“หวานจะไปช่วยงานญาติที่ต่างจังหวัดค่ะ”
หญิงสาวหาข้อแก้ตัว เพราะผู้เป็นบิดาบอกเอาไว้ว่าคาร์สันตั้งกฏเอาไว้ว่าห้ามหล่อนใช้โทรศัพท์ติดต่อกับคนภายนอกในระหว่างที่อยู่ในบ้านของเขา
“ไม่เป็นไร... ช่วงนี้ผมเรียนหนักมากเหมือนกัน... คิดถึงก็โทรมานะ... ผมกำลังอ่านหนังสือ”
น้ำหวานนึกภึงภาพผู้ชายใบหน้ากลมๆ ผิวเข้มตามสไตล์เด็กต่างจังหวัดที่เติบโตมากับชนบท ผมหยิกเกือบฟู สวมแว่นตาหนาแตะเพราะสายตาสั้นมาก
ตอนนี้ประภาษคงกำลังนั่งก้มหน้าก้มตาอยู่กับตำราเล่มหนา ใครๆ ก็รู้ว่าเขาเป็น ‘เด็กเรียน’ มาแต่ไหนแต่ไร และมีผลการเรียนดีเด่นมาตลอด
“แค่นี้นะภาษ”
กล่าวลาสั้นๆ แล้วน้ำหวานก็กดตัดสายด้วยหัวใจรันทดหดหู่ หล่อนรู้สึกอดสูเหลือเกิน ที่จะต้องยอมทำตามข้อเสนออัปยศของเจ้าหนี้คาร์สัน
วันรุ่งขึ้น
“อดทนนะลูก... ไม่นานมันก็จะผ่านพ้นไป”
นางสุนีย์กอดร่างเอิบอิ่มของลูกสาวเอาไว้แน่น หล่อนรู้ว่าการ ‘แลกเปลี่ยน’ ครั้งนี้ช่างอัปยศอดสูนัก แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อน้ำหวานได้ตัดสินใจแน่วแน่ด้วยตัวเองว่าจะทำ... และจะไม่เปลี่ยนใจ
“พี่หวานจะไปนานไหมครับ”
น้องชายที่มีชื่อว่า ‘บีม’ ก้าวเดินเข้ามาจับแขนของพี่สาวเอาไว้แน่น
บีมรู้แต่เพียงว่าพี่สาวกำลังจะไปทำงานที่บ้านของคาร์สันหนึ่งเดือน แต่ไม่รู้ในรายละเอียดว่าเป็นงานอะไร
“เดือนเดียวจ้ะ... พี่ฝากพ่อกับแม่ด้วยนะบีม”
น้ำหวานฝืนยิ้มให้น้องชาย
“ครับ... เสร็จงานแล้วพี่หวานรีบกลับมานะครับ”
คำว่า ‘งาน’ สะกิดใจของคนเป็นพี่สาวอย่างจัง น้องชายกล่าวไปตามที่ผู้ใหญ่บอก บีมเลยไม่รู้ว่า ‘งาน’ ที่พี่สาวต้องไปทำเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือนนั้นก็คือการ ‘บำเรอกาม’ ให้กับพ่อเลี้ยงคาร์สัน เจ้าของฟาร์มโคนมชื่อดังของเมืองเหนือที่หยิบยื่นข้อเสนออำมหิตมาให้อย่างเลือดเย็น เพื่อแลกเปลี่ยนกับหนี้พนันที่นายอัศวินเป็นคนก่อเอาไว้
“หนูไปนะคะ”
รถตู้ที่คาร์สันส่งมารับตัวน้ำหวานแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน หญิงสาวสูดหายใจแรงแล้วเหลียวมาฝืนยิ้มเพื่อให้ทุกคนในครอบครัวสบายใจ นางสุนีย์โผเข้ากอดร่างท้วมของสามีแล้วซบหน้าร้องไห้ออกมาอย่างเหลืออด
“รู้ตัวหรือเปล่าว่าคุณทำอะไรลงไป”
นางสุนีย์อดไม่ได้ที่จะกล่าวโทษสามี
“เดือนเดียวเท่านั้น”
นายอัศวินกล่าวทั้งน้ำตา สิ่งที่ได้ยินทำให้น้ำตาของผู้เป็นภรรยาพรั่งพรูออกมาเหมือนเขื่อนแตก เพราะรู้ว่ากว่าจะครบกำหนดหนึ่งเดือน... ลูกสาวของหล่อนคงยับเยินไม่เหลือชิ้นดี
ที่เชียงราย
ตอนเย็นของวันเดียวกันนั้น ที่บ้านหลังใหญ่ของพ่อเลี้ยงคาร์สัน ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินดินท่ามกลางฟาร์มโคนมเนื้อที่กว่าพันไร่
“สวัสดีค่ะ”
หลังจากก้าวลงมาจากรถตู้ น้ำหวานยกมือขึ้นไหว้ป้าโฉมซึ่งออกมายืนรับหล่อนที่หน้าบ้าน ก่อนที่สายตาจะตวัดมองมายังร่างสูงใหญ่ของคาร์สันที่ก้าวออกมายืนกอดอกอยู่หน้าเทอเรซ มองดูเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวที่หน้าบ้าน
“นี่พ่อเลี้ยงคาร์สัน”
ป้าโฉมแนะนำผู้เป็นนาย ขณะร่างสูงสมาร์ทโดดเด่นสะดุดตาเดินเข้ามาทรุดร่างลงนั่งบนเก้าอี้หวายสีขาว
“ค่ะ... ”
ให้ตายสิ...
น้ำหวานอุทานในใจ ผู้ชายใจร้ายคนนี้หล่อสดๆ เค้าโครงหน้าของเขาคมคร้ามแบบฝรั่ง คิ้วเข้มหนา ตาคมกริบเป็นประกาย จมูกโด่งเป็นสันสวย ไหล่กว้างผึ่งผาย เนื้อตัวกำยำไปด้วยมัดกล้าม ดวงตาสีสนิมเหล็กชวนฝันที่มองมาพาให้รู้สึกสะทกสะท้านในอารมณ์ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก... เมื่อรู้ว่าหล่อนจะต้องมาทำหน้าที่ ‘บำเรอกาม’ ให้กับผู้ชายรูปหล่อคนนี้
“ทำไมไม่ยกมือไหว้ฉัน”
คาร์สันไม่พอใจ ความหยิ่งทะนงทำให้น้ำหวานไม่ยอมยกมือไหว้ผู้เป็นเจ้าของบ้าน
และมันทำให้คาร์สันรู้สึกได้ถึงอาการ ‘ดื้อ’ ของหล่อนจากริมฝีปากที่เม้มสนิทเป็นเชิงต่อต้านเขาตั้งแต่แรกเห็นหน้า
“พ่อแม่ไม่เคยสั่งสอนหรือยังไง... ว่าควรไหว้คนที่เป็นผู้ใหญ่กว่า”
เขาทำเสียงดุ
“สวัสดีค่ะ”
หล่อนยกมือไหว้เพื่อตัดปัญหา คาร์สันดูก็รู้ว่าหญิงสาวไม่เต็มใจนัก
น้ำหวานเพิ่งมีโอกาสเคยเห็นหน้าคาร์สันเป็นครั้งแรก หล่อนยอมรับว่าเขามีความหล่อเหลาเข้าขั้นกระชากใจสาว ใบหน้าคมคร้าม ผิวสีทองแดงคร้ามแดดดุดัน นัยน์ตาสีสนิมเหล็กชวนฝัน คิ้วเข้มเป็นแพดกหนาช่างรับกับหน้าผากกว้าง
หนวดเคราที่รกครึ้มจนทั่วใบหน้ามิได้ทำให้ความหล่อเหลาของเจ้าหนี้คนนี้ลดลงแต่อย่างได้ แต่ยิ่งเสริมส่งให้คาร์สันมีความเป็นชายชาตรีในทุกกระเบียดนิ้ว
ให้ตายสิ...
น้ำหวานอุทานในใจ หล่อนยิ่งแพ้ผู้ชายมีหนวดมีเคราอยู่ด้วย แต่ดันมาเจออีกตาเจ้าของฟาร์มหนวดดก ยิ่งตอนที่เขาขยับเข้ามาใกล้ก็ยิ่งทำให้หัวอกหัวใจของหล่อนสั่นไหวจนใจเต้นผิดจังหวะ
“ป้าช่วยลากกระเป๋าให้นะคะ”
ป้าโฉมสงสารที่เห็นร่างบอบบางต้องลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ด้วยข้อมือน้อยๆ ของตัวเอง
“ไม่ต้องช่วย... ”
เสียงของคาร์สันดังลั่นขึ้นมาขัดจังหวะ ป้าโฉมรีบผละออกจากกระเป๋า
“เอ่อ... ทำไมล่ะคะพ่อเลี้ยง”
ป้าโฉมสงสัย
“ผมคงลืมบอกว่าผู้หญิงคนนี้เข้ามาอยู่ในบ้านของผมในฐานะ ‘คนรับใช้’ ผมขอสั่งว่าไม่จำเป็นต้องอำนวยความสะดวกสบายใดๆ ให้กับผู้หญิงคนนี้”
คาร์สันประกาศก้อง เสียงทรงอำนาจและแววตาดุของเขาทำให้ป้าโฉมขยับถอยห่างออกมาจากหญิงสาว
“กระเป๋าเดินทางไม่ต้องเอาเข้ามาในบ้าน... ฉันจำได้ว่าบอกเอาไว้แล้วว่าให้เธอมาแต่ตัวเท่านั้น”
พ่อเลี้ยงหันซ้ายมองขวา จากนั้นก็ตะโกนเรียกลุงชมเสียงดังโหวกเหวก
“ลุงชม... อยู่ไหน... ลุงชม... ”
เสียงของคาร์สันดังลั่นโวยวายเหมือนคนทะเลาะกัน ดูท่าทางก็รู้ว่าเขาทั้งขี้โมโหและเอาแต่ใจ
“ครับพ่อเลี้ยง... มาแล้วครับ”
ลุงชมซึ่งเป็นคนขับรถประจำบ้าน กระวีกระวาดเข้ามาหาผู้เป็นนายด้วยสีหน้าตกใจ ยืนท่าทางหวาดๆ รอฟังว่าพ่อเลี้ยงจะใช้งานอะไร
“ช่วยเอากระเป๋าเดินทางใบนี้ไปทิ้งให้ที”
น้ำหวานกำมือแน่นโกรธเขา