-เวลาต่อมา-
“แอล อยากไปญี่ปุ่นอ่ะไปกันไหม” ตอนนี้ฉันอยู่ที่คอนโดแอลฟ่าแล้วค่ะ เลิกเรียกก็นัดเจอกันที่นี่เลยเพราะฉันก็ขับรถไปเรียนเหมือนกัน กินข้าวเที่ยงอะไรเรียบร้อยก็มานั่งเล่นที่โซฟาส่วนแอลฟ่าก็นั่งเล่นเกมส์อยู่
“อืม ไปสิ” แอลฟ่าตอบรับง่าย ๆ ส่วนสายตาก็ยังจ้องที่จอทีวี ชิส์! สนใจเกมส์มาเป็นชั่วโมงแล้วนะอีตานี่
“อยากไปจริงรึเปล่าเนี่ย” ฉันกระเซ้าถามติดตลก แต่เอาจริง ๆ ในใจก็ไม่พอใจนิดหน่อยนะคะ เขาไม่หันมาสนใจฉันเลยนั่งเล่นเกมส์มาเป็นชาติแล้วมั้ง
“แป๊บ ๆ เดี๋ยวจบเกมส์แล้ว” แอลฟ่าก็ยังไม่ได้สนใจฉันเหมือนเคย เวลาอีตาหน้านิ่งเล่นเกมส์เขาจะใจจดใจจ่ออยู่ที่เกมส์มากไม่ว่าอะไรก็ไม่สนใจทั้งนั้น
“ชิส์ นายสนใจเกมส์มากกว่าฉันแบบนี้ตลอดเลยนะแอล” ฉันบ่นแล้วก็นั่งกดดูแฟชั่นในไอจีต่อ ตอนนี้กำลังมีแพลนจะทำเสื้อผ้าแบรนด์ตัวเองค่ะ อยู่แค่ปีหนึ่งก็จริงนะแต่ฉันพอมีทุนจากพ่อแม่ก็เลยอยากทำมัน มันเป็นความฝันอีกอย่างหนึ่งของฉันเลยตอนนี้ก็กำลังพยายามศึกษาอยู่
“ดูเสื้อผ้ารอก่อนสิ อยากได้ชุดไหนก็สั่งเดี๋ยวจ่ายให้” แอลฟ่าเอ่ยขึ้น เขาชอบทำแบบนี้ตลอดเลยค่ะ ไม่ใช่สิเขาทำแบบนี้ทุกครั้งต่างหาก
เวลาเขานั่งเล่นเกมส์โดยที่มีฉันนั่งเฝ้าเขาชอบบอกให้สั่งเสื้อผ้าสินค้าออนไลน์ได้ตามสบายฆ่าเวลารอ แล้วเขาก็จะไปจัดการจ่ายเงินให้เองทันทีหลังจากเล่นเกมส์เสร็จ แล้วก็ไม่ใช่ร้านกะโหลกกะลานะคะที่มิลานสั่ง ฉันสั่งแต่ร้านพรีออเดอร์สินค้าแบรนด์เนมทั้งนั้นล่ะ
“เสร็จแล้ว” หลังจากนั่งไปไม่ถึงสิบนาทีแอลฟ่าก็ละออกจากเกมส์แล้วหันหน้ามาหาฉันที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ ก่อนที่เขาจะขยับตัวมาใกล้แล้วเอามือมาโอบไหล่ฉันไว้
“ไหนดูซิ ได้อะไรบ้างแล้ว” เหอะ! ดูเขาทำนะคะ พอเล่นเกมส์จบก็จะอารมณ์ดี มีวิญญาณความอ้อนเข้ามาสิงนิดหน่อย ตอนนี้เขาเอาคางมาเกยไหล่ฉันไว้แล้วก็มองมาที่หน้าจอโทรศัพท์แต่ทำแบบนี้เขาไม่รู้รึไงว่ามันทั้งหวิวทั้งจั๊กจี้
“ขยับออกไปก่อน” ฉันเบี่ยงหน้าหลบนิดหน่อย ฉันไม่ชินสักทีเวลาเขาทำแบบนี้ เกิดมายังไม่เคยมีแฟนเลยพอมีก็เจอหล่อร้ายรุกเร็วแบบนี้ รุกแต่ละทีหัวใจฉันแทบหยุดเต้น
“หึ ๆๆ แบบนี้ดีจะตาย” แอลฟ่าปฏิเสธพร้อมกับโอบฉันแน่นขึ้นจมูกก็เริ่มเกลี่ยไล้ที่ต้นคอ ใจฉันด้านดีมีคุณธรรมมันก็เริ่มต่อต้านแล้ว เพิ่งสิบเก้ากันเองนะเว้ยทำแบบนี้ไม่เร็วไปเหรอ แต่ใจอีกด้านก็คอยค้านว่าไม่เป็นไรหรอก คนเป็นแฟนกันก็ต้องแสดงความรักกันบ้างแค่เล็ก ๆ น้อย ๆ เอง
“แอล อย่าแกล้งกันสิ” ฉันบอกแอลฟ่าเสียงสั่นเพราะตอนนี้มือเขาเริ่มลูบไล้ไปตามเอวฉัน แล้วจมูกก็เริ่มซนใหญ่แล้ว
“นิดเดียวน่า” แอลฟ่าบอกเสียงแผ่วแล้วก็ใช้จมูกไล้ไปตามแก้มของฉัน แต่ฉันที่ไม่ค่อยคุ้นเคยกับอะไรแบบนี้ไม่ได้มองว่ามันนิดเดียวเลยสักนิด
“นะ นายว่าอันนี้มัน อื้อ แอลพอ อื้อ~” ฉันพยายามหาชวนคุยเพื่อให้เขาหยุดด้วยการเอาโทรศัพท์ให้เขาดูกระเป๋า แต่พอหันไปหาก็เจอเขารุกหนักด้วยการจูบฉันทันที
แอลฟ่ากวาดลิ้นร้อนของเขาไล่วนกับลิ้นฉันด้วยความชำนาญ ฉันก็ได้แต่พยายามหลบหลีก แต่มิลานสู้ความชำนาญของแอลฟ่าไม่ได้ค่ะ สุดท้ายเลยต้องปล่อยให้เขาจูบจนพอใจ
ฉันไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่เขาจะพอใจเพราะตอนนี้เหมือนแอลฟ่าจะยิ่งเพิ่มความหนักหน่วงของการจูบมากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้น จนตอนนี้ฉันแทบจะไม่มีสติหลงเหลืออยู่แล้ว
“หวาน” แอลฟ่าผละออกจากการจูบแล้วก็กระซิบเสียงแผ่วบอกฉันจากนั้นก็จูบลงที่แก้ม ส่วนฉันน่ะเหรอคะ ไม่มีเรี่ยวแรงแล้วล่ะ จูบสูบวิญญาณของเขาเมื่อกี้ทำให้ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้ แอลฟ่าเลยรวบฉันไปกอดเอาไว้
“พอเลย ชอบทำแบบนี้ตลอด” ฉันบ่นอุบอิบ ทำให้เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ มันตลกตรงไหนไม่ทราบ
“ไหนมาดูซิ อยากไปญี่ปุ่นเหรอ” อยู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนเรื่องสะงั้น แต่นี่ก็เป็นนิสัยปกติของผู้ชายที่ชื่อแอลฟ่านั่นแหละ เขาไม่ชอบพูดอะไรเยอะแยะ นึกอยากคุยก็พูดขึ้น นึกอยากหยุดคุยก็เงียบลง
“พาไปจริงนะ”
“อื้ม ไปยุโรปก็ได้นะ” หืม~ แฟนป๋ามากเลย แต่ไม่เอาหรอกฉันอยากไปญี่ปุ่น ความฝันฉันคืออยากไปเที่ยวญี่ปุ่นกับแฟน อีกอย่างฉันชอบอาหารญี่ปุ่นด้วยจะไปกินให้พุงกางเลย อิอิ
“ไม่เอา อยากไปญี่ปุ่นมากกว่า” ฉันบอกแอลฟ่าแล้วก็กดโทรศัพท์เข้าเว็บที่มีคนรีวิวที่เที่ยวเอาไว้
“นี่ ๆ อยากไปตามที่เขารีวิวเอาไว้เลยอ่ะแอล มีแต่ที่น่าเที่ยว” ฉันเอาให้แอลฟ่าดู ซึ่งเขาก็เลื่อนดูแบบผ่าน ๆ ตาก็ผู้ชายนี่เนอะจะมาสนใจเรื่องแบบนี้อะไรมากมายแค่ตามใจจะพาไปก็น่ารักมากแล้ว
“นี่เธอกะจะไปครั้งเดียวเที่ยวทั่วประเทศรึไงวะ” แอลฟาเลื่อนดูโปรแกรมแล้วก็เหลือบตามามองฉันนิดหน่อย
“ก็เราคงจะนาน ๆ ได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยกันทีนี่ฉันก็อยากไปหลาย ๆ ที่” ฉันยิ้มอ้อนตอบเขาออกไป กลัวแอลฟ่าไม่ตามใจเลยพยายามอ้อนไว้ อ
“ไปบ่อยๆ ก็ได้น่า” แอลฟ่าบอกแล้วก็เอามือมาขยี้หัวฉันเบา ๆ แต่คนที่ได้ฟังแบบฉันนี่ตาโตจนเผลอกอดเขาเต็มแรง เวลาฉันดีใจกับอะไรมาก ๆ ฉันชอบกอดคนข้างๆ ค่ะ
“พูดจริงเหรอ ทำไมใจดีจังเลย” ฉันกอดเขาแน่นพร้อมถามไปด้วย
“ฉันรักเธอนะมิลค์” OoO! อยู่ ๆ เสียงทุ้มของเขาบอกออกมาเบา ๆ ทำให้ใจฉันเต้นระรัว ตั้งแต่คบกันมาสามเดือนกว่า ๆ เราไม่เคยบอกรักกันเลยสักครั้ง คือแค่คุยกันมาสักพักแล้วอยู่ดี ๆ ก็คบกันเป็นแฟนแบบงง ๆ ไม่มีคำว่ารักหลุดออกมาจากปากของฝ่ายใดเลย แต่ตอนนี้แอลฟ่ากลับเป็นคนพูดมันขึ้นมา
“เงียบทำไม” แอลฟ่าก้มลงมามองฉันที่อยู่ในอ้อมกอดเขาแล้วจูบที่หน้าผากฉันอีกครั้ง
“...เขิน” ฉันตอบเขาได้แค่นั้น ก็เขินจริง ๆ นี่คะ ตอนนี้ก็ซุกหน้าลงไปที่อกล่ำของเขาแทน ไม่กล้าสู้หน้าหรอกถึงจะเป็นแฟนกันแล้วก็เถอะ ฉันไร้เดียงสามากนะบอกตรง ๆ
“หึ ๆๆ แล้วเธอล่ะรักหรือไม่รักฉัน” อื้อ~ อีตานี่ทำไมวันนี้ถึงได้พูดมากแบบนี้วะ ปกติพูดน้อย ถามคำตอบคำ ไม่ค่อยถามอะไรใครก่อน แต่วันนี้มาถามฉันแบบนี้ซะงั้น
“วันนี้เป็นอะไรเนี่ย” ฉันเลี่ยงตอบคำถามของเขาแล้วเบี่ยงประเด็นแทน ไม่รู้สิมันก็รักนะไม่รักก็คงไม่คบหรอกแต่ยังไม่กล้าบอกออกมาตรง ๆ
“อย่าเปลี่ยนเรื่องสิวะ ว่าไง” แอลฟ่าไม่ยอมค่ะ เขายังจะเอาคำตอบให้ได้ ฉันเลยพยักหน้าตรงอกเขานั่นแหละ
“อื้อ”
“อื้ออะไร พูดมา” แอลฟ่ากระซิบเสียงแผ่วข้างหูฉัน ขนลุกไปทั้งตัวแล้วเนี่ย เท่านั้นยังไม่พอแอลฟ่ายังกดจมูกลงที่หลังใบหูฉันอีก
“อื้อ~ แอล! อย่าแกล้งกันสิ” ฉันผละออกจากเขาทันที มันใช่เรื่องเหรอมาจูบตรงนี้ นี่มันจุดยิวเลยนะ โดนตรงนี้มันควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้
“ก็เธอไม่ตอบ” แอลฟ่ายักคิ้วกวน ๆ มาให้ พร้อมกับดึงฉันกอดอีกครั้ง
“ว่าไง ตกลงรักหรือไม่รัก”
“อื้อ ก็ตอบไปแล้วไง” ฉันตอบไปเบา ๆ ด้วยความอาย อีตานี่จะมาบังคับให้พูดทำไมเนี่ยก็รู้อยู่ว่าฉันกำลังเขิน
“ตอบเป็นเสียงสิวะ” แอลฟ่าเริ่มไม่สบอารมณ์ คิ้วเขาเริ่มขมวดแต่ฉันไม่ค่อยถือสาหรอกค่ะ เขาเป็นผู้ชายดิบ ๆ ชอบพูดจาแบบนี้ปกติแหละ ถ้าพูดมีหางเสียงคะขาหรือครับบ่อย ๆ ฉันว่าอันนั้นผิดปกติแล้วล่ะ ขอแค่อย่ากูมึงกับฉันก็พอฉันรับไม่ได้
“นายจะบังคับกันทำไมเนี่ย” ฉันเริ่มหน้างอแล้ว แอลฟ่าไม่เคยบังคับหรือจี้ฉันแบบนี้มาก่อนเลยสักครั้ง พอเจอเขาบังคับแล้วยิ่งบังคับให้พูดความในใจออกมาฉันเลยเริ่มงอแง
“ตอบมาอย่าลีลา จะพูดหรือจะครางเลือกเอา”