บทที่ 2

1177 Words
“ต้องทำยังไง พี่ถึงจะได้ความทรงจำกลับคืนมา” ขวัญข้าวกลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง กับคำถามปนสะอื้นจากพี่สาว เธอพยายามกะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่หยาดน้ำตาให้เหือดแห้ง ก่อนจะเอ่ยตอบคำถามของพี่สาว “คุณหมอบอกข้าวว่า ต้องกระตุ้นความทรงจำด้วยการพูดถึงเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านๆ มา ทั้งเรื่องของเราสองคนเคยไปเที่ยวด้วยกัน หรือกิจกรรมต่างๆ ที่ข้าวกับพี่แสนชอบทำ หรือไม่ก็เอาภาพถ่ายเก่าๆ ที่พี่แสนถ่ายไว้มาให้พี่แสนดู สิ่งเหล่านั้นจะช่วยกระตุ้นให้พี่แสนนึกถึงเรื่องในอดีตที่ผ่านมา ความทรงจำอาจจะกลับคืนมาในที่สุดค่ะ” “ข้าวต้องช่วยพี่นะ” แสนขวัญจับยึดต้นแขนของน้องสาวไว้แน่น ขณะเอ่ยขอร้องเสียงสั่นเครือ “พี่อยากให้ความทรงจำกลับคืนมาโดยเร็วที่สุด พี่ไม่อยากอยู่อย่างทรมาน ไม่อยากให้ฝันร้ายตามหลอกหลอนพี่ในทุกคืน” “ค่ะ ข้าวจะช่วยพี่แสนแน่นอนค่ะ แต่พี่แสนนอนก่อนนะคะ ตอนนี้เพิ่งตีสี่เองค่ะ” ขวัญข้าวรับคำ พยายามโน้มตัวพี่สาวให้เอนกายลงนอนเหมือนเดิม แต่อีกฝ่ายส่ายหน้าปฏิเสธแถมยังขืนตัวไว้ด้วย “พี่ไม่อยากนอน ไม่อยากหลับตาลง พี่กลัวความฝันเหล่านั้นจะกลับมาอีก” สีหน้าของแสนรักซีดเซียว ดวงตาอันแดงก่ำเผยความหวาดหวั่นให้เห็น “ไม่ต้องกลัวนะคะ ข้าวจะนอนข้างๆ พี่แสน จะจับมือพี่แสนไว้ทั้งคืน ฝันร้ายจะไม่กลับมาทำร้ายพี่แสนอีกแน่นอนค่ะ” ขวัญข้าวเอ่ยปลอบ จับกุมมือเย็นของพี่สาวไว้ตลอดเวลา “พี่ปวดหัว เอายาแก้ปวดให้พี่ก่อน” แสนขวัญเอ่ยบอกพร้อมกับนิ่วหน้า เมื่ออาการปวดหัวเริ่มเล่นงานหนักจนต้องหลุดเสียงครางออกมาเบาๆ “ค่ะๆ ข้าวจะเอายาให้เดี๋ยวนี้ค่ะ” ขวัญข้าวกระโจนลงจากเตียงนอน คว้ายาแก้ปวดชนิดเฉียบพลันซึ่งวางไว้บนโต๊ะเล็กข้างเตียง มายื่นให้พี่สาวหนึ่งเม็ด พร้อมกับยื่นน้ำดื่มให้ด้วย “ยาได้แล้วค่ะ” แสนขวัญรีบรับยามากลืนเข้าลำคออย่างรวดเร็ว แทบไม่ต้องดื่มน้ำตามด้วยซ้ำ หญิงสาวชินกับการกินยาแก้ปวดชนิดเฉียบพลันโดยไม่มีน้ำดื่มกลั้วคอ เพราะคราใดที่ถูกอาการปวดหัวเล่นงานอย่างหนัก เธอต้องกลืนยาลงคอให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นจะปวดหัวรุนแรงถึงขั้นหมดสติได้ “ข้าว...นอนใกล้ๆ พี่นะ...” แสนขวัญเอ่ยขอร้องเสียงแผ่วเบา ในยามนี้หญิงสาวแลดูไม่ต่างจากเด็กตัวเล็กๆ ซึ่งหวาดกลัวกับการต้องนอนอยู่เพียงลำพัง “ค่ะ ข้าวจะนอนอยู่ใกล้ๆ พี่แสนค่ะ” ขวัญข้าวคลี่ยิ้มให้ โน้มร่างบางให้เอนกายลงนอน ซึ่งคราวนี้แสนขวัญยอมนอนลงไปบนเตียงแต่โดยดี “หลับนะคะ พี่แสน ไม่ต้องกลัวนะคะ” แสนขวัญยังคงถูกความหวาดกลัวเกาะกุมอยู่ทั่วหัวใจ แต่ก็ฝืนหลับตาลง พร้อมกับภาวนาให้ความทรงจำกลับคืนมาโดยเร็วที่สุด เธออยากรู้ว่าเจ้าของน้ำเสียงที่บอกรักและไล่เธอในคราวเดียวกันคือใคร และที่สำคัญ...เขาใช่พ่อของลูกที่เธอต้องสูญเสียไปแล้วหรือไม่... แสนขวัญตื่นในตอนเช้าของวันถัดมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีหนัก ใบหน้าซีดเซียว ขอบตาลึกโบ๋ เพราะเมื่อคืนกว่าจะข่มตาให้หลับลงได้ก็จวนรุ่งสางแล้ว พอเดินออกจากห้องนอน ก็ได้ยินเสียงของน้องสาวคุยกันกับเด็กสาวข้างๆ บ้าน ที่ได้ว่าจ้างให้มาดูแลเธอในช่วงกลางวันระหว่างขวัญข้าวออกไปทำงาน “ข้าว จะไปทำงานแล้วหรือ” คนที่ถูกเอ่ยถามเงยหน้ามองพี่สาว ก่อนจะผุดลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปประคองร่างบอบบางให้มาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ใกล้ๆ กัน “ค่ะ พี่แสน วันนี้ที่บริษัทมีประชุมทั้งวัน ข้าวต้องรีบไปเตรียมเอกสารหลายอย่างให้บอสนะคะ” ขวัญข้าวทำงานกับบริษัทชาวต่างชาติจากอเมริกา ที่มาเปิดสาขาอยู่ในประเทศไทย เธอเป็นเลขาฯ ส่วนตัวให้กับมิสเตอร์ไบรอัน ผู้เป็นเจ้าของบริษัท ซึ่งงานในแต่ละวันมีมากมายจนแทบกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ “พี่อยากกลับไปทำงาน จะได้ช่วยแบ่งเบาภาระของข้าวด้วย” แสนขวัญเอ่ยบอกเสียงเศร้า ตั้งแต่ถูกรถชนกระทั่งออกมาพักฟื้นอยู่ในบ้านได้เกือบสองเดือนแล้ว เธอเป็นภาระให้น้องสาวต้องดูแลทุกอย่าง รวมทั้งจ้างเด็กสาวชื่อแก้วตาให้มาคอยดูแลด้วย “พี่แสนอย่าเพิ่งกลับไปทำงานเลยนะคะ พักรักษาตัวก่อน เอาไว้ให้พี่แสนหายดีจริงๆ ค่อยกลับไปทำงานก็ยังไม่สายค่ะ” ขวัญข้าววางมือทาบทับไปบนมือเล็กของพี่สาว แล้วเอ่ยปลอบติดกลั้วเสียงหัวเราะ “ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายภายในบ้านค่ะ เงินเก็บของพี่แสนกับของข้าวรวมกันแล้ว พวกเรายังสามารถอยู่ได้สบายๆ เป็นปี โดยพี่แสนไม่ต้องทำงานเลย ให้ข้าวทำงานคนเดียวก็ยังไหวค่ะ” “พี่รู้...แต่ถ้าหากได้กลับไปทำงาน จะทำให้พี่ไม่ต้องมีเวลามานั่งคิดถึงเรื่องฝันร้ายเหล่านั้น” ใช่! หากได้ทำงาน เธอจะได้พุ่งสมาธิไปกับงานที่อยู่ในมือ ไม่ต้องมาคิดถึงถ้อยคำที่ถูกผู้ชายในฝันด่าทอขับไสไล่สงเธอให้ไปจากชีวิตของเขา ขวัญข้าวไม่ทันได้เอ่ยห้ามพี่สาวเรื่องการกลับไปทำงานอีกครั้ง ก็มีเสียงหวานๆ ดังแว่วมาจากประตูห้องครัวเสียก่อน “ใครจะไปทำงานจ๊ะ เมื่อสักครู่พี่ได้ยินไม่ค่อยชัดสักเท่าไร” แสนขวัญและขวัญข้าวหันไปมองตามที่มาของน้ำเสียง และเป็นขวัญข้าวที่เอ่ยทักทายเจ้าของร่างโปร่งบางสุดเซ็กซี่คนนี้ “สวัสดีค่ะ พี่เนตร วันนี้มาแต่เช้าเลยนะคะ” “อรุณสวัสดิ์จ้า น้องข้าว” เนตรทรายทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับสองพี่น้อง แล้วเอ่ยตอบคำถามในก่อนหน้านี้ของขวัญข้าว “วันนี้พี่มาชวนพี่สาวของน้องข้าวไปซื้อเสื้อผ้าและก็เข้าร้านเสริมสวยด้วยกัน เพราะเย็นนี้มีงานเลี้ยงรุ่นในโรงแรมจ้ะ” “จริงด้วยสิ ข้าวลืมซะสนิทเลย” ขวัญข้าวร้องเสียงหลง เพราะยุ่งกับงานเลขาฯ จึงลืมเรื่องงานเลี้ยงรุ่นซะสนิทใจ กระทั่งไม่ได้เอ่ยเตือนพี่สาว “เพราะมั่นใจว่าน้องข้าวลืมยังไงล่ะ พี่ถึงต้องรีบมาแต่เช้า” ขณะเอ่ยบอก เนตรทรายก็หันไปคลี่ยิ้มให้กับแสนขวัญ ซึ่งเอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD