เจ้าชายซารีฟร์เบิกตากว้างแย้มยิ้มออกมาด้วยความดีใจและคาดไม่ถึงว่าท่านพี่ที่ตนแอบให้สมญานามว่าเจ้าแห่งทะเลทรายผู้ไร้รักได้พานพบกับหญิงงามที่มีจิตใจอ่อนโยนดุจดังพระมารดาและพร้อมที่จะอภิเษกกับหญิงงามชาวสยามทันทีที่เหตุการณ์ในบ้านเมืองสงบลง และตลอดเวลาที่ได้สนทนากับเชษฐาด้วยภาษาอาหรับ ดวงตาคมกริบภายใต้แว่นตาสีชาราคาแพงได้ทอดมองจับจ้องแน่นิ่งอยู่ที่ใบหน้างามลออของหญิงสาวที่ชื่อน้ำหนาว
“ซารีฟร์พบน้ำหนาวกับน้ำค้างที่ไหน”
เจ้าแห่งอัลนูรีนเอ่ยถามอนุชาด้วยความแปลกใจคาดไม่ถึงว่ากามเทพชะตาฟ้าจะเล่นงานเจ้าน้องชายตัวแสบได้รวดเร็วป่านนี้
“บอสตัน...ในร้านอาหารไทย ท่านพี่รู้หรือเปล่าว่าทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันและเพิ่งเห็นหน้ากันเป็นครั้งแรกแต่กระหม่อมถูกเจ้าหล่อนวิจารณ์เสียเละไม่เหลือชิ้นดี”
เจ้าชายซารีฟร์เอ่ยฟ้องเชษฐาราวกับเด็กๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความขบขำแกมเอ็นดูหญิงงามแก่นเซี้ยวที่กำลังตกเป็นหัวข้อสนทนาไม่ต่างจากตนเองก่อนหน้านี้ไม่กี่วินาที
เจ้าชายฮารีฟร์ลอบอมยิ้มจับกระแสในน้ำเสียงได้ว่าซารีฟร์กำลังตกหลุมรักหญิงงามชาวสยามเข้าอย่างจังและถ้าหากเดาไม่ผิดต้องเป็นหญิงสาวที่ชื่อน้ำหนาวอย่างแน่นอน
“ที่ว่าเจ้าหล่อนนี่หมายถึงใคร?...น้ำหนาวหรือน้ำค้าง”
“กระหม่อมให้ท่านพี่เดา” ทั้งๆ ที่รู้ว่าเชษฐาฮารีฟร์ต้องตอบถูกอยู่แล้วแต่เจ้าชายผู้เป็นอนุชาก็ยังเล่นลิ้นไม่เลิก
เจ้าชายฮารีฟร์หัวเราะร่วนเสียงดังด้วยความขบขำจนนีราพรรณซึ่งกำลังเช็ดคราบละอองเม็ดทรายให้ตามต้นแขนต้องหยุดชะงักเงยหน้ามองขมวดคิ้วด้วยความสงสัย หญิงสาวฟังภาษาอาหรับไม่ออกแต่คาดเดาว่าเจ้าแห่งทะเลทรายคงกำลังสนทนากับอนุชาอยู่แน่นอนถึงได้มีท่าทางผ่อนคลายอารมณ์ดีเช่นนี้
“ไม่จำเป็นต้องเดาหรอก พี่รู้รสนิยมของเจ้าชายซารีฟร์ดี อย่างซารีฟร์ต้องเป็นน้ำหนาวถึงจะสมน้ำสมเนื้อกัน”
“ท่านพี่นี่รู้ใจน้องจริงๆ”
เจ้าชายซารีฟร์หัวเราะร่วนกับคำตอบของเชษฐาพร้อมกับกดวางสายโทรศัพท์เมื่อได้รับคำอวยพรแกมประชดประชันจากเชษฐาฮารีฟร์
เสียงหัวเราะที่ดังลั่นไม่เกรงใจใครได้ดึงความสนใจของฝาแฝดสองพี่น้องมาที่ตัวเจ้าชายได้แทบทันทีและเมื่อรู้ว่าหญิงสาวที่ตนต้องตาให้ความสนใจเป็นพิเศษได้จ้องมองเขม็งเจ้าชายหนุ่มนักรักก็แย้มยิ้มยียวนใส่แทบทันทีเช่นเดียวกัน
อิ่มหน่ำสำราญกับอาหารไทยจานด่วนแล้วน้ำหนาวก็ทำหน้าที่กวักมือเรียกเด็กเสริฟให้มาคิดเงิน มือบางเรียวยาวที่กำลังหยิบกระเป๋าสตางค์ใบเล็กมีอันต้องชะงักกึกขณะได้ยินเสียงหัวเราะร่วนถูกอกถูกใจของบุรุษผู้หล่อเหลาที่เธอวิจารณ์เสียยับ น้ำค้างเองก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าชายหนุ่มรูปงามที่นั่งอยู่โต๊ะตรงข้ามได้จ้องมองพี่สาวฝาแฝดของเธอเขม็ง
“น้ำหนาว ผู้ชายคนนั้นเขาฟังภาษาไทยออกหรือเปล่า ทำไมเขาจ้องมองตัวเขม็งเลยแล้วยังทำท่ายิ้มใส่แปลกๆ ด้วย”
น้ำค้างสะกิดต้นแขนแฝดผู้พี่พลางก้มหน้าลงไปกระซิบถามเบาๆ ชักจะทะแม่งๆ แล้วว่าผู้ชายคนนี้จะฟังคำพูดของพวกเธอออกทุกคำทุกประโยค
น้ำหนาวควักเงินจ่ายให้เด็กเสริฟโดยที่ดวงตาคู่สวยไม่ได้ละไปจากใบหน้าคมเข้มแม้แต่วินาทีเดียว
“ชัวร์! ร้อยเปอร์เซ็นต์ฟังไม่ออกหรอก”
น้ำหนาวเอ่ยตอบน้องสาวด้วยความมั่นใจสุดๆ โดยหารู้ไม่ว่าเจ้าชายซารีฟร์กลั้นหัวเราะจนปวดกรามหน้าแดงก่ำไปทั้งแถบ
“แล้วทำไมเขาใส่แว่นดำดูน่ากลัวจังเลย”
น้ำค้างยังคงกระซิบถามพี่สาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาๆ แล้วจู่ๆ ก็ทะลึ่งพรวดนั่งตัวตรงสีหน้าตื่นตระหนกตกใจเอ่ยพูดออกมาดังๆ ด้วยความลืมตัว
“หรือว่าเขาจะเป็นพวกมาเฟียที่ชอบจับผู้หญิงไปขายตามซ่อง”
น้ำหนาวส่ายหน้าด้วยความอ่อนอกอ่อนใจกับความคิดแผลงๆ ของคนที่เป็นน้องพร้อมกันนั้นก็ตีลงไปที่ต้นแขนขาวเนียนไม่แพ้กันแล้วเอ็ดออกมาเบาๆ กับความคิดเหลวไหล
“บ้าน่า...น้ำค้างคิดมากไปได้”
‘อืม...ใช้ได้ นอกจากสวยสง่าน่ารักแล้วยังมองโลกในแง่ดีด้วย’
เจ้าชายซารีฟร์ยิ้มกริ่มพยักหน้าหงึกๆ เอ่ยชมหญิงสาวที่เริ่มต้องใจรักอยู่ในใจแต่แล้วก็แทบหงายหลังพลัดตกจากเก้าอี้เมื่อได้ยินประโยคถัดมาของหญิงงาม
“ผู้ชายคนนั้นอาจจะตาบอดถึงได้ใส่แว่นดำเสียมืดมิดแบบนี้หรือถ้าหากไม่บอด...น้ำหนาวจะเอานิ้วจิ้มให้บอดไปเลยโทษฐานที่มองคนสวยอย่างเสียมารยาท”
‘เออหน๋อ...ไปกินรังแตนมาจากไหนใครกวนอารมณ์ให้หญิงงามท่าทางแก่นแก้วโกรธเคืองได้มากถึงเพียงนี้ถึงได้ฟาดงวงฟาดงาไม่เลือกหน้าอินทร์หน้าเจ้าชาย’
เจ้าชายองค์รองแห่งอัลนูรีนงึมงำอยู่ในใจ ชักจะหลงใหลในตัวหญิงสาวผู้นี้ขึ้นทุกขณะจิต ถ้าหากท่านพี่ฮารีฟร์รักใคร่ในตัวพี่สาวของพวกเธอและเตรียมอภิเษกเลื่อนยศให้เป็นราชินีก็แสดงว่าหญิงงามชาวสยามที่ชื่อน้ำเหนือต้องเป็นคนดีอย่างแน่นอนและเขาเชื่อว่าพี่น้องกันก็คงมีนิสัยไม่แตกต่างกันสักเท่าไรกอปรกับสายตาอันเฉียบแหลมของนักรักผู้ช่ำชองที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าน้ำหนาวเป็นสาวบริสุทธิ์เป็นหนังสือที่น่าหยิบจับขึ้นมาอ่านที่สุด
น้ำหนาวต่อว่าบุรุษชายชาติอาหรับเสียงไม่ค่อยจะเบาสักเท่าไหร่และเมื่อเด็กเสริฟนำเงินทอนมาให้ก็เอ่ยขอกระดาษกับปากกาจากนั้นก็เขียนอะไรขยุกขยิกลงไปในกระดาษแผ่นเล็กขนาดฝ่ามือเห็นจะได้
“เขียนอะไรน่ะน้ำหนาว”
นาราพรรณแฝดน้องชะโงกหน้าไปอ่านข้อความบนกระดาษที่พี่สาวฝาแฝดกำลังตั้งอกตั้งใจตวัดปลายปากกาลงไปอย่างรวดเร็ว
“เราจะเขียนจดหมายรักไปให้อีตาบ้าคนนั้นหน่อย”
น้ำหนาวเอ่ยตอบเสียงดังโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเจ้าชายซารีฟร์ที่ฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวสะอาดเป็นระเบียบขณะที่ได้ยินคำว่า ‘จดหมายรัก’
“เขียนว่าไงขอน้ำค้างอ่านหน่อยสิ”
น้ำค้างร้องขอด้วยความอยากรู้พอพี่สาวชูประโยคเด็ดให้อ่านก็ต้องทำหน้าเจื่อนๆ หัวเราะไม่ออก รีบลุกขึ้นยืนคว้ากระเป๋าเดินทางเตรียมพร้อมสำหรับการโกยแนบออกจากห้องอาหาร หญิงสาวไม่รู้หรอกว่าชายหนุ่มคนนั้นจะอ่านภาษาไทยออกหรือเปล่า แต่ยังไงๆ เธอก็เตรียมตัวเผ่นไว้ก่อนแล้วกัน
น้ำหนาวคลี่ยิ้มหวานฉ่ำไม่ตอบแต่กรีดนิ้วจับมุมกระดาษทั้งสองข้างชูให้น้องสาวได้อ่านจากนั้นก็ลุกขึ้นยืนคว้ากระเป๋าเดินทางไว้ในมือแล้วก้าวฉับๆ ไปหาบุรุษรูปงามนัยน์ตาคม
เจ้าชายซารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์ รีบผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นการให้เกียรติหญิงแสนงามที่เดินมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าตน ในใจนึกทะนงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่น้ำหนาวได้หลงเสน่ห์อันหล่อเหลาบาดใจจนกระทั่งได้เขียนจดหมายรักเอามาให้ด้วยตัวเอง