาม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD