บทที่ 1 ติดอยู่ในนิยาย

1720 Words
ทันทีที่ญาติผู้ใหญ่คนสุดท้ายก้าวเท้าออกไปจากงานมงคลสมรส สองบ่าวสาวที่เพิ่งถูกส่งตัวเข้าเรือนหอหมาด ๆ ต่างก็นิ่งเงียบไร้ซึ่งเสียงสนทนาใด ๆ ต่อกัน ดารากาเหลือบหางตาลอบมองเจ้าบ่าวของเธอเพียงนิด ก่อนจะก้มหน้าลงด้วยความประหม่า ต่างจากอีกฝ่ายที่ชักสีหน้าไม่สบอารมณ์ตามความเคยชิน “เฮียดินคะ...” “พรุ่งนี้ช่วยไปเซ็นใบหย่าให้ด้วย แล้วก็บอกทุกคนซะว่าเธอต้องการหย่า” น้ำเสียงเย็นยะเยือกเอ่ยออกมาอย่างไร้อารมณ์ตามเคย เขาไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าคู่สนทนาด้วยซ้ำ “ตะ...แต่ว่าเราเพิ่งจดทะเบียนกันเองนะคะ” “แล้วยังไง!” บดินทร์หันไปตวาดเจ้าสาวที่ไม่ปรารถนาของตน มิวายมองเธอด้วยสายตาที่เกลียดแสนเกลียด เขาชังน้ำหน้าเธอยิ่งกว่าอะไร “เธอมันก็แค่แม่พันธุ์ไว้ผลิตลูกผลิตหลานให้ตระกูลของฉันเท่านั้นเองหนูดี” คุณปู่ชี้คำขาดว่าบดินทร์จะต้องแต่งงานมีทายาทกับดารากาเท่านั้น เขาถึงจะได้รับมรดกและมีอำนาจสืบทอดตระกูล หากบดินทร์ปฏิเสธ ทั้งหมดที่เขาตั้งใจทำมาตลอดก็เปล่าประโยชน์ ทุกอย่างที่ควรจะเป็นของเขาก็จะกลายเป็นของสาธารณะทันที “ฮึก! หนูดีทราบค่ะว่าถูกเลี้ยงให้มาเป็นตัวอะไร” คำพูดที่ติดค้างอยู่ในอกทะลักพรูออกมา หยาดน้ำตาไหลอาบพวงแก้มสวย อีกทั้งน้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยยังสั่นเครืออย่างต่อเนื่อง “บางครั้งหนูดีก็ไม่ได้อยากรักเฮียดิน แต่ไม่รู้ทำไม ฮึก! เหมือนถูกสาปให้รักเลย” “ถูกสาปให้รักเหรอ น้ำเน่าดีนะ” สองมือหนากระชากแขนเรียวให้ลุกขึ้นยืน “เฮียดินทำอะไรคะ ฮึก! หนูดีเจ็บ” “เธออยากเป็นเมียฉันนักไม่ใช่เหรอ อยากจะเป็นแม่พันธุ์ผลิตลูกผลิตหลานให้ตระกูลของฉันไม่ใช่หรือไง” “หนูดีเจ็บค่ะ” ดารากาก้มมองสองมือที่กำลังบีบรัดแขนของเธอจนเกิดรอยแดงช้ำ แม้จะพยายามส่งสายตาอ้อนวอนขอความเห็นใจจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี แต่กลับถูกเหวี่ยงร่างลงบนเตียงอย่างแรง “คงสมใจเธอแล้วสินะหนูดี อยากจะเป็นเมียฉันจนตัวสั่น ฉันก็จะสนองให้” เขากระแทกเสียงพูดพร้อมดึงเนกไทให้หลวม ปลดกระดุมเสื้อ ถอดชุดสูท และกระชากเข็มขัดออก “แต่อย่าหวังว่าจะได้รับความรักและความอ่อนโยนจากฉัน” “ฮึก!” หยาดน้ำตายังคงพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย คำพูดแต่ละคำของเขาทำเธอเจ็บเหลือเกิน ดารากาไม่เข้าใจตัวเองด้วยซ้ำว่าทำไมถึงได้รักบดินทร์ถึงเพียงนี้ ทั้งที่เขาก็เอาแต่ทำร้ายจิตใจเธอสารพัด ตั้งแต่ก่อนแต่งงานจนถึงบัดนี้ บดินทร์ปลดเปลื้องอาภรณ์ของตนออกจนหมด เขาก้มมองคนที่กำลังหลับตาร้องไห้สะอึกสะอื้น ริมฝีปากหยักแสยะยิ้มอย่างนึกสมเพช มือข้างหนึ่งถกชุดเจ้าสาวขึ้นรดเอวคอด จากนั้นจึงยกเข่าอีกข้างก้าวขึ้นไปคร่อมบนร่างเธอ “บีบน้ำตาร้องไห้ไปเถอะ รู้ไหมว่าที่ทำอยู่มันน่าสมเพช ฉันสงสารตัวเองจริง ๆ ที่ต้องมาทนเอากับเธอ” ถ้าหากไม่ใช่เงื่อนไขของคุณปู่ บดินทร์ไม่มีทางร่วมหลับนอนกับดารากาแน่ เขาจะต้องมีทายาทกับเธอเท่านั้น มรดกสืบทอดตระกูลถึงจะเป็นของเขาโดยสมบูรณ์ “อย่าทำแบบนี้เลยนะคะเฮีย หนูดีขอร้อง ฮือ ๆ” “ขอร้องเหรอ คิดว่าฉันอยากจะเอาเธอมากนักหรือไง ฮึ เธอมันก็แค่แม่พันธุ์ จำเอาไว้!” นิ้วมือหนาแหวกแพนตี้ลายลูกไม้สีเนื้อออกไปไว้ด้านข้าง ขณะที่อีกมือกำลังชักรูดท่อนเอ็นใหญ่ขึ้นลงเบา ๆ จนแข็งขืนพร้อมใช้งาน “ฮึก!” ดารากาภาวนาและขอพรอยู่เสมอ เธออยากจะหลุดพ้นจากความรักที่ไม่สมเหตุสมผลนี้ แม้แต่นาทีที่เธอนอนร้องไห้จนคัดจมูกและเริ่มจะหายใจไม่ออก เธอยังคงภาวนาให้หัวใจดวงน้อย ๆ ดวงนี้หมดรักเขาเสียที ได้โปรด...หมดรักเขาเสียที และดูเหมือนว่าคำขอพรของดารากาจะสัมฤทธิผล ดวงไฟสีขาวสว่างวาบส่องเข้ามาในดวงตาคู่สวยของเธอ ดวงจิตอีกดวงกำลังเข้ามามีบทบาทแทนที่ดารากา บดินทร์นำพาความเป็นชายมาถูไถร่องอวบอูมจนน้ำสีใสไหลเยิ้มออกมาเบิกทาง ก่อนจะสอดใส่มันเข้าไปในช่องรักคับแคบ “กรี๊ดดดดดดด! ฉันยังไม่อยากตายยยยยย” ปึก! ทว่าอีกคนที่นอนแน่นิ่งไปก่อนหน้านี้ อยู่ ๆ ก็แหกปากร้องโวยวายพร้อมดีดตัวลุกขึ้นมานั่ง ส่งผลให้หน้าผากของสองหนุ่มสาวกระแทกชนกันอย่างแรง ความใหญ่ที่กำลังจะสอดใส่เข้าไปในช่องทางรักหลุดออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ “โอ๊ย!” บดินทร์ส่งเสียงโอดโอยเนื่องจากตีลังกาหงายหลังตกลงจากเตียงอย่างไม่ทันตั้งตัว ดีน่าหันซ้ายหันขวามองสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าด้วยอาการมึนงง ก่อนจะเห็นว่ามีผู้ชายเปลือยกายนั่งกุมหน้าผากตัวเองอยู่ข้างเตียง “กะ...แกเป็นใคร ไอ้โรคจิต!” หมอนใบใหญ่ถูกขว้างใส่ศีรษะของบดินทร์อย่างแรง “แกเข้ามาในบ้านฉันได้ยังไง พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยด้วยหนูด้วย ไอ้โรคจิตมันปีนขึ้นห้องหนู” ดีน่าหมุนตัวกลิ้งสองตลบเพื่อกระโดดลงจากเตียงกว้าง ก่อนจะวิ่งแตกตื่นออกไปขอความช่วยเหลือ ทว่าชุดเจ้าสาวที่ยาวเทอะทะทำให้เธอขยับตัวได้อย่างลำบาก “เป็นบ้าอะไรขึ้นมาฮะ!” บดินทร์ที่งงเป็นไก่ตาแตกรีบวิ่งไปคว้าแขนของคนตัวเล็กเอาไว้ “ปล่อยฉันนะ ปล่อย!” ฝ่ามือเรียวตวัดเข้าที่ซีกแก้มของชายหนุ่มอย่างแรง ส่งผลให้เขาหันไปตามแรงตบอย่างเลี่ยงไม่ได้ “ไอ้ชั่ว! ไอ้บ้ากาม! พ่อฉันมีปืนนะแกไม่ตายดีแน่” ดีน่าง้างมือหวังจะตบสั่งสอนเขาอีกรอบ แต่ด้วยเรี่ยวแรงที่อ่อนลงเฉียบพลัน และอาการที่ยังคงสะลึมสะลือดึงสติของเธอให้ดับวูบลงอีกครั้ง บดินทร์ยืนเท้าเอวมองภรรยาของตน อยู่ ๆ ก็ลงไปนอนกองที่พื้น ประหลาดคนจริง แต่ก็ไม่วายต้องช้อนร่างเธออุ้มขึ้นในท่าเจ้าสาว โดยหารู้ไม่ว่าตอนนี้คนในอ้อมกอดไม่ใช่ดารากาคนเดิมอีกแล้ว เขาออกแรงเหวี่ยงเธอลงบนเตียงด้วยแรงโทสะ “อยู่ ๆ ก็เกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมาวะ” มือหนาลูบแก้มตัวเองเบา ๆ ด้วยอาการชาหน้า “เสียอารมณ์จริง ๆ” บดินทร์ทอดสายตามองคนตัวเล็กอยู่สักครู่ ก่อนจะหมุนตัวเดินโทงเทงเข้าไปในห้องน้ำหวังจะชำระร่างกายให้รู้สึกผ่อนคลาย ถึงยังไงเสียก็ต้องกลับมาคิดบัญชีกับเธอที่กล้าตบหน้าเขา เช้าวันต่อมา “อื้อ~” ดีน่ารู้สึกตัวตื่นขึ้นพลางส่งเสียงครางกระเส่าในลำคอทักทายแสงสว่างจ้าที่กระทบสู่ม่านตา สองแขนเหยียดตรงบิดไล่ขี้เกียจ เธอรู้สึกปวดเนื้อปวดตัวไปหมด “เมื่อคืนฝันเหมือนจริงมากเลย” นักเขียนสาวยกมือข้างหนึ่งปิดปากที่กำลังหาวหวอด ส่วนมืออีกข้างดันร่างตัวเองลุกขึ้นนั่งด้วยอาการงัวเงีย ดวงตาสวยกวาดมองสิ่งที่อยู่รอบตัวด้วยความฉงน ห้องนอนของนักเขียนขี้เกียจอย่างเธอเปลี่ยนไปพิลึกพิลั่น ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยผิดหูผิดตา “แปลกจริง ๆ แฮะ” “คุณหนูดีตื่นแล้วหรือคะ ทนายของคุณดินรอคุณหนูดีอยู่ข้างล่างค่ะ” “คะ...ใครอ่ะ คุณเป็นใคร เข้ามาในห้องฉันได้ยังไง!” “คะ? คุณหนูดีว่ายังไงนะคะ” สาวใช้ทำหน้างุนงงก่อนจะทวนคำถามอีกรอบ “ระ...เรียกฉันว่ายังไงนะ หนูดีเหรอ?” ไม่รอให้สาวใช้ได้เอ่ยอะไรคนใจร้อนก็สลัดผ้าห่มออกจากร่าง ก่อนจะพบว่าเธอสวมใส่ชุดราตรีสีขาวยาวเข้ารูป นี่มันชุดแต่งงานที่เธอฝันว่าได้สวมใส่มันวิ่งหนีไอ้โรคจิตเมื่อคืนนี่นา ทำไม... “บ้านา กะจะอำฉันเล่นใช่ไหม ฮั่นแน่” ใครก็จัดฉากหลอกดีน่าไม่ได้หรอก เธอรู้ทันไปซะทุกเรื่อง สองเท้าเปลือยเปล่าก้าวลงจากเตียงแล้วก้มมองลอดหว่างขาหวังจะหากล้องแอบถ่าย “คุณหนูดีมองหาอะไรคะ” “ไหน? ซ่อนกล้องไว้ตรงไหน ยัยเซญ่าคงจะติดต่อรายการอำกันเล่นมาแกล้งฉันสินะ ยัยนั่นเล่นใหญ่เล่นโตตลอด ฉันรู้ทันหรอก” ดีน่าเดินไปเดินมาสำรวจหากล้องที่อาจจะซุกซ่อนอยู่ตรงหัวเตียงก็ไม่มี ชะแว้บดูในแจกันก็ไม่เห็น ชั้นวางของและโคมไฟก็ยังหาไม่เจอ ให้มันรู้ไปว่าเธอจะลดละความพยายาม สาวเจ้าเดินตรงมายังโต๊ะเครื่องแป้ง ต้องเจอแล้วแหละนาทีนี้ ภาพสะท้อนจากกระจกเงาทำเอาดีน่าตกใจสะดุ้ง พาลทำให้สาวใช้ตัวโยนตามไปด้วย “คุณหนูดีเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” คะ...คนในกระจกไม่ใช่เธอ ใครกัน? ดารากาเหรอ? ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเริ่มหลั่งไหลเข้ามาในหัวสมอง จำได้ว่าเมื่อวานไปทำบุญปีใหม่กับเพื่อนนักเขียนด้วยกัน แวะเที่ยวและกินดื่มกันนิดหน่อย ระหว่างทางกลับบ้านก็พูดคุยกันเรื่องงานที่เพิ่งวางขาย ก่อนจะมีดวงไฟสีขาวพุ่งเข้ามาตรงหน้ารถและภาพเหตุการณ์ทุกอย่างก็ตัดไป เมื่อคืนนี้...เธอไม่ได้ฝันหรอกเหรอ? “ห้องน้ำอยู่ทางไหน” “ทางนั้นค่ะ” สาวใช้ชี้บอกทางพลางยกมือเกาศีรษะและมองตามภรรยาเจ้านายด้วยความงุนงง “ฉะ...ฉัน” นักเขียนสาวมองใบหน้าของดารากา มือเล็กค่อย ๆ ยื่นไปสัมผัสกับกระจกเงา ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ “ฉันติดอยู่ในนิยายยยยยย~” มาแย้วค๊าบบบบ ดีน่ามาอยู่แทนร่างหนูดีแย้ว บรรเทิงแน่งานนี้ ​​ ​
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD