“แต่ที่น้ำค้างได้ยินมาผู้ชายที่จะมีเมียได้ถึง 4 คนก็ต้องสามารถเลี้ยงดูพวกเธอเหล่านั้นให้สุขสบายถ้วนหน้ากันไม่ใช่หรือน้ำหนาว” น้ำค้างเอ่ยท้วงตามความรู้ที่ตนเองพอจะทราบมาบ้าง
“น้ำค้าง...ระดับเจ้าชายฮารีฟร์ถึงจะมีเมียเป็นสิบเป็นร้อยก็มีปัญญาเลี้ยงได้”
น้ำหนาวถอนหายใจยาวพร้อมกับเอ่ยตอบแฝดน้องแสนสวยที่ทำท่าว่าจะลืมความเป็นจริงเรื่องนี้ไป ฐานะร่ำรวยเป็นอภิมหาเศรษฐีติดอันดับหนึ่งในสิบอย่างเจ้าชายฮารีฟร์อย่าว่าเมียแค่ 4 คนเลยต่อให้ตั้งเป็นฮาเร็มมีเมียสักร้อยคนก็มีปัญญาเลี้ยงได้
“จริงสิ น้ำค้างลืมนึกไป เฮ้อ!...คิดแล้วกลุ้มปวดหัวตุบๆ ขึ้นมาอีกรอบแล้ว เราขอนอนพักให้หายเมาเครื่องก่อนได้หรือเปล่า เอาไว้ลงจากเครื่องบินเมื่อไหร่ค่อยคุยกันอีกที ตอนนี้น้ำค้างไม่ไหวจริงๆ”
น้ำค้างบ่นงึมงำตัดบทการสนทนากับแฝดพี่เมื่ออาการปวดหัวเริ่มเข้ามาเล่นงานอีกระลอกใหญ่ ยาแก้เมาที่กินเข้าไปถึงสองเม็ดไม่ได้ช่วยอะไรเลย อาการเมาเครื่องยังคงเล่นงานไม่ได้หยุดหย่อน หญิงสาวหลับตานิ่งเอนหน้าซบกับบ่าเนียนของพี่สาวโดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายอนุญาตยาดมยาหม่องที่ถืออยู่ในมือยังคงเอามาสูดดมให้หายวิงเวียน เธอเป็นโรคแพ้เครื่องบินอย่างหนักทันทีที่เท้าแตะพื้นเจ้านกยักษ์อาการปวดหัวเมาเครื่องก็เล่นงานโดยที่เครื่องบินไม่ทันได้ยกขอบล้อพ้นจากขอบรันเวย์ด้วยซ้ำไป
“นอนเถอะน้ำค้าง อย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลย เดี๋ยวอาการปวดหัวจะเล่นงานหนักกว่าเดิมอีก”
น้ำหนาวยกมือลูบแก้มซีดเซียวของน้องสาวด้วยความสงสารพลางจัดศีรษะกลมทุยให้เอนซบกับบ่าเธอด้วยท่าทางสบายๆ ดวงตาคู่สวยกลมโตลอบมองแฝดน้องเมื่อเห็นว่าหลับสนิทหายใจสม่ำเสมอจึงได้แอบบ่นพึมพำคนเดียวอีกครั้ง
“คงต้องทำงานในผับอีตาพอลเพิ่มขึ้นอีกหลายชั่วโมงจะได้มีเงินเก็บมากกว่าเดิม”
การมาศึกษาต่อที่อเมริกาใช่ว่าหญิงสาวกับน้องสาวฝาแฝดจะมาอยู่อย่างสุขสบายหรูหราเหมือนลูกคนรวยทั่วๆ ไป ถึงแม้ว่าพี่น้ำเหนือจะส่งเงินค่าเล่าเรียนค่าใช้จ่ายให้ในจำนวนที่เรียกว่ามากโข แต่เธอกับน้ำค้างก็พากันทำงานพิเศษเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของพี่สาวด้วย น้ำค้างทำงานเป็นเด็กเสริฟในร้านอาหารไทยที่ตั้งอยู่หัวมุมตึกใกล้ๆ กับอพาร์ทเม้นท์ที่พวกเธอพักอยู่ ส่วนตัวเธอเองก็ทำงานเป็นบาร์เทนดี้ในผับของอีตาพอลจอมแตะอั๋ง
“พี่น้ำเหนือทนหน่อยน่ะ น้ำหนาวกับน้ำค้างจะช่วยกันทำงานเก็บเงินมาซื้อบ้านซื้อทุกอย่างที่เป็นของพวกเรากลับคืนมา”
นาราภัทรพึมพำทั้งน้ำตาที่กำลังเอ่อคลอเกลือกกลิ้งรอบดวงตาคู่สวย อยากจะฝากถ้อยคำความคิดถึงไปกับสายลมที่พัดผ่านส่งไปถึงพี่สาวที่อยู่ไกลกันนับแสนไมล์คนละฟากฝั่งโลกให้ได้รับรู้ว่าน้องสาวทั้งสองนั้นรักและเป็นห่วงพี่สาวที่ต้องตกเป็นของเล่นของเจ้าชายฮารีฟร์ เจ้าชายแห่งทะเลทรายสีทองมากเพียงใด
หญิงสาวเอื้อมนิ้วเรียวยาวดุจลำเทียนแตะแผ่วเบาลงไปบนสร้อยคอทองคำขาวมีจี้เพชรน้ำงามรูปหยดน้ำพร้อมกับพึมพำออกมา
“ขอน้ำหนาวพักกายใจแค่เพียงค่ำคืนนี้เท่านั้นนะคะคุณพ่อ พี่น้ำเหนือ ทันทีที่ถึงบอสตันน้ำหนาวจะตั้งใจทำงานเก็บเงินเพื่อครอบครัวของเราจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง”
ท่าอากาศยานนานาชาติเจเนอรัล เอ็ดเวิร์ด ลอเรนซ์ โลแกน ในเมืองบอสตัน มลรัฐแมสซาชูเซตส์...
บุรุษชาติชาวอาหรับผู้หล่อเหลาคมเข้มทำให้สาวๆ ลุ่มหลงหัวใจละลายมานักต่อนักแล้วได้ก้าวเดินยาวๆ เข้ามาในร้านอาหารไทยร้านเดียวภายในท่าอากาศยาน มือใหญ่สีแทนยกขึ้นเพื่อดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือเรือนแพง เรือนเดียวในโลกที่เชษฐาฮารีฟร์ได้สั่งทำเป็นพิเศษและได้มอบให้กับอนุชาที่รักทั้งสอง
เจ้าชายซารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์ เจ้าชายองค์รองแห่งราชวงศ์อัลนูรีนได้พาเรือนกายกำยำลำสั่นหล่อเข้มเดินเข้ามาในร้านอาหารพร้อมด้วยองครักษ์ประจำกายอีกสองนาย
“วันนี้รับอะไรดีคะเจ้าชาย”
เจ้าของร้านอาหารไทยรูปร่างอ้วนท้วนที่ค่อนข้างสมบูรณ์ไปนิดรีบกุลีกุจอมาให้การต้อนรับแขกผู้สูงศักดิ์ที่ได้แวะเวียนมาชิมอาหารไทยเลิศรส
“น้ำพริกปลาทูเน้นผักสด ต้มย้ำกุ้ง ไข่เจียวกุ้งสับแล้วก็ข้าวสวยร้อนๆ มาสักโถ”
เจ้าชายซารีฟร์สั่งรายการอาหารอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องอาศัยเมนูอาหารที่จัดพิมพ์ยาวเหยียดนับสิบๆ หน้า รายการอาหารที่สั่งล้วนเป็นเมนูโปรดที่ตัวเขามักอ้อนให้ท่านแม่ทำให้ทานเสมอสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่
อาหารไทยเป็นอาหารเลิศรสไม่ว่าชนชาติไหนได้ลิ้มลองแล้วก็มีอันต้องติดใจในรสชาติที่จัดจ้านเผ็ดร้อนทุกรายไป และถึงแม้จะเป็นเจ้าชายแห่งประเทศอัลนูรีนประเทศในดินแดนตะวันออกที่มีละอองเม็ดทะเลทรายเกินครึ่งของประเทศ แต่เจ้าชายซารีฟร์ผู้ที่มีเลือดไทยครึ่งตัวก็นิยมชมชอบอาหารไทยมากเป็นพิเศษแทบจะมากกว่าอาหารพื้นเมืองอาหารหลักในประเทศอัลนูรีนด้วยซ้ำไป
“ราชิต อาดิล พวกเจ้าพากันนั่งลงแล้วก็สั่งอาหารทานได้แล้ว”
เจ้าชายซารีฟร์เอ่ยสั่ง ราชิต รุสดี อัฟซาและอาดิล ฮาดี รอซีด์ สององครักษ์ผู้ซื่อสัตย์จงรักภักดีที่ได้เดินทางมาคอยอารักขาความปลอดภัยให้กับเจ้าชายหนุ่มแห่งราชวงศ์อัลนูรีนนับตั้งแต่ได้เดินทางมาพำนักศึกษาอยู่ที่อเมริกา
“พวกกระหม่อมยังไม่หิว พระองค์ทานองค์เดียวเถอะพะยะค่ะ”
ราชิต รุสดี อัฟซา องครักษ์เอกหล่อเข้มเป็นผู้เอ่ยตอบแทนเพื่อนรักที่ยืนนิ่งหันหน้าไปทางประตูร้านอาหารเพื่อคอยระแวดระวังภัยให้กับเจ้าเหนือหัวของพวกตน
“นั่งลง!...แล้วพากันสั่งอาหารมาทานเดี๋ยวนี้ พวกเจ้าจะบอกว่าไม่หิวได้ไงตั้งแต่เช้าพวกเจ้าทานกาแฟแค่คนละแก้วไม่ใช่หรือ”
เจ้าชายซารีฟร์สั่งเสียงเข้ม ดวงตาคมกริบจ้องมององครักษ์ทั้งสองเขม็งส่งสายตาบังคับให้ทั้งสองนั่งลงที่โต๊ะอาหารอีกตัวที่อยู่ติดๆ กัน
“พะยะค่ะ ทานกาแฟไปคนละแก้ว”
องครักษ์ราชิตอ้อมแอ้มตอบรู้สึกซาบซึ้งใจที่เจ้าเหนือหัวใส่ใจเรื่องการกินอยู่ของพวกตนและราษฎรปวงผองชาวอัลนูรีนเสมอมา เจ้าชายซารีฟร์ไม่เคยถือพระองค์ไม่ว่าเจ้าชายจะทานอาหารเลิศรสที่โรงแรมหรูมากเพียงใด เหล่าองครักษ์ที่คอยติดตามอารักขาราวกับเงาติดตามตัวก็ได้ทานอาหารที่ไม่ต่างจากผู้ที่เป็นเจ้าเหนือหัว
ราชิตและอาดิลต่างก็รีบทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้แล้วรับเมนูจากเจ้าของร้านมาเปิดดูรายการอาหารก่อนจะพากันสั่งอาหารประเภทจานเดียวคนละจาน
“ข้าวผัดปูจานหนึ่ง” ราชิตสั่งอาหารจานด่วนซึ่งอาดิลเพื่อนรักก็รีบเอ่ยบอกเด็กเสริฟทันทีเหมือนกัน