10

1528 Words
“แค่กๆๆๆ” น้ำพุ่งออกจากปาก เธอสำลักมองหน้าเขาอย่างแตกตื่น พูดนิ่มแต่เชือดเฉือนเหลือเกิน “แหม.. พี่เดชเป็นคนอารมณ์ขันมากๆ เลยนะคะ” เธอแกล้งยิ้ม รู้สึกขาดความมั่นใจไปไม่น้อย ต้องยกมือขึ้นลูบใบหน้าของตัวเองไปมา มันเป็นจริงดังเขาว่าหรือเปล่าหนอ... “จมูกมันแหลมไปน่ะครับ คางก็ยื่นออกมาเสียน่ากลัว แก้มนี่เป็นก้อนเลย น้องดาวทำกับหมอไหนครับ” “หมอที่...” เธอชะงักเมื่อโดนหลอกถาม ก่อนจะยิ้มเยือนให้เขาอีกครั้ง ดึงสติกลับมา “แหม...พี่เดชนี่อารมณ์ขันจริงๆ เลยนะคะ แหะๆๆ” เธอเสไปหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม แอบขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเมื่อโดนเขาหลอกถาม ไม่เคยมีผู้ชายมาวิจารณ์หน้าของเธอแบบนี้มาก่อน ณเดชนี่ปากคอเราะร้าย เห็นว่ารวยหรอกนะ เพราะฐานะทางบ้านของเธอกำลังสั่นคลอน ไม่อย่างนั้นล่ะก็ พูดจาหมาๆ แบบหมาไม่แดกแบบนี้ เธอยกน้ำสาดหน้าไปแล้ว คนที่นั่งอยู่ไม่ไกลกันนัก แอบขำ ก่อนจะส่ายหน้าไปมา แพรวาไปนั่งอีกด้านที่มีฉากกั้นอยู่ แต่ใกล้กับโต๊ะของณเดช เขาวิจารณ์ประกายดาวแบบนั้น ถ้าเป็นเธอล่ะก็โดนต่อยปากแตกไปแล้ว แต่ประกายดาวแปลกแฮะ ไม่ยักกะโกรธ แถมยังหัวเราะกลบเกลื่อน เธอล่ะเชื่อในความอดทนของอีกฝ่ายเลยจริงๆ “อาหารมาแล้วค่ะ” ประกายดาวรีบบอกเมื่ออาหารมาเสิร์ฟ เธอยิ้มให้เขาอีก ณเดชยิ้มให้ นึกสนุกกับการแกล้ง (ว่าที่เจ้าสาวที่มารดาให้มาดูตัว) ประกายดาวมองผู้ชายตรงหน้าก่อนจะอ้าปากค้าง เขาใช้มือหยิบอาหาร เป็ดอบน้ำผึ้งจานใหญ่ที่พนักงานเอามาเสิร์ฟ ถูกเขาฉีกเป็นชิ้นๆ ก่อนจะยัดเข้าปาก “อืม... อร่อยมากๆ เลยล่ะ” คนกินอาหารมูมมามตรงหน้าทำให้เธอถึงกับมองตาปริบๆ กลืนอะไรไม่ลง “ไม่กินเหรอครับน้องดาว” เขาเอ่ยถามขณะที่อาหารเต็มปาก ตอนเขามาการแต่งตัวว่าแย่แล้ว แต่การกินแย่กว่ายิ่งกว่า “โทษทีนะครับ” เขานำทิชชูมาแตะที่จมูกก่อนจะสั่งน้ำมูกดังไปทั่ว จนโต๊ะข้างๆ หันมามอง เธออ้าปากค้างตาโต แทบเอาหน้ามุดใต้โต๊ะ “อร่อยมากๆ เลยนะน้องดาว ไม่กินจริงๆ เหรอ” ณเดชดูดนิ้วตัวเองไปมาจ๊วบจ๊าบน่ารังเกียจนักในสายตาของคนตรงหน้า เธอถึงกับยี้ใส่เขาในทันที “ไม่กล้าเคี้ยวเหรอครับน้องดาว” เขาเอ่ยถามสีหน้าสงสัยหนักหนา “ไม่กล้าเคี้ยวอะไรกันคะ?” ประกายดาวเอ่ยถามอย่างสงสัย หน้าของเธอเริ่มยุ่งเหยิงมากกว่าเดิม ไหนใครๆ บอกว่าณเดชลูกชายคนเดียวของ คุณพรพิมลหล่อรวย โปรไฟล์ดี ชาติตระกูลการศึกษาสุดยอด ทำไมทำนิสัยต่ำทรามแบบนี้กันนะ “ก็ได้ข่าวว่าเพิ่งฉีดโบท็อกมาไม่ใช่เหรอครับ เคี้ยวมากยิ้มมากเดี๋ยวหน้าแตก” “คะ?” ประกายดาวยกมือขึ้นแตะใบหน้าของตัวเอง เธอเพิ่งฉีดมาจริงๆ นั่นแหละ แต่เดี๋ยวนะเขารู้ได้ยังไงกัน? จริงๆ ณเดชแค่เดาสุ่มมั่วไปแบบนั้นเอง แต่เขาไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะตกใจเพราะมันเป็นข้อเท็จจริงที่จี้ใจดำ จริงๆ ถ้าเธอเป็นผู้หญิงที่เขาถูกตาต้องใจ แค่ฉีดโบท็อกเล็กๆ น้อยๆ เขาก็คงรับได้ “ดาวไม่เคยทำอะไรแบบนั้นเลยนะคะ ดาวแค่ชอบทำบุญ นั่งสมาธิ ทำจิตใจให้ผ่องใส ล้างหน้ากับน้ำเปล่าที่สะอาดบริสุทธิ์ ตื่นมาก็เป็นแบบนี้เลยค่ะ” “อ๋อ... เหรอครับ” เขาลากเสียงยาวยืด ยกน้ำขึ้นดื่มสีหน้าอมยิ้มเหมือนไม่เชื่อถือ “น้องดาวก็สวยดีนะครับ แต่พี่ว่าน้องดาวนี่คุ้นๆ พี่คุ้นหน้าน้องดาวมากๆ จริงๆ นะครับ หน้าเหมือน เหมือนใครก็ไม่รู้ครับ จำไม่ได้” “แหม... มุขจีบสาวของพี่เดชเชยไปแล้วนะคะ ทำมาเป็นจำหน้าดาวได้ว่าเหมือนคนที่เคยรู้จัก” เธอแกล้งยิ้มเขิน “อ๋อ... พี่จำได้แล้วครับ เหมือนคนนี้ครับ” เขาเอารูปดาราเกาหลีหลายคนที่เหลากรามเหลาจมูกเหลาคาง กลายเป็นหน้าโหล บล็อกเดียวกันให้เธอดู คนดูหน้าเสีย เพราะเธอเพิ่งบินไปทำหน้าที่เกาหลีมาเมื่อหลายเดือนก่อน “เหมือนเลยนะครับ ยังกับฝาแฝดเลย น้องดาวว่าไหมครับ นี่ถ้าบอกว่าคลอดออกมาจากท้องเดียวกัน พี่เชื่อสนิทใจเลยนะครับ” เขาเลิกคิ้วขึ้นถามสีหน้าเหมือนต้องการให้เธอตอบ... “คนเดี๋ยวนี้ หน้าตาก็คล้ายๆ กันทั้งนั้นแหละค่ะ” “นี่ถ้าบอกว่าพ่อหรือแม่ของดาราพวกนี้แอบกิ๊กกัน แล้วไปแอบกินกันพี่เชื่อเลยนะครับ” “แค่กๆๆๆ” เธอสำลักแทบพ่นน้ำออกมาจากปาก ไม่คิดว่าเขาจะพูดแบบนี้ “ธุรกิจที่บ้านของน้องดาวเป็นยังไงบ้างครับ” เขาเอ่ยถามอย่างเป็นงานเป็นการ “ก็ดีนี่คะ” คนตอบสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนักเหมือนอย่างคำตอบ “อ๋อ... เหรอครับ พี่คิดว่า...” “เดช” เสียงเรียกของแพรวาทำให้เขาชะงัก เธอมองเขา ก่อนจะหันไปมองหน้าประดายดาวอย่างเห็นใจไม่น้อย ใครจะรู้ว่า ณเดชน่ะ ถ้าอันไหนชอบเขาจะทุ่มสุดตัว อันไหนไม่ชอบเขาจะสลัดออกเต็มแรงแทบไม่เห็นฝุ่น เธอเห็นสีหน้าซีดเซียวของประกายดาวก็นึกสงสารไม่น้อย “อ้าว... ยังไม่กลับเหรอคะ” ประกายดาวมองอีกฝ่ายอย่างงุนงง แต่ก็ต้องนึกขอบใจที่โผล่มาได้ในเวลาที่เธอกำลังอ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบคำถามกึ่งรู้ทันของ ณเดชเช่นไรดี เธอเหมือนวัวสันหลังหวะ กลัวเขาจะรู้ว่าที่เธออยากแต่งงานเพราะอยากจับเขา จะได้พยุงฐานะของครอบครัวเอาไว้ บ้านเธอกลวงเหลือเกิน ข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรง บ้านช่องห้องหอใหญ่โต แต่งชุดหรูหรา ใส่เสื้อผ้าราคาแพง กินหรูดูแพง แต่เธอจนกรอบ ครอบครัวเป็นหนี้เป็นสินมากมายก่ายกอง “พอดีมีเอกสารมาให้เจ้านายเซ็นน่ะค่ะ” “นั่งก่อนสิ กำลังคุยกับน้องดาวอย่างออกรสเลยล่ะ” เขาไม่สนใจสายตาของเธอ แต่มุ่งเป้าหมายไปจัดการผู้หญิงหิวเงินตรงหน้าให้สำเร็จ เขาอยากสลัดใครทิ้ง ก็จะสลัดให้หลุด แต่คนไหนไม่อยากสลัด เขาก็ไม่มีวันปล่อยเช่นกัน “เอาตรงๆ เลยนะครับ” เขาเข้าเรื่องโดยที่ไม่อ้อมค้อมอีก เพราะมันเสียเวลากับคนตรงหน้ามาเป็นชั่วโมงแล้ว จริงๆ เขาเองจะตัดความสัมพันธ์ลงเลยก็ได้ แต่เขาก็รอ “คะ?” คนตรงหน้ารับคำสีหน้าเคร่งเครียด “ผมไม่อยากแต่งงาน ไม่อยากมีเมีย การแต่งงานเป็นอะไรที่ยุ่งยาก ปวดหัว ต้องมีลูกอีก ผมไม่อยากมีลูก คิดดูแล้วกัน มันต้องเปลืองทรัพยากรมากมายขนาดไหนในการเชิญแขกมาเป็นพันๆ คน อดหลับอดนอน ต้องไปยืนไหว้ใครก็ไม่รู้ เมื่อยมือ พองานจบก็มีขยะเยอะมาก เดี๋ยวนี้ขยะล้นโลกอยู่แล้ว เราไม่ควรที่จะเพิ่มมลพิษอีก มันเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ” ประกายดาวอ้าปากค้างกับประโยคของชายหนุ่มตรงหน้า เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น “การแต่งงานไม่มีอะไรเป็นของเราเลย ต้องไปเช่าชุด เช่าทุกอย่าง แถมต้องเอาเงินที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรง ไปให้คนอื่นที่ต่อมาต้องมาเป็นเมียเรา มาเป็นภาระ ต้องมาให้เลี้ยงดูอีก” “ไม่อยากเช่า ก็ตัดเอามาเป็นของเราสิคะ” ประกายดาวปากไว แก้ประโยคแรก ประโยคหลังเธอถึงกับไปไม่เป็นเลย เขามองหน้าเธอ ก่อนส่ายหน้าไปมา “นั่นยิ่งสิ้นเปลืองเข้าไปใหญ่ ตัดเอามาแขวนไว้ในตู้ ใส่ไปไหนก็ไม่ได้ ชุดนึงเป็นแสนๆ ล้านๆ คนเสียสติเท่านั้นแหละที่ตัดชุดราคาเท่านั้นมาแขวนเอาไว้ในตู้ได้” “เอ่อ... คนรวยๆ เขาคงไม่คิดอะไรเล็กน้อยแบบนั้นกระมังคะ” ประกายดาวพูดตามคิด จะมีคนรวยๆ ที่ไหนมานั่งคิดเล็กคิดน้อยแบบเขา “ก็คิดกันแบบนี้ไง คนรวยบางคนถึงได้ล่มจมล้มละลาย” เธอสะดุ้งสุดตัว เหมือนโดนหลอกด่ายังไงอย่างนั้น “คนอื่นเป็นไงไม่รู้ แต่อะไรที่สิ้นเปลืองผมไม่ชอบมากๆ ครับ ถ้าวันไหนเกิดไม่มีเงินขึ้นมาจะทำยังไง การแต่งงานก็เหมือนการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เสียเวลา เหนื่อย เสียเงินเสียทอง ปวดหัว ยุ่งเหยิง ต้องจ้างคนมาทำอะไรมากมายน่ารำคาญ” ประกายดาวทำหน้าปูเลี่ยน ผู้ชายบ้าอะไรเรื่องเยอะขนาดนี้ ผู้หญิงบางคนยังไม่เรื่องเยอะเท่านี้เลย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD