ทันทีที่ญาติผู้ใหญ่คนสุดท้ายก้าวเท้าออกไปจากงานมงคลสมรส สองบ่าวสาวที่เพิ่งถูกส่งตัวเข้าเรือนหอหมาด ๆ ต่างก็นิ่งเงียบไร้ซึ่งเสียงสนทนาใด ๆ ต่อกัน
ดารากาเหลือบหางตาลอบมองเจ้าบ่าวของเธอเพียงนิด ก่อนจะก้มหน้าลงด้วยความประหม่า ต่างจากอีกฝ่ายที่ชักสีหน้าไม่สบอารมณ์ตามความเคยชิน
“เฮียดินคะ...”
“พรุ่งนี้ช่วยไปเซ็นใบหย่าให้ด้วย แล้วก็บอกทุกคนซะว่าเธอต้องการหย่า” น้ำเสียงเย็นยะเยือกเอ่ยออกมาอย่างไร้อารมณ์ตามเคย เขาไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าคู่สนทนาด้วยซ้ำ
“ตะ...แต่ว่าเราเพิ่งจดทะเบียนกันเองนะคะ”
“แล้วยังไง!” บดินทร์หันไปตวาดเจ้าสาวที่ไม่ปรารถนาของตน มิวายมองเธอด้วยสายตาที่เกลียดแสนเกลียด เขาชังน้ำหน้าเธอยิ่งกว่าอะไร “เธอมันก็แค่แม่พันธุ์ไว้ผลิตลูกผลิตหลานให้ตระกูลของฉันเท่านั้นเองหนูดี”
คุณปู่ชี้คำขาดว่าบดินทร์จะต้องแต่งงานมีทายาทกับดารากาเท่านั้น เขาถึงจะได้รับมรดกและมีอำนาจสืบทอดตระกูล หากบดินทร์ปฏิเสธ ทั้งหมดที่เขาตั้งใจทำมาตลอดก็เปล่าประโยชน์ ทุกอย่างที่ควรจะเป็นของเขาก็จะกลายเป็นของสาธารณะทันที
“ฮึก! หนูดีทราบค่ะว่าถูกเลี้ยงให้มาเป็นตัวอะไร” คำพูดที่ติดค้างอยู่ในอกทะลักพรูออกมา หยาดน้ำตาไหลอาบพวงแก้มสวย อีกทั้งน้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยยังสั่นเครืออย่างต่อเนื่อง “บางครั้งหนูดีก็ไม่ได้อยากรักเฮียดิน แต่ไม่รู้ทำไม ฮึก! เหมือนถูกสาปให้รักเลย”
“ถูกสาปให้รักเหรอ น้ำเน่าดีนะ” สองมือหนากระชากแขนเรียวให้ลุกขึ้นยืน
“เฮียดินทำอะไรคะ ฮึก! หนูดีเจ็บ”
“เธออยากเป็นเมียฉันนักไม่ใช่เหรอ อยากจะเป็นแม่พันธุ์ผลิตลูกผลิตหลานให้ตระกูลของฉันไม่ใช่หรือไง”
“หนูดีเจ็บค่ะ” ดารากาก้มมองสองมือที่กำลังบีบรัดแขนของเธอจนเกิดรอยแดงช้ำ แม้จะพยายามส่งสายตาอ้อนวอนขอความเห็นใจจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี แต่กลับถูกเหวี่ยงร่างลงบนเตียงอย่างแรง
“คงสมใจเธอแล้วสินะหนูดี อยากจะเป็นเมียฉันจนตัวสั่น ฉันก็จะสนองให้” เขากระแทกเสียงพูดพร้อมดึงเนกไทให้หลวม ปลดกระดุมเสื้อ ถอดชุดสูท และกระชากเข็มขัดออก “แต่อย่าหวังว่าจะได้รับความรักและความอ่อนโยนจากฉัน”
“ฮึก!” หยาดน้ำตายังคงพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย คำพูดแต่ละคำของเขาทำเธอเจ็บเหลือเกิน
ดารากาไม่เข้าใจตัวเองด้วยซ้ำว่าทำไมถึงได้รักบดินทร์ถึงเพียงนี้ ทั้งที่เขาก็เอาแต่ทำร้ายจิตใจเธอสารพัด ตั้งแต่ก่อนแต่งงานจนถึงบัดนี้
บดินทร์ปลดเปลื้องอาภรณ์ของตนออกจนหมด เขาก้มมองคนที่กำลังหลับตาร้องไห้สะอึกสะอื้น ริมฝีปากหยักแสยะยิ้มอย่างนึกสมเพช มือข้างหนึ่งถกชุดเจ้าสาวขึ้นรดเอวคอด จากนั้นจึงยกเข่าอีกข้างก้าวขึ้นไปคร่อมบนร่างเธอ
“บีบน้ำตาร้องไห้ไปเถอะ รู้ไหมว่าที่ทำอยู่มันน่าสมเพช ฉันสงสารตัวเองจริง ๆ ที่ต้องมาทนเอากับเธอ”
ถ้าหากไม่ใช่เงื่อนไขของคุณปู่ บดินทร์ไม่มีทางร่วมหลับนอนกับดารากาแน่ เขาจะต้องมีทายาทกับเธอเท่านั้น มรดกสืบทอดตระกูลถึงจะเป็นของเขาโดยสมบูรณ์
“อย่าทำแบบนี้เลยนะคะเฮีย หนูดีขอร้อง ฮือ ๆ”
“ขอร้องเหรอ คิดว่าฉันอยากจะเอาเธอมากนักหรือไง ฮึ เธอมันก็แค่แม่พันธุ์ จำเอาไว้!”
นิ้วมือหนาแหวกแพนตี้ลายลูกไม้สีเนื้อออกไปไว้ด้านข้าง ขณะที่อีกมือกำลังชักรูดท่อนเอ็นใหญ่ขึ้นลงเบา ๆ จนแข็งขืนพร้อมใช้งาน
“ฮึก!” ดารากาภาวนาและขอพรอยู่เสมอ เธออยากจะหลุดพ้นจากความรักที่ไม่สมเหตุสมผลนี้
แม้แต่นาทีที่เธอนอนร้องไห้จนคัดจมูกและเริ่มจะหายใจไม่ออก เธอยังคงภาวนาให้หัวใจดวงน้อย ๆ ดวงนี้หมดรักเขาเสียที
ได้โปรด...หมดรักเขาเสียที
และดูเหมือนว่าคำขอพรของดารากาจะสัมฤทธิผล ดวงไฟสีขาวสว่างวาบส่องเข้ามาในดวงตาคู่สวยของเธอ
ดวงจิตอีกดวงกำลังเข้ามามีบทบาทแทนที่ดารากา
บดินทร์นำพาความเป็นชายมาถูไถร่องอวบอูมจนน้ำสีใสไหลเยิ้มออกมาเบิกทาง ก่อนจะสอดใส่มันเข้าไปในช่องรักคับแคบ
“กรี๊ดดดดดดด! ฉันยังไม่อยากตายยยยยย”
ปึก!
ทว่าอีกคนที่นอนแน่นิ่งไปก่อนหน้านี้ อยู่ ๆ ก็แหกปากร้องโวยวายพร้อมดีดตัวลุกขึ้นมานั่ง ส่งผลให้หน้าผากของสองหนุ่มสาวกระแทกชนกันอย่างแรง ความใหญ่ที่กำลังจะสอดใส่เข้าไปในช่องทางรักหลุดออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
“โอ๊ย!” บดินทร์ส่งเสียงโอดโอยเนื่องจากตีลังกาหงายหลังตกลงจากเตียงอย่างไม่ทันตั้งตัว
ดีน่าหันซ้ายหันขวามองสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าด้วยอาการมึนงง ก่อนจะเห็นว่ามีผู้ชายเปลือยกายนั่งกุมหน้าผากตัวเองอยู่ข้างเตียง
“กะ...แกเป็นใคร ไอ้โรคจิต!” หมอนใบใหญ่ถูกขว้างใส่ศีรษะของบดินทร์อย่างแรง “แกเข้ามาในบ้านฉันได้ยังไง พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยด้วยหนูด้วย ไอ้โรคจิตมันปีนขึ้นห้องหนู”
ดีน่าหมุนตัวกลิ้งสองตลบเพื่อกระโดดลงจากเตียงกว้าง ก่อนจะวิ่งแตกตื่นออกไปขอความช่วยเหลือ ทว่าชุดเจ้าสาวที่ยาวเทอะทะทำให้เธอขยับตัวได้อย่างลำบาก
“เป็นบ้าอะไรขึ้นมาฮะ!” บดินทร์ที่งงเป็นไก่ตาแตกรีบวิ่งไปคว้าแขนของคนตัวเล็กเอาไว้
“ปล่อยฉันนะ ปล่อย!” ฝ่ามือเรียวตวัดเข้าที่ซีกแก้มของชายหนุ่มอย่างแรง ส่งผลให้เขาหันไปตามแรงตบอย่างเลี่ยงไม่ได้ “ไอ้ชั่ว! ไอ้บ้ากาม! พ่อฉันมีปืนนะแกไม่ตายดีแน่”
ดีน่าง้างมือหวังจะตบสั่งสอนเขาอีกรอบ แต่ด้วยเรี่ยวแรงที่อ่อนลงเฉียบพลัน และอาการที่ยังคงสะลึมสะลือดึงสติของเธอให้ดับวูบลงอีกครั้ง
บดินทร์ยืนเท้าเอวมองภรรยาของตน อยู่ ๆ ก็ลงไปนอนกองที่พื้น ประหลาดคนจริง แต่ก็ไม่วายต้องช้อนร่างเธออุ้มขึ้นในท่าเจ้าสาว โดยหารู้ไม่ว่าตอนนี้คนในอ้อมกอดไม่ใช่ดารากาคนเดิมอีกแล้ว เขาออกแรงเหวี่ยงเธอลงบนเตียงด้วยแรงโทสะ
“อยู่ ๆ ก็เกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมาวะ” มือหนาลูบแก้มตัวเองเบา ๆ ด้วยอาการชาหน้า “เสียอารมณ์จริง ๆ”
บดินทร์ทอดสายตามองคนตัวเล็กอยู่สักครู่ ก่อนจะหมุนตัวเดินโทงเทงเข้าไปในห้องน้ำหวังจะชำระร่างกายให้รู้สึกผ่อนคลาย
ถึงยังไงเสียก็ต้องกลับมาคิดบัญชีกับเธอที่กล้าตบหน้าเขา
เช้าวันต่อมา
“อื้อ~” ดีน่ารู้สึกตัวตื่นขึ้นพลางส่งเสียงครางกระเส่าในลำคอทักทายแสงสว่างจ้าที่กระทบสู่ม่านตา สองแขนเหยียดตรงบิดไล่ขี้เกียจ เธอรู้สึกปวดเนื้อปวดตัวไปหมด
“เมื่อคืนฝันเหมือนจริงมากเลย” นักเขียนสาวยกมือข้างหนึ่งปิดปากที่กำลังหาวหวอด ส่วนมืออีกข้างดันร่างตัวเองลุกขึ้นนั่งด้วยอาการงัวเงีย
ดวงตาสวยกวาดมองสิ่งที่อยู่รอบตัวด้วยความฉงน ห้องนอนของนักเขียนขี้เกียจอย่างเธอเปลี่ยนไปพิลึกพิลั่น ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยผิดหูผิดตา
“แปลกจริง ๆ แฮะ”
“คุณหนูดีตื่นแล้วหรือคะ ทนายของคุณดินรอคุณหนูดีอยู่ข้างล่างค่ะ”
“คะ...ใครอ่ะ คุณเป็นใคร เข้ามาในห้องฉันได้ยังไง!”
“คะ? คุณหนูดีว่ายังไงนะคะ” สาวใช้ทำหน้างุนงงก่อนจะทวนคำถามอีกรอบ
“ระ...เรียกฉันว่ายังไงนะ หนูดีเหรอ?” ไม่รอให้สาวใช้ได้เอ่ยอะไรคนใจร้อนก็สลัดผ้าห่มออกจากร่าง ก่อนจะพบว่าเธอสวมใส่ชุดราตรีสีขาวยาวเข้ารูป นี่มันชุดแต่งงานที่เธอฝันว่าได้สวมใส่มันวิ่งหนีไอ้โรคจิตเมื่อคืนนี่นา ทำไม... “บ้านา กะจะอำฉันเล่นใช่ไหม ฮั่นแน่”
ใครก็จัดฉากหลอกดีน่าไม่ได้หรอก เธอรู้ทันไปซะทุกเรื่อง สองเท้าเปลือยเปล่าก้าวลงจากเตียงแล้วก้มมองลอดหว่างขาหวังจะหากล้องแอบถ่าย
“คุณหนูดีมองหาอะไรคะ”
“ไหน? ซ่อนกล้องไว้ตรงไหน ยัยเซญ่าคงจะติดต่อรายการอำกันเล่นมาแกล้งฉันสินะ ยัยนั่นเล่นใหญ่เล่นโตตลอด ฉันรู้ทันหรอก”
ดีน่าเดินไปเดินมาสำรวจหากล้องที่อาจจะซุกซ่อนอยู่ตรงหัวเตียงก็ไม่มี ชะแว้บดูในแจกันก็ไม่เห็น ชั้นวางของและโคมไฟก็ยังหาไม่เจอ ให้มันรู้ไปว่าเธอจะลดละความพยายาม
สาวเจ้าเดินตรงมายังโต๊ะเครื่องแป้ง ต้องเจอแล้วแหละนาทีนี้ ภาพสะท้อนจากกระจกเงาทำเอาดีน่าตกใจสะดุ้ง พาลทำให้สาวใช้ตัวโยนตามไปด้วย
“คุณหนูดีเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
คะ...คนในกระจกไม่ใช่เธอ
ใครกัน? ดารากาเหรอ?
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเริ่มหลั่งไหลเข้ามาในหัวสมอง จำได้ว่าเมื่อวานไปทำบุญปีใหม่กับเพื่อนนักเขียนด้วยกัน แวะเที่ยวและกินดื่มกันนิดหน่อย ระหว่างทางกลับบ้านก็พูดคุยกันเรื่องงานที่เพิ่งวางขาย ก่อนจะมีดวงไฟสีขาวพุ่งเข้ามาตรงหน้ารถและภาพเหตุการณ์ทุกอย่างก็ตัดไป
เมื่อคืนนี้...เธอไม่ได้ฝันหรอกเหรอ?
“ห้องน้ำอยู่ทางไหน”
“ทางนั้นค่ะ” สาวใช้ชี้บอกทางพลางยกมือเกาศีรษะและมองตามภรรยาเจ้านายด้วยความงุนงง
“ฉะ...ฉัน” นักเขียนสาวมองใบหน้าของดารากา มือเล็กค่อย ๆ ยื่นไปสัมผัสกับกระจกเงา ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ “ฉันติดอยู่ในนิยายยยยยย~”
มาแย้วค๊าบบบบ
ดีน่ามาอยู่แทนร่างหนูดีแย้ว บรรเทิงแน่งานนี้