หกโมงเช้าตรงเป๊ะไม่ขาดไม่เกินขนมเบื้องก็เดินมาถึงแปลงผักที่เจ้าของไร่ให้มาดูแล เธอมองไปรอบ ๆ ไม่เจอใครจึงนั่งยอง ๆ ข้างแปลงผักซึ่งมีต้นผักบุ้งกำลังเจริญเติบโตแล้วใช้สายตากลมโตของตนเองสำรวจผักใบเขียวอย่างสนอกสนใจ
ยิ่งได้เห็นลำตัวอวบ ๆ ของผักบุ้งน้ำลายก็สอรู้สึกหิวผักบุ้งไฟแดงขึ้นมาเสียอย่างนั้น แต่น่าเสียดายตรงที่เธอทำกับข้าวไม่เป็น ไม่ใช่ไม่เป็นธรรมดา เอาเป็นว่าแค่ทอดไข่เจียวยังทำไม่ได้เลย
“ถ้าพี่ทำกับข้าวเป็นพวกน้องได้ลงไปอยู่ในกระทะแน่ พี่รับรอง”
เธอพูดกับผักบุ้ง มุมปากกระตุกยิ้มเล็กน้อยเมื่อคิดถึงฝีมือการทำอาหารของมารดา
ถ้าแม่ยังอยู่ป่านนี้เธอคงไม่ต้องมาเป็นคนงานอยู่ในไร่ส้มหรอก คิดแล้วเศร้า เธอยังไม่มีวิธีเผด็จศึกเจ้าของไร่มาทำสามีเลย เวลาหนึ่งปีเธอจะทำสำเร็จไหม
“เฮ้อ พี่ทำยังไงดี พวกน้องรู้ไหม”
ขนมเบื้องถอนหายใจพลางถามต้นผักบุ้งตรงหน้า
“ทำอะไร” เสียงเข้ม ๆ ของคินดังขึ้นมาทำลายบรรยากาศเงียบสงบในยามเช้า ชายหนุ่มมาเงียบ ๆ ทำให้หญิงสาวเกือบหลุดปากพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด
“ก็ทำ เฮ้ยยยยย มะ มาตั้งแต่ตอนไหนคะคุณคิน”
คนเกือบเผลอพูดความลับสะดุ้งโหยงเมื่อเจ้าของไร่ยืนจ้องหน้าตนเองอยู่ข้างหลัง โชคดีที่เธอหันไปมองต้นเสียงเสียก่อน ไม่อย่างนั้นความลับแตกแหง ๆ ถ้าเขารู้ว่าเธอมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์อะไร รับรองเธอถูกไล่ออกจากไร่อย่างหมูอย่างหมาแน่
“มาตั้งแต่นานแล้ว ผมเห็นคุณไม่เดินไปตรงแปลงนั้นสักทีเลยมาดู ไม่รู้ว่าคุยกับผักบุ้งได้ด้วย” เขาเอ่ยเสียงเรียบแต่แววตาเต็มไปด้วยประกายล้อเลียน ทำให้หญิงสาวแก้มแดงเปล่งปลั่งด้วยความขัดเขิน ใบหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าเขาเห็นทุกอย่าง
‘คนปกติที่ไหนจะคุยกับผักบุ้ง’
“แหะ ๆ ก็หนูมาถึงแล้วไม่เห็นใครนึกว่าคุณคินยังไม่มา หนูเห็นลำต้นผักบุ้งน่ากินดีเลยหยุดมอง”
“ไม่มองธรรมดา แต่คุยกับมันด้วย”
“คุณคินอะ อย่าล้อหนูสิ”
“โอเค ๆ แล้วเมื่อกี้บอกว่าทำอะไรดี คืออะไร คุณจะทำอะไรเหรอ”
“อ้อ คือหนูกำลังคิดว่าผักบุ้งพวกนี้ค่ะ ทำยังไงดีให้มันโตน่ากิน” ถึงรู้ว่าการโกหกเป็นเรื่องไม่ดีแต่บางครั้งมันก็จำเป็น โดยเฉพาะกับคนตรงหน้าที่กำลังจ้องเธอเหมือนกำลังค้นหาคำตอบ ถ้าเขารู้ละก็เธอตายแน่ คินเห็นอาการกลอกตาไปมาของขนมเบื้องแล้วรู้เลย เธอโกหก ลูกจ้างสาวมีเรื่องปิดบัง
“แน่ใจว่าเรื่องนี้จริง ๆ ไม่มีเรื่องอื่น?”
“แน่ใจมากค่ะ เรื่องอื่นไม่มีแน่นอน” เธอโบกไม้โบกมือไปมาพลางยิ้มหวาน
“ก็ดี ผมไม่ชอบพวกโกหก หลอกลวง ถ้าคุณว่าใช่ผมก็เชื่อ ไปเริ่มทำงานเถอะเดี๋ยวร้อน”
คินบอกเป็นนัย ๆ แล้วเดินจากไป ปล่อยให้หญิงสาวอ้าปากพะงาบ ๆ กับประโยคเมื่อสักครู่ เขาพูดเหมือนรู้ว่าเธอมาที่นี่ทำไม แต่จะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อไม่มีใครรู้เพราะไม่เคยหลุดปากบอกใคร
หญิงสาวสะบัดความวิตกกังวลออกจากสมองไปอย่างรวดเร็ว หลังจากประมวลผลแล้วว่าชายหนุ่มไม่มีทางรู้จุดประสงค์ที่แท้จริงแต่ระแวงเรื่องอื่นมากกว่า
ส่วนคนที่เพิ่งเดินจากไปก็อมยิ้มเล็กน้อย รู้สึกกระชุ่มกระชวยหัวใจอย่างบอกไม่ถูกที่ได้ทิ้งระเบิดให้ลูกจ้างสาวกังวล เขาอ่านข้อมูลในใบสมัครหมดแล้ว แปลกใจอยู่ไม่น้อยที่หญิงสาวซึ่งเรียนจบคณะบริหารธุรกิจเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาสมัครเป็นคนงานเก็บส้ม
ถึงแม้เธอจะอ้างว่าเพิ่งเรียนจบไม่อยากเลือกงานก็เถอะ แต่มันแปลกเกินไปเพราะขนมเบื้องสามารถหางานอื่นทำได้สบาย ๆ อีกอย่างเธอเป็นลูกสาวเจ้าของร้านทอง ไม่จำเป็นต้องหางานทำก็ได้
แล้วทำไมถึงยอมมาทำงานในไร่ของเขาถ้าไม่มีจุดประสงค์แอบแฝง และเขาก็ต้องสืบรู้ให้ได้ว่าเธอเข้ามาทำไม!
การทำแปลงผักของสองหนุ่มสาวผ่านไปอย่างทุลักทุเลเพราะขนมเบื้องไม่เคยหยิบจับอะไรมาก่อน จอบก็ไม่เคยจับ เสียมก็ไม่เคยสัมผัส แล้วไหนจะท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ นั่นอีก จนชายหนุ่มต้องลงมาทำเองแล้วไล่ให้เธอไปยืนดูข้าง ๆ
“แค่นี้ก็ทำไม่ได้ ผมจะสอนอีกครั้งเดียวแล้วคุณต้องลงมือทำเอง”
“รับทราบค่ะบอส รอบนี้หนูจะตั้งใจดูและปฏิบัติอย่างเคร่งครัด”
คินส่ายหัวเบา ๆ ให้แก่ความทะเล้นของสาวน้อยร่างบางที่เอามือขึ้นมาตะเบ๊ะ ทำเหมือนเขาเป็นหัวหน้าทหารที่กำลังสั่งลูกน้องไปได้
ชายหนุ่มค่อย ๆ สอนหญิงสาวให้ทำทีละอย่างจนครบและปล่อยให้เธอทำเอง ขนมเบื้องถางหญ้า ขุดดิน ตามคำสั่งอย่างไม่อิดออด ถึงแม้งานจะเหนื่อยแต่เธอต้องสู้เพื่ออนาคตอันสดใส
การได้แต่งงานกับคินย่อมดีกว่าการแต่งงานชัยนนท์แน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ คิดได้อย่างนั้นเรี่ยวแรงที่กำลังจะหมดลงก็กลับมามีพลังอีกครั้ง จนสุดท้ายแปลงผักแปลงใหม่ก็ประสบผลสำเร็จ
“เก่งเหมือนกันนี่เรา นึกว่าจะทำไม่ได้ซะแล้ว” เขาชมจากใจจริง เห็นเธอบอบบางเป็นลูกคุณหนูนึกว่าจะเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ
“ดูถูก คนอย่างขนมเบื้อง ถ้าตั้งใจแล้วไม่ท้อง่าย ๆ หรอกบอกเลย”
“แล้วผมจะคอยดู ไปกินข้าวเถอะ กินข้าวเสร็จคุณจะได้ช่วยป้ามะลิล้างถ้วย ล้างจาน”
“โอเคค่ะบอส โอ๊ย ซี้ดดดดด”
“เป็นอะไร เจ็บตรงไหน” เขารีบเข้ามาดูหญิงสาวด้วยความตกใจ
“โอ๊ย จับเบา ๆ ค่ะหนูเจ็บ” เธอร้องอีกครั้งเมื่อชายหนุ่มคว้ามือทั้งสองข้างไปดู คิ้วหนาถึงกับขมวดเข้าหากันอย่างไม่สบอารมณ์ มือของคนตัวเล็กช่างบอบบางเหลือเกิน ใส่ถุงมือหนาแล้วก็ยังเจ็บอีกจนได้
“ขนาดมีถุงมือยังพองเลย เฮ้อ ผิวบางไปนะเรา”
“ก็คนไม่เคยทำนี่ ทายาก็หายค่ะ”
“งั้นเข้าบ้าน เดี๋ยวผมหายามาทาให้เอง” เสียงเข้มเหมือนจะไม่พอใจถูกปล่อยออกมาจากลำคอแกร่งแล้วเดินดุ่ม ๆ ไปตามทางอย่างรวดเร็ว ทำให้ขนมเบื้องต้องรีบซอยเท้าวิ่งตามไปด้วยอีกคน
หญิงสาวแอบดีใจไม่น้อยที่สวรรค์เริ่มเปิดช่องให้ตนเองเข้าใกล้ชายหนุ่มมากขึ้น แม้ต้องแลกด้วยการเจ็บมือแต่เธอก็โอเค เพราะงานนี้หนูเบื้องจะอ่อยให้สุดความสามารถอย่างที่ไม่เคยใช้กับใครมาก่อนในชีวิต งานอ้อนต้องมาแล้ว
‘พี่เสร็จหนูแน่ หึ ๆ’
ภายในห้องนั่งเล่นของบ้านหลังใหญ่ ทันทีที่เดินเข้ามาเจ้าของบ้านก็รีบสั่งให้เธอไปนั่งบนโซฟา ส่วนตัวเขาหายไปครู่เดียวก็กลับมาพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาล จากนั้นหยิบยาและอุปกรณ์ต่าง ๆ ออกมาวางบนโต๊ะแล้วเริ่มลงมืออย่างคล่องแคล่ว
“แสบสักหน่อยนะ”
“ค่ะ แต่คุณคินเบา ๆ มือหน่อยนะคะ หนูไม่อยากร้องไห้”
“ทำแผลแค่นี้ก็ต้องร้องไห้ด้วยเหรอ”
“ร้องสิคะ แผลแบบนี้แสบจะตาย ซี้ด เบา ๆ หน่อยค่ะ อื้อ เจ็บ”
“เบาแล้ว เบาที่สุดในชีวิตแล้วครับคุณผู้หญิง”
เขาพูดในขณะที่มือกำลังตั้งใจทายาให้คนเจ็บ สายตาก็มัวแต่มองบาดแผลจึงไม่เห็นดวงตากลมโตของเจ้าหล่อนที่กำลังมองคุณหมอจำเป็นด้วยความชื่นชม คิดไม่ผิดจริง ๆ ที่ตัดสินใจจับเขาทำสามี ผู้ชายแสนดีแบบนี้หาได้ง่าย ๆ ที่ไหนกัน
“ซี้ด เจ็บ ๆ เบา ๆ หน่อยค่ะคุณคินขา หนูเจ็บ”
“ครับ ทนอีกนิด”
“ซี้ด เจ็บจังค่ะ คุณคิน”
“เสร็จแล้ว เฮ้อ เอาเป็นว่าต่อไปคุณไม่ต้องทำสวนแล้ว แค่ไปรดน้ำใส่ปุ๋ยก็พอ”
“จริงหรือคะ หนูไม่ต้องไปขุดดิน ถางหญ้า ไม่ต้องจับจอบ?”
“อืม” เห็นอาการดีใจของลูกจ้างสาวแล้ว ชายหนุ่มจึงตอบสั้น ๆ พร้อมกับพยักหน้า ช่วยไม่ได้ เธอบอบบางเกินไป แค่ให้รดน้ำพรวนดินไม่รู้จะมีแผลอีกไหม
คิดได้อย่างนี้ใบหน้าหล่อเหลาก็เริ่มตึง ๆ รู้สึกอยากเปลี่ยนคำพูดขึ้นมาเสียงั้น แต่ความคิดเป็นอันต้องหยุดลงเมื่อได้ยินเสียงดีใจเกินเหตุของขนมเบื้อง และลืมไปสนิทเมื่อโดนคนตัวเล็กกระโดดกอดคออย่างไม่ทันตั้งตัว
“เย้ คุณคินใจดีจัง”
ด้วยความดีใจทำให้ขนมเบื้องกระโดดขึ้นไปนั่งบนตักของว่าที่สามี(มโน) แล้วกอดเขาทั้งตัว ชายหนุ่มถึงกับตัวเกร็งที่โดนสาวน้อยกอดโดยเฉพาะช่วงล่างที่แข็งขึ้นมาดื้อ ๆ เหมือนมีคนไปปลุกให้มันตื่น
หัวใจก็เต้นตึก ๆ ไม่เป็นจังหวะ ร่างกายของเขาขนลุกซู่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเมื่อเนื้ออวบอิ่มที่ซุกซนอยู่ในบราตัวสวยบดเบียดตรงอกแกร่งของตนเอง
ผู้ชายที่ห่างหายเรื่องอย่างว่ามานานพอสมควรถึงกับหายใจไม่ทั่วท้องหลังจากหญิงสาวขึ้นมานั่งบนตัก
‘หุ่นมัธยมแต่นมมหาลัยชัด ๆ แม่เจ้าโว้ย เด็กมันมีของ’
“คะ… คุณ ผมว่าลงไปก่อนดีกว่า”
“อุ๊ย หนูขอโทษค่ะคุณคิน อะ… อะไรแข็ง ๆ ทิ่มตูดหนู”
หญิงสาวกำลังจะเคลื่อนย้ายสะโพกงอนงามลงจากตักของชายหนุ่ม แต่รับรู้ถึงวัตถุแข็ง ๆ ที่กำลังทิ่มตูดจึงเงยหน้าถามคนตัวโตซึ่งกำลังหน้าแดงก่ำคล้ายกำลังพยายามระงับอารมณ์ หายใจติดขัดเหมือนคนป่วย
คินไม่คิดเลยว่าแค่สัมผัสเนื้อตัวกับได้กลิ่นหอม ๆ ของเธอ ร่างกายจะมีปฏิกิริยาถึงเพียงนี้ เพราะปกติเขาไม่ตื่นตัวง่าย ๆ มันต้องใช้เวลาเจ้าดุ้นยักษ์ถึงจะพร้อมรบ แต่นี่ไม่ใช่เลย ผิดวิสัยของเขามาก
“อย่าเพิ่งขยับ อย่าลงตอนนี้ นั่งนิ่ง ๆ ก่อน”
“ละ แล้วอะไรทิ่มตูดหนู ยะ… อย่าบอกนะว่า”
“...”
เจ้าของดุ้นยักษ์ที่กำลังทิ่มตูดสาวน้อยหุ่นมัธยมนมมหาลัยไม่เปล่งเสียงออกมาเป็นคำตอบ แต่ใช้การพยักหน้าให้แทนแบบว่า ‘อืม ใช่ตามที่คุณคิด’ทำให้ขนมเบื้องถึงกับตาโตแล้วปล่อยเสียงกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจ
แต่เสียงหวาน ๆ ของเธอกลับถูกชายหนุ่มอุดไว้ไม่ให้เล็ดลอดออกมาอย่างทันท่วงทีก่อนที่คนในบ้านจะแห่กันมาดู
และเขาไม่ได้อุดธรรมดาแต่ใช้ปากอุด ทำให้หญิงสาวซึ่งถูกจูบครั้งแรกในชีวิตถึงกับเป็นลมหมดสติอยู่ในอ้อมกอดของว่าที่สามี (มโน) อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“ขนมเบื้อง! ขนมเบื้อง”