ตลอดช่วงบ่ายธิดาดอยได้ชมความหล่อเหลาของบุรุษน่าเกรงขามที่เธอเพิ่งรู้ว่า ที่แท้เขาคือองค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์หมิง พระนามว่า หมิงหยางเต๋อ และเรื่องที่น่าตกใจมากอีกเรื่องก็คือ เธอย้อนอดีตมาอยู่ในราชวงศ์หมิงที่ระยะห่างของกาลเวลาเกือบสี่ร้อยปี นกหงส์หยกตัวสวยถึงกับมึน แต่ก็ยอมรับในโชคชะตา แม้ว่าในใจหวั่นว่า จะได้กลับไปยุคที่ตนจากมาหรือไม่ หรือต้องเป็นนกหงส์หยกในกรงทองขององค์รัชทายาทจอมโหดคนนี้ไปจนตัวตาย
เฮ้อ...ธิดาดอยถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เจ้าถอนหายใจเป็นด้วยเหรอ เป็นนกจะหนักใจอะไร หรือว่าเจ้ามีความทุกข์” องค์รัชทายาทหมิงหยางเต๋อหันมาพูดกับนกหงส์หยกเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจ
ธิดาดอยถึงกับงงกับคำพูดของหนุ่มหล่อ ไม่คิดว่าเขาจะได้ยินเสียงถอนหายใจของตนด้วย
แต่เดี๋ยวก่อน เขารู้ได้อย่างไรว่าเธอถอนหายใจ องค์รัชทายาทไม่น่ารู้ เพราะไม่เคยมีนกตัวไหนในโลกถอนหายใจ หรือว่าเขาจะพูดกับสัตว์รู้เรื่อง แต่ก็ไม่น่าจะใช่อีก
‘แล้วจะตอบว่ายังไงล่ะ ตอบไปจะรู้เรื่องหรือเปล่า นกกับคนจะคุยกันรู้เรื่องได้ยังไง’
ระหว่างที่ธิดาดอยไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี หลิวกงกงได้เดินเข้ามาในห้องพร้อมขันทีและขุนนางอีกสองคน พวกเขามีสีหน้าเคร่งเครียด และยิ่งเห็นพระเนตรขององค์รัชทายาทก็ยิ่งเครียดใหญ่
“ว่าไง” องค์รัชทายาทหมิงหยางเต๋อตรัสถาม ขุนนางสวมชุดสีแดงโค้งคำนับเล็กน้อย บริเวณไรผมมีเหงื่อซึมออกมา
“คนที่ติดตามกลุ่มกบฏถูกฆ่าตายสี่คนพ่ะย่ะค่ะ ส่วนอีกหนึ่งคนได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้กำลังนอนรักษาตัวอยู่ในโรงหมอพ่ะย่ะค่ะ”
ปัง!...
‘ตาเถรตกใต้ถุน’ นกธิดาดอยอุทานในใจ แรงตบโต๊ะทำให้นกตัวน้อยตกใจ ความตกใจทำให้เธอเผลอปล่อยขาจากกิ่งไม้เล็กๆ ที่เขาสอดเข้ามาในกรงให้ตนได้ยืน ส่งผลให้เธอตกลงไปก้นจ้ำเบ้าอยู่บนพื้นกรง กลายเป็นนกเซ่อซ่าไปเลย พอได้สติก็บินมาเกาะกิ่งไม้ใหม่ มองดูองค์รัชทายาทกับขุนนางอย่างเงียบๆ
“ทำงานแค่นี้ให้พลาดได้ยังไง” องค์รัชทายาทตะเบ็งเสียงลั่น แววตาไม่พอพระทัย คนที่อยู่ในห้องพากันก้มหน้า ไม่มีใครกล้าสบพระเนตรเขาเลยสักคน “ข้าสั่งแล้วใช่ไหมว่า อย่าให้พลาด เพราะถ้าพลาดหมายถึงพวกมันรู้ตัว และเราจะไม่รู้เรื่องของพวกมัน ป่านนี้มันคงรู้ตัวแล้ว คราวนี้เราคงเข้าถึงตัวมันยากขึ้น”
“เราคงต้องหาวิธีอื่นพ่ะย่ะค่ะ” อำมาตย์คังพูดขึ้น
“กระหม่อมได้ข่าวมาว่า หัวหน้ากลุ่มกบฏมักไปหาความสำราญให้หอนางโลมเป่ยผิง กระหม่อมคิดว่า เราน่าจะหาข้อมูลได้จากที่นั่นพ่ะย่ะค่ะ” เสียงนี้เป็นเสียงของหานโจว ผู้ช่วยอำมาตย์คัง
“ข้าไม่สนใจว่า เจ้าสองคนจะหาข่าวให้ข้าด้วยวิธีไหน แต่ข้าต้องได้ข่าวภายในระยะเวลาที่ข้ากำหนด ไม่อย่างนั้นหัวเจ้าสองคนได้หลุดจากบ่าแน่”
องค์รัชทายาทไม่ได้ขู่ เขาทำจริงตามลั่นวาจา อำมาตย์คังกับลูกน้องถึงกับเหงื่อแตกกับคำขู่ที่น่าหวาดกลัวยิ่งนัก ทั้งสองก้มโค้งคำนับรับคำ และรีบเดินออกจากห้องโถงใหญ่ของตำหนักทันที เพื่อไปทำงานให้เสร็จตามกำหนดเวลาเส้นตาย
‘ป๊าด! พี่หล่อโหดแท้ แค่ไม่ได้ข่าวตามที่ต้องการถึงกับตัดหัว ถ้าทำงานไม่สำเร็จมีหวังถูกฆ่าเจ็ดชั่วโคตรแน่’
นกธิดาดอยพูดในใจ มองคนหล่อแต่ใจเผด็จการด้วยใจเต้นตึกตัก คิดในใจว่า ดีนะที่ตนเป็นนก ไม่ได้เป็นคน จึงทำให้องค์รัชทายาทกริ้วไม่ได้ ไม่งั้นคงได้เป็นนกหงส์หยกแดดเดียวแน่
“ค่ำนี้องค์รัชทายาทจะเสด็จไปตำหนักใดพ่ะย่ะค่ะ”
หลิวกงกงถามตามหน้าที่ องค์รัชทายาทมีพระชายานามว่า เสี้ยวหลาน พระชายารองฮุ้ยเตียว พระชายาสามนามว่า เห้อเหนียว
“ไม่ล่ะ ข้าอยากอ่านตำราที่เพิ่งได้มาใหม่มากกว่า”
พระพักตร์องค์รัชทายาทคล้ายมีความเบื่อหน่าย และดูเหมือนว่า หลิวกงกงจะเข้าใจความรู้สึกของเจ้านาย
“พ่ะย่ะค่ะ”
หลิวกงกงพยักหน้าให้ขันที ก่อนจะพากันเดินออกจากห้องโถง เพื่อไปดูความเรียบร้อยของเครื่องเสวยที่จะต้องนำมาขึ้นถวายให้องค์รัชทายาท
............................
แสงตะวันลับขอบฟ้าคือเวลาที่องค์รัชทายาทอ่านตำราเกี่ยวกับการปกครองอยู่ภายในห้องบรรทม ระหว่างที่เขากำลังนั่งอ่านตำรา เขาตวัดสายตามองไปยังกรงนกหงส์หยก นกเร่ร่อนบินมาเกาะขอบไม้ตรงศาลาริมสระบัวที่เขามักมานั่งพักผ่อน ด้วยความเชื่องและความน่ารัก องค์รัชทายาทจึงจับมันใส่กรง ให้อาหารและน้ำ ก่อนนำมันมาไว้ในห้องบรรทม
ดวงตาองค์รัชทายาทค่อยๆ เบิกกว้าง เมื่อนกหงส์หยกในกรงกำลังมีรูปลักษณ์เปลี่ยนไป กรงนกทำจากไม้แตกออกเป็นเสี่ยง เขาลุกขึ้นยืน สะบัดศีรษะหลายหน ขยี้ตาหลายครั้ง หยิกตัวเองด้วย เพื่อให้แน่ใจว่า ภาพที่เห็นไม่ใช่ความฝัน แต่มันคือความเป็นจริง ความเป็นจริงที่เหนือความคาดหมาย และไม่น่าเป็นไปได้
นกหงส์หยกกลายเป็นคน
“เฮ้ย!” องค์รัชทายาทร้องดังลั่น มองนกหงส์หยก เอ๊ย! ไม่ใช่สิ ตอนนี้กลายเป็นสตรีที่มีความงามล้ำเลิศ สรีระทรวงทรงงดงามไม่แพ้กัน มีส่วนเว้าส่วนโค้งที่เรียกเลือดเรียกลมให้เดือดพล่าน ส่วนกรงนกก็พังเป็นเศษไม้ชินเล็กชิ้นน้อย
ตาฟาด...ใช่ต้องตาฟาดแน่ๆ
ทว่าเสียงร้องของนกแปลงร่างกลายเป็นคนที่ค่อนข้างดัง ทำให้องค์รัชทายาทมั่นใจว่า ตนไม่ได้ตาฟาด มันเป็นเรื่องจริง
“ว้าย!” ธิดาดอยหรือเหมยตกใจไม่แพ้กัน เมื่อเห็นว่า ร่างกายของตนปราศจากเสื้อผ้า และตอนนี้ตนตกอยู่ในสายตาของหนุ่มรูปงาม ที่ตอนนั้นตนเป็นนกกำลังบินอยู่เหนือต้นไม้ พอเห็นความงามของบุรุษที่นั่งอยู่ในศาลา เธอก็รีบบินลงมาเกาะบนขอบไม้ มองดูความหล่อเขาในระยะใกล้
“เจ้า...เจ้าทำไมถึงเป็นคน”
เขาพูดเสียงสั่น มีความตกใจให้เห็นทั้งสีหน้าและน้ำเสียง มองอีกฝ่ายตาค้าง โดยเฉพาะเนื้อนมไข่ที่เห็น ชวนให้ขนลุกพิกล
เออนั่นสิ...ทำไมถึงเป็นคนได้หว่า
จำได้ว่าเป็นนกหงส์หยกนี่นา ชักงงซะแล้วสิว่า ตนเป็นนกหรือว่าเป็นคนกันแน่
“ไม่รู้ ข้าไม่รู้”
ธิดาดอยแปลกใจอยู่อีกอย่างคือ ภาษาที่ตนพูดออกไปไม่ใช่ภาษาไทย แต่เป็นภาษาจีนที่ตนพูดไม่เป็น แต่ตอนนี้พูดได้และฟังออก เป็นเรื่องที่ประหลาดใจมาก เป็นเช่นเดียวกับตอนเป็นนกหงส์หยก
ตอนนี้ธิดาดอยรู้สึกว่า ตัวเธอร้อนผ่าว รุมร้อนจากสายตาขององค์รัชทายาทที่มองมาที่ตนราวกับจะกลืนกิน ธิดาดอยใช้แขนทั้งสองข้างไขว้กันปิดทรวงอกทั้งสองข้าง ย่อตัวนั่งยองเพื่อไม่ให้เขาเห็นสรีระเธอแบบเต็มตัว
เหลือเชื่อ!
องค์รัชทายาทมองนกที่กลายเป็นคนนิ่งค้าง ในความคิดของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความสับสน ไม่เข้าใจว่า นกจะกลายเป็นคนได้อย่างไร แถมเป็นคนที่มีความงดงามมาก ทรวดทรงองค์เอวสวยงาม เขาเห็นผู้หญิงเปลือยกายมานักต่อนัก แต่ไม่มีใครทำให้หัวใจเต้นแรงเช่นนางคนนี้มาก่อน
“เจ้าเป็นภูตผีหรือไม่ก็ปีศาจใช่ไหม”
องค์รัชทายาทเอ่ยถาม ทว่าในใจกลับคิดว่า ไม่ว่าสาวตรงหน้าจะเป็นอะไร ขอให้รู้ไว้ว่า เขาอยากจับเธอทำเมียเป็นที่สุด
เอ...จับทำเมียดีไหมเนี่ย คนแอบหื่นคิดในใจ
“ท่านอย่าเพิ่งอยากรู้อะไรมากได้ไหม ไปหาเสื้อผ้ามาให้ข้าก่อน เสื้อคลุมหรืออะไรก็ได้” คนร่างเปลือยบอกชายรูปงามที่เวลานี้ฉีกยิ้มกว้าง
“ข้าว่า เจ้าอยู่อย่างนี้ก็ดีนะ น่ามองดี” ธิดาดอยหน้าแดง ตัวสั่นด้วยความอาย
“ลามก” องค์รัชทายาทเลิกคิ้วสงสัยกับคำพูดของธิดาดอย ที่ฟังแล้วไม่เข้าใจว่าคืออะไร
“ลามกมันคืออะไร ชื่อเจ้าหรือ”
นกกลายเป็นคนถึงกับกรอกตาขึ้นบน เธอไม่อยากอธิบายอะไรมาก ไม่อยากพูดกับเขาด้วย ตอนนี้เธออยากได้อะไรสักอย่างที่อาจเป็นเสื้อคลุมหรือว่าผ้าห่มมาปิดบังกาย ถ้าไม่รีบหาอะไรมาปิดคงได้เป็นอาหารตาองค์รัชทายาทจอมหื่นแน่ๆ หรือไม่ก็ถูกปล้ำ เพราะดูจากสายตาเขา เธอ ‘รอด’ ยาก
แต่ยังไม่ทันที่ธิดาดอยจะเอ่ยคำใด เสียงอันน่าตื่นเต้นของหลิวกงกงดังขึ้นหน้าประตู
“เกิดอะไรขึ้นพ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท ทรงร้องทำไมพ่ะย่ะค่ะ”
คนที่อยู่ในห้องสองคนตกใจ ไม่คิดว่าหลิวกงกงจะได้ยินเสียงอุทานนั้น องค์รัชทายาทรีบคว้าผ้าห่มบนเตียงมาปกปิดเรือนร่างเปล่าเปลือยของธิดาดอย พอมีอะไรคลุมกายธิดาดอยลุกขึ้นยืน มองสลับระหว่างองค์รัชทายาทกับประตูห้อง
“ไม่มีอะไร ข้าแค่ตกใจของหล่น” องค์รัชทายาทแก้ตัว
“แน่ใจนะพ่ะย่ะค่ะ” หลิวกงกงถามย้ำ
“เจ้าไปพักผ่อนได้แล้ว และไม่ต้องให้ใครเข้ามารบกวนข้า”
“พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท”
หลิวกงกงเดินถอยหลังห่างประตูห้องบรรทมองค์รัชทายาท แต่ก็ไม่ได้ละทิ้งความสงสัยเรื่องเสียง ‘ว้าย’ ที่เขาได้ยินเป็นเสียงของผู้หญิง แต่จะว่าไปก็ไม่มีสตรีคนใดเคยเข้ามาในห้องนี้ แม้แต่พระชายาก็ยังไม่เคยได้เข้ามา แล้วเสียงนั้นเป็นเสียงของใคร