วันนี้สองพี่น้องใส่ชุดเก่าของตน ด้านหลังมีตะกร้าสะพานคนละหนึ่งใบ แต่หนิงลู่ซือถือตะกร้าอีกหนึ่งใบไว้ในมือด้วย เมื่อถึงทางแยกพวกนางก็ไปอีกทางซึ่งเป็นทางที่ชาวบ้านไม่ค่อยเดินไป แต่ทางนั้นคือทางที่ทำเงินให้นาง วันนี้นางตั้งใจมากว่าจะต้องหาสมุนไพรล้ำค่าให้ได้อย่างน้อยหนึ่งต้นก็ยังดี
เมื่อมาถึงต้นซานจากับต้นผิงกั่ว พบว่ามันเริ่มสุกแล้ว ก็ลงมือเก็บจนได้เต็มตะกร้าใบใหญ่ของหนิงลู่ซือ นางจึงตัดสินใจตั้งมันไว้ใต้ต้นซานจา จูงมือน้องสาวตั้งใจว่าจะเดินเข้าไปไกลกว่าเดิมอีกสักหน่อย
“ต้าเป่า เสี่ยวเป่า พวกเจ้าจะวิ่งไปไหน” หนิงลี่อินเอ่ยเรียกเจ้าตัวป่วน ตอนนี้พวกมันวิ่งกระดี๊กระด๊าไปข้างหน้าแล้ว
ต้าเป่า เสี่ยวเป่า เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อก็หยุดวิ่ง หันมาเอียงคอมองสองพี่น้องที่หยุดเดินยืนอยู่ด้านหลัง เสี่ยวเป่าจึงวิ่งกลับเข้ามาหาแล้วงับชายประโปรงของหนิงลี่อินเพื่อให้เดินตามพวกมันไป
“พวกเจ้าจะพาพวกข้าไปที่ใดเนี่ยเจ้าตัวป่วน” หนิงลู่ซือที่เดินตามมาด้วยบ่นเข้าให้ ทั้งสองตัวจึงหยุดวิ่ง เปลี่ยนเป็นย่ำเท้าของพวกมันตรงบริเวณหนึ่ง หนิงลู่ซือจึงตัดสินใจจูงมือหนิงลี่อินไปตรงที่เจ้าตัวป่วนกำลังย่ำเท้าอยู่ และการตัดสินใจในครั้งนี้ของนางก็ไม่สูญเปล่า
“กรี๊ดดด” หนิงลู่ซือปล่อยมือน้องสาว เดินไปยังต้นไม้ที่ลำต้นมีลักษณะกลมและตั้งตรง นางไม่รอช้านั่งยองๆ ขุดดินรอบๆ ต้นไม้ที่นางคิดว่าคือต้นโสม เมื่อดึงออกมาก็ไม่ทำให้นางผิดหวัง เพราะมันคือ ‘โสมคน’ จริงๆ
หนิงลี่อินยืมมองพี่สาวของตนที่กรีดร้องดีใจและกระโดดไม่หยุด ปากก็พูดว่า ‘โสมคนๆ’ จนเหนื่อยนั่นแหละพี่สาวจึงหยุดการกระทำเหล่านั้น
“อาอินเราจะรวยกันแล้วนะ” ปากก็พูดไป มือก็จับต้นไม้ที่เหมือนคนอย่างทะนุถนอม “ต้าเป่า เสี่ยวเป่า ขอบคุณพวกเจ้ามาก แล้วข้าจะซื้อเนื้อให้พวกเจ้าแบบชุดใหญ่!” ต้าเป่า เสี่ยวเป่า ได้ยินว่าจะได้กินเนื้อแบบชุดใหญ่ พวกมันก็กระโดดดึ๋งๆ และเอาหัวมาถูๆ หนิงลู่ซืออย่างออดอ้อน
“พี่ใหญ่ต้นนี้มันคือสมุนไพรใช่หรือไม่เจ้าคะ” ถ้าพี่สาวบอกว่าเราจะรวยแปลว่าเจ้าต้นนี้มันต้องเป็นสมุนไพรที่ขายได้อย่างแน่นอน
“ใช่แล้ว แต่มันไม่ใช่สมุนไพรธรรมดานะ มันเป็นสมุนไพรล้ำค่า มีขื่อเรียกว่า ‘โสมคน’ ที่เรียกว่าโสมคนเพราะมันมีรูปร่างคล้ายคน ไม่เชื่อเจ้าลองมองดูสิว่ามีรูปร่างคล้ายคนจริงหรือไม่”
“มันอยู่คล้ายคนมากๆ เลยเจ้าค่ะพี่ใหญ่ ส่วนนี้คือหัว ส่วนนี้คือแขน ส่วนนี้คือขา” หนิงลี่อินชี้ไปยังส่วนต่างๆ ของโสมคนและบอกว่าส่วนไหนของโสมคนที่คล้ายคน “มันดูน่ากลัวยิ่งนัก”
“อย่ากลัวไปเลยเพราะยิ่งมันคล้ายคนมากเท่าไหร่แปลว่ามันมีอายุมากเท่านั้น ที่สำคัญมันมีสรรพคุณหลายอย่าง เช่น ป้องกันการอ่อนเพลีย อ่อนล้า ทำให้ร่างกายแข็งแรง ช่วยทำให้ความจำดีขึ้น และอีกเยอะแยะมากมายแต่พี่ใหญ่ก็จำไม่ค่อยได้หรอก” ถ้าโสมคนปลูกง่ายนางก็คงเอาไว้ปลูกที่สวนสมุนไพรแล้ว แต่วิธีการปลูกช่างยุ่งยากนัก ต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะโต แต่นางก็อยากจะลองปลูกดู เช่นนั้นเอาเมล็ดไปลองปลูกในสวนสมุนไพรของนางดูดีกว่า
“มาเร็วอาอินมาให้กำลังใจพี่ใหญ่หน่อย พี่ใหญ่ตื่นเต้นไปหมดแล้ว” จะไม่ให้นางตื่นเต้นได้อย่างไร โสมคนที่อยู่ตรงหน้านางมีถึง 5 ต้นเชียวนะ นางรวยแล้วๆ
“พี่ใหญ่ท่านหิวข้าวหรือเจ้าคะ”
“หืม เปล่านะ พี่ใหญ่ไม่ได้หิวข้าว” หนิงลู่ซือที่กำลังตื่นเต้นอยู่หันมาตอบน้องสาวอย่างงงๆ
“แล้วเหตุใดมือพี่ใหญ่จึงสั่นเจ้าคะ” ถ้าพี่ใหญ่ไม่หิวข้าวแล้วนางเป็นอันใดทำไมมือถึงสั่นแบบนั้น
“ฮ่าฮ่า ที่มือพี่ใหญ่สั่นไม่ใช่เพราะหิวข้าวหรอกนะ แต่มันคืออาการดีใจต่างหาก ถ้าเราเอาโสมคนไปขายเราจะมีเงินสร้างบ้าน และมีเงินซื้อที่ด้วยนะ”
“จริงหรือเจ้าคะพี่ใหญ่ งั้นข้าจะช่วยท่านเก็บเองเจ้าค่ะ” หนิงลี่อินกำลังจะพุ่งตัวไปช่วยพี่ใหญ่เก็บเจ้าโสมคน แต่พี่ใหญ่ห้ามไว้ก่อน
“ไม่ต้องๆ เจ้าแค่นั่งให้กำลังพี่ใหญ่ก็พอ เดี๋ยวพี่ใหญ่จัดการเอง เพราะถ้าเราเก็บไม่ถูกวิธีจะทำให้มันเสียหาย และจะขายได้ราคาไม่ดี” หนิงลี่อินจึงทำได้แค่นั่งให้กำลังใจพี่ใหญ่ขนาบข้างด้วยต้าเป่า เสี่ยวเป่า ที่นอนกระดิกหางอย่างสบายใจ
และแล้วต้นโสมทั้ง 5 ต้นก็ถูกนางจัดการจนหมด หนิงลู่ซือห่อโสมคนด้วยผ้าวางไว้ในตะกร้าของน้องสาวปิดทับด้วยใบไม้เพื่อปิดบังสายตาของชาวบ้าน
กลับมาถึงบ้านหนิงลู่ซือก็เตรียมตัวเข้าไปในเมืองทันที ตอนนี้ยามซื่อแล้ว เสร็จธุระคงไม่เย็นมากนัก นางต้องรีบเอาโสมคนทั้ง 5 ต้นนี้ไปขาย รวมถึงชวนซินเลี่ยนด้วย ก้อนเงินอวบๆ รอนางอยู่ที่ร้านขายสมุนไพรท่านลุงเจาแล้ว นางจะรอช้าได้อย่างไร
“คารวะท่านลุงเจาเจ้าค่ะ” หนิงลู่ซือเห็นเจาเจ๋อออกมาดูแลลูกค้าก็เลือกที่จะเข้าไปทักทายก่อน
“คารวะท่านลุงเจาเจ้าค่ะ” หนิงลี่อินก็ไม่น้อยหน้า ทักทายท่านลุงเช่นกัน
“อ้าว ทำไมวันนี้มาเวลานี้ละ” เจาเจ๋อเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ท่านลุงเจ้าคะ ข้านำสมุนไพรมาขายเจ้าค่ะ” ตอนนี้หนิงลู่ซือตื่นเต้นไปหมดแล้ว
“งั้นเราเข้าไปคุยกันที่ห้องเดิมเถิด” เจาเจ๋อกล่าว
“เจ้าค่ะ” สองพี่น้องกระตูลหนิงเดินตามหลังเจาเจ๋อเข้าไปในห้องที่พวกนางเคยเข้ามาแล้วหลายครั้ง
“ไหนๆ เจ้ามีสมุนไพรอะไรมาขาย เอาออกมาให้ข้าดูหน่อยสิ” เจาเจ๋อไม่รอช้ารีบบอกให้หนิงลู่ซือเอาสมุนไพรออกมาให้ตนดู
“นี่เจ้าค่ะ เป็นชวนซินเลี่ยน ข้าจัดการล้างทำความสะอาด หั่น และตากแห้งมาแล้วเจ้าค่ะ ไม่ทราบว่าใช้ได้หรือไม่เจ้าคะ” หนิงลู่ซือเอาชวนซินเลี่ยนออกมาขายก่อน ถ้าเอาโสมคนออกมาก่อนท่านลุงเจาคงได้แตกตื่นเป็นแน่
“ไอหยา ชวนซินเลี่ยน เจ้าหามาได้อย่างไร” หลายปีแล้วที่ไม่มีใครนำสมุนไพรชนิดนี้มาขาย
“ข้าเข้าป่าแล้วบังเอิญไปเจอเจ้าค่ะ”
“ดีๆ เจ้าล้าง หั่น ตาก มาเรียบร้อยแล้ว ถือว่าทำได้ถูกต้องทีเดียว ข้าให้เหลี่ยงละ 1 ตำลึง เจ้าพอใจหรือไม่”
“พอใจเจ้าค่ะ”
“เดี๋ยวข้าให้คนเอาไปชั่ง” เสี่ยวเอ้อร์เดินเข้ามานำชวนซินเลี่ยนไปชั่ง ไม่นานก็กลับเข้ามาบอกน้ำหนักกับเจาเจ๋อ
“ทั้งหมด 40 เหลี่ยง เหลี่ยงละ 1 ตำลึง เป็นเงินทั้งสิ้น 40 ตำลึง”
“เอ่อ ท่านลุงเจาเจ้าคะ ข้ายังมีสมุนไพรอีกอย่างมาขายด้วยเจ้าค่ะ”
“ยังมีอีกรึ ไหนๆ เอาออกมาให้ข้าดู แล้วทำไมเจ้าไม่เอาออกมาให้ข้าดูในคราวเดียว” หนิงลู่ซือยิ้มแหย่ๆ ให้ท่านลุงเจา หันมาทางน้องสาวที่นั่งข้างๆ น้องสาวนางจะนั่งเงียบทุกครั้งที่เข้ามาในห้องนี้ หนิงลู่ซือจึงล้วงมือเข้าไปในตะกร้า ที่ตั้งอยู่บนตักน้องสาวหยิบโสมคนออกมาก่อนหนึ่งต้น
“นี้เจ้าค่ะท่านลุง” เจาเจ๋อพูดไม่ออกเสียแล้ว
“นี่ๆๆๆ นี่มัน…” ใครก็ได้ตบหน้าเขาหน่อย แล้วบอกเขาทีว่านี่มันคือเรื่องจริง สิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันคือเรื่องจริง!
“นี่คือโสมคนเจ้าค่ะท่านลุง” หนิงลี่อินเห็นว่าท่านลุงเจาไม่พูดเสียทีนางจึงพูดขึ้น หรือท่านลุงก็ไม่รู้จักโสมคนเหมือนนาง
“พวกเจ้าทำให้ข้าพูดไม่ออกแล้ว!” โสมคนต้นนี้รูปร่างเหมือนคน ดูๆ แล้วอายุน่าจะไม่ต่ำกว่า 1,000 ปี เจาเจ๋อยื่นมือไปหยิบโสมต้นมาถือไว้อย่างทะนุถนอม “ข้าให้ 100,000 ตำลึง!” ราคาที่จ่ายในวันนี้ วันข้างหน้าย่อมได้กลับมามากกว่าที่จ่ายไปอย่างแน่นอน