เกือบรุ่งสาง
หมิงหยางเต๋อลุกขึ้นนั่งมองไปยังร่างของธิดาดอยที่ตอนนี้หลับสนิทบนเตียง ท่านอนของเธอเรียกรอยยิ้มให้เขาได้ไม่น้อย ธิดาดอยนอนอ้าปากน้ำลายไหลเป็นทางตรงมุมปาก เป็นภาพการนอนที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกทุเรศตรงกันข้าม น่ารักน่าหยิกอย่าบอกใคร
เมื่อคืนนี้เป็นคืนแรกที่องค์รัชทายาทนอนหลับฝันดี หลับอย่างมีความสุข เตียงนอนที่ตนนอนอยู่ทุกคืนไม่เคยมีสตรีใดได้นอน แม้แต่พระชายาเสี้ยวหลานก็ยังไม่เคยย่างกายเข้ามาในห้องบรรทม ธิดาดอยเป็นสตรีคนแรก และเป็นคนแรกที่เขานอนกอดเฉยๆ โดยไม่ทำอะไร
เรื่องเล่าที่ผ่านปากธิดาดอยเมื่อคืนนี้ บางเรื่องเขาก็เข้าใจ แต่บางเรื่องก็ไม่ คำพูดคำจาของเธอก็เป็นอีกเรื่องที่เขางุนงง เกิดความสงสัยว่า มันหมายความว่าอย่างไร แน่นอนว่าเขามีคำถามถามกลับในส่วนที่ไม่เข้าใจ แต่ก็เช่นเคย พอได้รับคำตอบก็เข้าใจเพิ่มขึ้นบ้าง และบางเรื่องก็งงเช่นเดิม บางเรื่องไม่เข้าใจมากกว่าเดิม
เสียงของธิดาดอยเป็นอีกเรื่องที่เขาชอบ เธอพูดเก่ง เจื้อยแจ้วแต่ไม่น่ารำคาญ พูดมากจนหลับไม่รู้ตัว ความที่เธอเผลอหลับไป เป็นโอกาสของเขาที่จะทำในเรื่องที่ปรารถนามาเป็นชั่วยาม องค์รัชทายาทชะโงกหน้ามองคนหลับสนิท ก่อนจะกดจมูกลงบนแก้มของธิดาดอย สูดดมความหอมจากแก้มนวลเข้าไปเต็มปอด แล้วก็นอนมองหน้านวลจนหลับไป
เหตุผลที่องค์รัชทายาทตื่นมานั่งมองธิดาดอยเพราะอยากรู้ว่า เธอจะกลายร่างเป็นนกหรือไม่ ถ้าหากเธอกลายร่างจริง เขาก็อยากเห็นกับตาตัวเอง จะได้มั่นใจว่า ตนเองสันนิษฐานไม่ผิด จวนเวลารุ่งสางไปทุกขณะ หัวใจหมิงหยางเต๋อเต็มไปด้วยความตื่นเต้นกับภาพที่กำลังเกิดขึ้น
ทันทีที่แสงแรกของวันโผล่ขึ้นขอบฟ้า ร่างกายธิดาดอยที่ปกปิดด้วยผ้าห่มเปลี่ยนไป ร่างเธอค่อยๆ หดตัวและกลายเป็นนกหงส์หยกที่นอนอยู่บนหมอนหนุนหัว องค์รัชทายาทมองภาพนั้นด้วยความตื่นตาตื่นใจ เป็นเรื่องมหัศจรรย์อีกเรื่องในชีวิต ยังรู้สึกไม่คุ้นชินกับการกลายร่างไปมาของธิดาดอย
“กลางวันเป็นนก กลางคืนเป็นคนจริงด้วย” เขาพูดเมื่อเห็นกับตาตัวเอง มองนกหงส์หยกที่ยังคงหลับอยู่ไม่วางตา ช่วงขณะนั้นเขาคิดอะไรบางอย่างได้ จึงรีบเรียกขันทีที่เฝ้าอยู่หน้าประตูห้อง ให้ไปตามหลิวกงกงมาพบตน
หลิวกงกงเดินเข้ามาในห้ององค์รัชทายาททันทีที่ถูกเรียกตัว พอเข้ามาในห้องบรรทมก็พบว่า ซากกรงนกกระจัดกระจายเต็มพื้นห้อง ก่อนมองนกหงส์หยกที่เกาะอยู่บนบ่าขององค์รัชทายาท
“เกิดอะไรขึ้นพ่ะย่ะค่ะ ทำไมกรงนกถึงได้พังกระจายเช่นนี้” หลิวกงกงถาม
“ข้าเผลอเหยียบมันน่ะ มันก็เลยเป็นแบบนี้” หมิงหยางเต๋อตอบ “ที่ข้าเรียกเจ้ามาหาเพราะอยากให้เจ้าสั่งช่างไม้ของวังให้ทำกรงนกให้ข้าใหม่ เอาแบบใหญ่พอที่คนจะเข้าไปอยู่ได้”
หลิวกงกงมีสีหน้าสงสัยกับคำถาม
“ใหญ่เท่าคนเข้าไปอยู่ได้หรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่ ข้าต้องการแบบนั้น” องค์รัชทายาทตอบกลับก่อนให้เหตุผลเพื่อไม่ให้หลิวกงกงสงสัยหรือมีคำถามต่อ “ข้าอยากให้นกของข้ามีที่บินกว้างๆ ไม่ใช่อยู่ในกรงเล็กๆ มันทำให้ข้ารู้สึกอึดอัดแทน”
“พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท”
คำตอบขององค์รัชทายาททำให้ความสงสัยของหลิวกงกงหมดไป เขารับคำพร้อมโค้งคำนับเล็กน้อย
“ข้าอยากได้ก่อนตะวันตกดิน”
“พ่ะย่ะค่ะ” หลิวกงกงรับคำสั่ง “เช้านี้องค์รัชทายาทจะไปเสวยอาหารเช้าที่ตำหนักไหนพ่ะย่ะค่ะ”
“ตำหนักข้านี่แหละ อ้อ...เตรียมอาหารนกให้ข้าด้วยนะ ข้าจะกินกับเหมยเหมย”
หมิงหยางเต๋อตั้งชื่อให้นกหงส์หยกว่าเหมยเหมย ตามชื่อเล่นของธิดาดอยที่บอกกับเขาเมื่อคืนนี้ ใบหน้าหลิวกงกงมีรอยยิ้มบางๆ อมยิ้มเมื่อเห็นองค์รัชทายาทหยอกล้อกับนกหงส์หยก เป็นภาพที่ดูแล้วอบอุ่น และไม่ได้เห็นบ่อยนัก
“พ่ะย่ะค่ะ” หลิวกงกงพูดจบ ก็เดินถอยหลังเดินออกจากห้องบรรทมของคนเป็นนาย เพื่อไปทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด
“เหมยเหมย เจ้าอย่าบินไปเกาะบ่าใครนะ เจ้าต้องเกาะบ่าข้าคนเดียว” องค์รัชทายาทเกิดความหวงนกตัวน้อยขึ้นมา เขาจึงสั่งด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“จิ๊บๆ” ธิดาดอยรับคำ
“วันนี้ข้าต้องเข้าท้องพระโรง เจ้าไปกับข้านะ” เขาคิดว่า ต่อจากนี้ไป เขาไปไหน นกหงส์หยกไปที่นั่น จะไม่ห่างกันสักนาทีเดียว “ข้าจะไปอาบน้ำ เจ้าไปกับข้าด้วยนะ ข้าไม่อยากห่างเจ้า”
ธิดาดอยที่ฟังภาษาเขารู้เรื่อง รีบบินหนีทันที แม้ว่าเธอจะเป็นนกแต่ก็ไม่คิดเข้าไปดูเขาอาบน้ำ แค่เรื่องเมื่อคืนก็อายจะแย่ ดีนะที่พอเช้ามาตนรู้ว่าตัวเองกลายเป็นนก นั่นหมายความว่า เรื่องที่เขาสันนิษฐานเป็นความจริง
องค์รัชทายาทยิ้มเมื่อเห็นนกหงส์หยกบินไปเกาะขอบโต๊ะ เธอคงจะกลัวเขามากถึงได้บินหนีไป ไม่คิดว่านกหงส์หยกจะอายกับเขาเป็น อยู่ๆ เขาก็คิดอะไรขึ้นมาได้ ในเมื่อนกหงส์หยกขี้อายดีนัก อย่างนี้ต้องแกล้งเสียให้เข็ด
ตายละหว่า...เขาทำอะไรน่ะ
ธิดาดอยในร่างนกหงส์หยกคิดในใจ เมื่อเห็นองค์รัชทายาทถอดเสื้อผ้าต่อหน้านกสวยๆ อย่างเธอ ไม่ถอดเปล่ายังส่งยิ้มหล่อบาดใจให้เธออีกด้วย ดวงตานกหงส์หยกเบิกกว้างนิดๆ หลังจากเขากำลังกำจัดอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายออกจากร่าง วินาทีนั้นนกหงส์หยกรีบหมุนตัวหันหลังหนี ไม่เพียงแค่หันหน้าหนีเรือนร่างสมบูรณ์สมเป็นชายชาตรี นกหงส์หยกยังบินขึ้นไปเกาะอยู่บนขอบหน้าต่าง หันหน้ามองไปยังเบื้องหน้า ไม่หันมามองหมิงหยางเต๋อที่ยืนยิ้มด้วยความเอ็นดูนกตัวน้อย
คนบ้า คนผีทะเล ไม่อายฟ้าดิน...
นกหงส์หยกเหมยเหมยบ่นงึมงำในใจ คิดในใจว่าหากอยู่ที่นี่ไปนานๆ ไม่หัวใจวายตายเพราะความหล่อปนหื่นของเขาก็ต้องเป็นตากุ้งยิงแน่นอน
....................
เหล่าขุนนางน้อยใหญ่ รวมทั้งขันทีที่อยู่ในท้องพระโรงต่างพากันมององค์รัชทายาทที่วันนี้สีหน้าต่างจากทุกครั้ง เมื่อวานรวมถึงวันก่อนๆ พระพักตร์ขององค์รัชทายาทจะเรียบเฉย บางครั้งก็บึ้งตึงใส่ เพียงแค่วางหน้าเฉยๆ ก็มีแต่คนเกรงกลัว รวมกับน้ำเสียงที่ฟังแล้วขนลุกซู่ ติดน่ากลัว ฟังแล้วแลดูมีอำนาจ มีแต่คนยำเกรง ทว่าวันนี้พระพักตร์องค์รัชทายาทมีรอยยิ้ม แถมพูดคุยกับนกหงส์หยกด้วยน้ำเสียงไพเราะ ไร้ความกระด้าง พวกเขาพลอยได้รับอานิสงค์ไปด้วย
“อำมาตย์หลี่ ท่านมีเรื่องอะไรจะพูดก็รีบพูดมา ข้ารอฟังอยู่” หมิงหยางเต๋อพูดกับอำมาตย์หลี่ฮั้ว ก่อนหันมาพูดกับนกหงส์หยกเหมยเหมย “เจ้าจะกินส้มไหม ข้าจะป้อนให้”
องค์รัชทายาทพูดจบก็หยิบส้มขึ้นมา ก่อนฉีกเป็นสองชิ้น แล้วนำไปไว้ตรงปากเหมยเหมย เพื่อให้นกน้อยได้จิบน้ำผลไม้จากกลีบส้ม อำมาตย์กุยฮัวที่รั้งตำแหน่งอำมาตย์ฝ่ายซ้าย มองหน้าขุนนางพวกพ้องเดียวกันที่พยักหน้าให้รีบรายงานเรื่องที่ตั้งใจไว้ ต้องพูดก่อนอารมณ์องค์รัชทายาทจะเปลี่ยนไป
“กระหม่อมได้รับรายงานจากนายอำเภอจิวห่าวแห่งเมืองลู่หยาน ของบประมาณสร้างเขื่อนพ่ะย่ะค่ะ” อำมาตย์หลี่ฮั้วรายงาน
“สร้างเขื่อนงั้นรึ สร้างทำไม จิวห่าวมีเหตุผลหรือเปล่า”
“ที่จำเป็นต้องสร้าง เพราะเมืองลู่หยานประสบปัญหาภัยแล้งมาหลายปี ชาวบ้านทำการเกษตรแทบไม่ได้ จึงคิดสร้างเขื่อนเพื่อเก็บน้ำไว้ใช้ในยามแล้งพ่ะย่ะค่ะ” อำมาตย์หลี่ฮั้วตอบ “หากพระองค์มอบงบประมาณให้นายอำเภอไปดำเนินการ ชาวบ้านก็จะได้รับประโยชน์โดยตรง การทำการเกษตรของชาวบ้านก็จะดีขึ้นไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านส่งเรื่องให้หลิวกงกง พรุ่งนี้ข้าจะให้คำตอบว่าจะให้งบประมาณเท่าไหร่” หมิงหยางเต๋อตอบกลับ “ใครมีเรื่องอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีข้าขอตัว”
เหล่าขุนนางคงไม่มีใครกล้าพูดเรื่องใด แม้ว่าจะมีขุนนางอีกหลายคนมีเรื่องต้องรายงาน เนื่องจากองค์รัชทายาทออกตัวแล้ว พวกเขาโค้งคำนับขณะที่องค์รัชทายาทลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเดินออกจากท้องพระโรง โดยมีหลิวกงกงเดินตามไป
“องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ” หลิวกงกงรั้งฝีเท้าของเจ้าชีวิตด้วยคำพูด
“มีอะไร”
“พระชายารองประชวรพ่ะย่ะค่ะ”
“ฮุ้ยเตียวเป็นอะไร” องค์รัชทายาทถาม สีหน้าไม่ได้ตกใจ
“กระหม่อมมิทราบพ่ะย่ะค่ะ ซิงเทียนมาบอกข่าวกระหม่อมแค่นี้พ่ะย่ะค่ะ แล้วกำชับว่า ให้องค์รัชทายาทเสด็จไปตำหนักแพยองพ่ะย่ะค่ะ” ซิงเทียนคือนางกำนัลรับใช้คนสนิทของพระชายารอง ที่นำเรื่องนี้มาบอกกับตน พอถามกลับว่าพระชายารองเป็นอะไร หลิวกงกงกลับไม่ได้คำตอบ ซิงเทียนบอกแค่ว่า ให้องค์รัชทายาทเสด็จไปที่ตำหนัก แล้วพระชายารองจะเป็นบอกองค์รัชทายาทเองว่าเป็นอะไร “องค์รัชทายาทจะเสด็จไปตกหนักพระชายารองหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาททำท่าทางครุ่นคิด หันไปมองนกหงส์หยกที่เกาะบนบ่าตน ก่อนหันไปตอบหลิวกงกง
“ไปสิ”
ตรัสจบ ชายหนุ่มสูงศักดิ์เปลี่ยนทิศทางการเดินไปยังตำหนักแพยอง