9

1270 Words
ณ ด้านหนึ่งของคฤหาสน์ชิวเทียนในยามวิกาล “ข้าไม่เข้าใจองค์รัชทายาทเลย ทำไมต้องทำถึงขนาดนั้น” “มันเป็นความต้องการของพระองค์ เราก็แค่ทำตาม” “แต่มันไม่ถูกต้องนะจี้เฟิง” “แล้วมันผิดตรงไหนล่ะอวี่กง” องครักษ์มาดเข้มถามเพื่อนที่โตมาด้วยกัน “เจ้าเข้าข้างองค์รัชทายาทเกินไปแล้วนะจี้เฟิง” ขันทีหนุ่มแสดงความหงุดหงิด “หรือจะให้ข้าเข้าข้างเจ้าล่ะ ข้าไม่โง่หรอกนะ” จี้เฟิงโต้เสียงเรียบ มุมปากแสยะยิ้มพร้อมกับสายตายียวนแบบที่คนอื่น ๆ ไม่มีโอกาสได้เห็น “ใช่สิ ข้ามันไม่สำคัญพอเท่าองค์รัชทายาทหรอก” “หึ” องครักษ์มาดเข้มอมยิ้มละมุน “ความสำคัญต้องไล่ตามลำดับสิ แต่ถ้าให้เลือกระหว่างเจ้ากับแม่นางผู้นั้น.. ข้าก็คงเลือกนางก่อนเจ้าอยู่ดี” อาการอมยิ้มพิมพ์ใจขององครักษ์หนุ่มทำให้ขันทีหน้ามนไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ “เจ้าเป็นเพื่อนข้านะจี้เฟิง เห็นนางสำคัญกว่าข้าได้อย่างไร” “เพราะเป็นเพื่อนไงถึงได้รู้ว่าเพื่อนข้าพอมีวิชาติดตัว ข้าถึงเลือกช่วยนาง” “อย่างนั้นเหรอ ข้านึกว่าเลือกเพราะความงามของนางเสียอีก” “เจ้าพูดมาก็ถูกอีก” “เพื่อนทรยศ!” อวี่กงต่อว่าเพื่อนที่ยิ้มบาง ๆ “ข้าไม่คุยกับเจ้าแล้ว เชิญคิดถึงนางได้ตามสบาย” “ให้ข้าเดินไปส่งไหม” ถามคนที่เดินหน้ามุ่ยจากไป “ข้าพอมีวิชาติดตัว เอาตัวรอดได้สบาย ไม่ต้องมาห่วงใยข้าหรอก” องครักษ์หนุ่มยิ้มกว้างขึ้นอีกนิดกับคำพูดเหน็บแนมของเพื่อนสนิท ที่เดินหน้าเชิดจากไปเยี่ยงสตรีขี้งอนก็ไม่ปาน มองส่งเขาด้วยสายตาจนอีกฝ่ายหายไปจึงกลับเข้าห้องนอน สองวันต่อมา “ตามจี้เฟิงให้ข้าที” ต้าเสินบอกกับขันทีคนสนิททันทีที่มาถึง “ตอนนี้เลยเหรอพ่ะย่ะค่ะ” “อือ” “พ่ะย่ะค่ะ” เขาอยากจะถามว่าเรื่องอะไร แต่เห็นสีหน้าไม่สู้ดีขององค์รัชทายาทก็ได้แต่รับคำและรีบทำตามคำสั่ง.. สักพักใหญ่ก็กลับมาพร้อมกับจี้เฟิง “ท่านชาย” จี้เฟิงโค้งกายพร้อมกล่าวทักทาย “กินข้าวหรือยัง” “กินแล้วขอรับ” “อย่างนั้นรีบไปทำธุระที่วังหลวงให้ข้าหน่อย” “รับสั่งมาได้เลยท่านชาย” “เอาจดหมายฉบับนี้ไปให้หมอหลวง แล้วรับคนกับยากลับมาด้วยให้เร็วที่สุด” “อย่าบอกนะว่าจะพามารักษานาง” อวี่กงขัดขึ้นมา “อือ” “องค์รัชทายาท” “ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอยู่นอกวังห้ามเรียกข้าแบบนี้” ต้าเสินกล่าวกับคนสนิทพร้อมมองตำหนิอย่างเอาเรื่อง “ก็ที่นี่ไม่มีใครอื่นเลยนี่” อวี่กงตอบเสียงเบาหวิวคล้ายกับบ่นให้ตัวเอง “ถึงอย่างนั้นก็ห้ามเด็ดขาด เพราะถ้าคนอื่นได้ยินเข้าเจ้าจะแก้ตัวอย่างไร” เรื่องที่เขาคือองค์รัชทายาทแห่งอาณาจักรลั่วอานมีเพียงพ่อบ้านที่รู้ นอกนั้นก็รู้เพียงว่าเขาคือเครือญาติของอดีตพระมเหสีเท่านั้น “ข้าจะรีบไปรีบกลับนะขอรับท่านชาย” จี้เฟิงไม่อยากได้ยินองค์รัชทายาทตำหนิขันทีคนสนิท จึงรีบหาโอกาสบอกลาแล้วจากไปทันที ตกดึกคืนนั้น “อาการนางเป็นอย่างไรบ้าง” “องค์.. ท่านชาย” หมอหลวงหญิงแห่งวังหลวงรีบเปลี่ยนคำพูดเมื่อเห็นสายตาข่มขู่ของพระองค์ “ไม่มีอะไรร้ายแรงเจ้าค่ะ นางแค่เป็นไข้ ทำร่างกายให้อบอุ่นเข้าไว้ ดื่มยาให้ตรงเวลาเดี๋ยวก็หาย” “แต่ยาที่ให้มาก่อนหน้านี้ไม่เห็นได้ผล” “ยาที่ให้มาในตอนแรกรักษาได้ถูกต้องตามโรคแล้วเจ้าค่ะ” “ถ้าถูกต้องแล้วทำไมอาการของนางยังไม่ดีขึ้น” “อีกสองถึงสามวันอาการของนางก็จะค่อย ๆ ดีขึ้น ป่วยแบบนี้ต้องนอนให้มาก ๆ ถึงจะดี” “มียาที่ดีกว่านี้อีกไหม” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นอาการหลบสายตาของหมอหลวงหญิง “จัดยามาให้ข้า” “ไม่ได้เพ.. เจ้าค่ะท่านชาย” หมอหลวงหญิงรีบปฏิเสธ “ทำไม” “เพราะยาที่ดีกว่านี้มีเอาไว้สำหรับบุคคลสำคัญเท่านั้นเจ้าค่ะ” “จัดยามาให้ข้าเดี๋ยวนี้” เขากำชับน้ำเสียงเด็ดขาดเมื่อรู้ว่ายานั้นมีเอาไว้ให้พวกเขานั่นเอง “ท่านชายเจ้าคะ” “จิงเจ๋อร์!” “เจ้าค่ะ” หมอหลวงหญิงยอมจำนนต่อน้ำเสียงและแววตาเอาเรื่องของพระองค์ “เมื่อข้าน้อยกลับไปถึงแล้วจะรีบจัดยามาให้นะเจ้าคะ” “ข้าจะให้คนของข้าตามไปเอา รีบกลับไปจัดการให้เร็ว” “เจ้าค่ะ” หมอหลวงหญิงโค้งกายคารวะมหาบุรุษแล้วรีบเดินออกไปจากห้องนอนของคนป่วย สำนักหมอหลวง “จิงเจ๋อร์” “เจ้าค่ะใต้เท้า” หญิงสาวขานรับหัวหน้าหมอหลวงที่เรียกอยู่ด้านนอกห้องเก็บยา วางมือจากงานแล้วรีบเดินออกไป “มีอะไรเหรอเจ้าคะ” “แม่นางเถียนเถียนต้องการพบเจ้า” “พบข้า” คิ้วบางได้รูปย่นเข้าหากันเพราะนางกับนางในชั้นสูงผู้นั้นไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัวกันมาก่อน “นางบอกว่าอยากจะขอคำปรึกษาอาการป่วยจากเจ้า น่าจะเป็นอาการป่วยของสตรีนะ” หัวหน้าหมอหลวงสรุปตามที่คาดเดา “ลองไปคุยกับนางดูนะ นางรออยู่ที่ห้องโถง” “ได้เจ้าค่ะ” รับคำแล้วเดินไปทางห้องโถงที่เอาไว้รับรองผู้มาเยือนสำนักหมอหลวงแห่งนี้ “แม่นางเถียนเถียน” หมอหลวงหญิงกล่าวทักทายสตรีที่กำลังก้มหน้าเล่นสร้อยข้อมือของตัวเองอยู่ แม้จะไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวมาก่อน แต่ในวังหลวงแห่งนี้นางเป็นนางกำนัลชั้นสูงที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุด เพราะมีข่าวลือหนาหูว่านางถูกหมายตาให้เป็นพระคู่หมั้นขององค์รัชทายาท แต่ที่ลือหนักยิ่งกว่าการถูกเพ่งเล็งให้เป็นพระคู่หมั้น ก็คือนางถูกเมินอย่างไร้เยื่อใยจากองค์รัชทายาทผู้หยิ่งผยอง แม้แต่ฮ่องเต้ก็มิกล้าออกคำสั่งเด็ดขาดให้ขัดใจพระโอรสเพียงหนึ่งเดียว ทำได้เพียงส่งนางไปเป็นนางกำนัลที่ตำหนักองค์รัชทายาท เพื่อละลายน้ำแข็งในหัวใจของพระองค์ สตรีผู้งดงามปานล่มเมืองเงยหน้าจากสร้อยข้อมือ ลุกขึ้นพร้อมรอยยิ้มละมุน “คารวะหมอหญิงจิงเจ๋อ” หมอหญิงคำนับกลับ “ใต้เท้าวังบอกว่าแม่นางต้องการพบข้า” “อือ ข้ามีเรื่องอยากปรึกษากับเจ้า” เถียนเถียนมองไปรอบ ๆ “เป็นการส่วนตัวกว่านี้ได้หรือไม่” “ได้ เชิญทางนี้” จิงเจ๋อร์ผายมือแล้วเดินนำหน้าไปยังห้องที่ปกปิดมิดชิด “เชิญพูดมาได้เลย” เมื่ออยู่กันตามลำพังในที่มิดชิด รอยยิ้มเป็นมิตรของนางกำนัลชั้นสูงก็ค่อย ๆ หุบลง “หลายวันมานี้ข้าแวะมาหาเจ้า แต่ก็ไม่เคยเจอตัวเลย” คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อย “เจ้าอาจจะมาตอนที่ข้าไปตรวจอาการป่วยตามตำหนักต่าง ๆ กระมัง” “ตรวจแค่ในวังหลวงแห่งนี้เหรอ” คิ้วเรียวบางแต่ได้รูปขมวดเข้าหากัน ก่อนจะคลายออกและมองอีกฝ่ายยิ้ม ๆ “เจ้าอยากถามอะไรข้ากันแน่แม่นางเถียนเถียน” “ถ้าข้าถามไปแล้วเจ้าจะตอบตามความจริงไหม” “มันขึ้นอยู่กับคำถามของเจ้า ถ้าอยากรู้ก็ลองถามมาก่อน” “สามวันที่ผ่านมาเจ้าออกไปนอกวังหลวง ทางประตูทิศเหนือ เจ้าไปหาใครกัน” นางกำนัลชั้นสูงถามเสียงเรียบแต่แววตาคาดคั้นเอาคำตอบ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD