บทนำ

1004 Words
ฝนหลงฤดูกระหน่ำลงอย่างหนักรถจี๊ปคันเก่าที่ว่าเก๋าก็ยังติดหล่มยากจะดึงดันให้หลุดพ้น ชายหนุ่มกระโดดลงจากรถลงมาช่วยชาวบ้านเข็นรถขึ้นจากหล่ม    “คุณหมอไม่ต้องลงมาหรอกครับ” ชายวัยกลางคนกล่าวเสียงดังแข่งกับเสียงฝน    “ไม่ช่วยได้ไง ต้องช่วยซิ” หมอหนุ่มหัวเราะพลางเช็ดน้ำฝนที่สาดเข้าหน้า “ลุงไปหาไม้มาหนุนล้อก่อน เราช่วยเข็นกันสองสามแรงจะได้ออกจากหล่มได้เสียที”     “คุณหมอเลยต้องมาลำบากเพราะพวกเราเลย” ชายวัยกลางคนพึมพำแล้วไปหาไม้แถวๆ นั้นมาหนุนใต้ล้อรถเพื่อให้รถหลุดจากหล่ม      “โธ่! ลำบากอะไรกัน” ชายหนุ่มออกแรงดันรถ หลายแรงช่วยกันย่อมต้องฝ่าฟันวิกฤตได้  เขาตะโกนบอกให้เด็กหนุ่มอีกคนที่อยู่หลังพวงมาลัยเหยียบคันเร่งเต็มที แต่รถก็ขยับขึ้นไปนิดก่อนจะไหลลงมาที่เก่าซ้ำยังดีดโคลนใส่คนที่อยู่ท้ายรถจนเนื้อตัวมอมแมมไปหมด  ชายหนุ่มยกมือขึ้นปาดโคลนที่กระเด็นติดแว่นตาออก              ท้องฟ้ามืดมิดมีเพียงแสบแลบแปลบปลาบจากสายฟ้า    ชายหนุ่มเม้มปากเน้นอย่างครุ่นคิด เขาออกมาตรวจคนไข้ที่อยู่ไกลจากโรงพยาบาลหลายสิบกิโลเมตร แต่ขากลับติดพายุฝนจนเริ่มค่ำมืดก็ยังไปได้ไม่ถึงครึ่งทาง รถจี๊ปคันเก่าก็ดันมาติดหล่มเสียอีก  เห็นท่าว่าคืนนี้อาจจะได้ตากฝนอยู่แถวนี้จนถึงรุ่งเช้าเป็นแน่   ขณะที่เขากำลังคิดหาทางออก แสงไฟวาบก็ส่องมาทางเขาจนต้องยกมือขึ้นป้องแสงที่แยงตา             “ไอ้หมอ! ไอ้หมอธันวา!”             หมอหนุ่มเจ้าของชื่อเพ่งสายตาหลังแว่นตาจ้องมองไปผู้มาใหม่ ชายหนุ่มร่างใหญ่ในชุดเสื้อกันฝนเนื้อหนาสีเขียวทหารเดินเข้ามาใกล้แล้วยื่นมามาข้างหน้า ธันวาหรือหมอธันวาจับมือเพื่อนที่ที่ช่วยดึงเขาขึ้นจากโคลน เพื่อนตบไหล่สองสามทีแล้วหันไปสั่งลูกน้องที่ตามมาให้ช่วยกันลากรถจี๊ปขึ้น              “หมอเอากระเป๋ามาแล้วไปกับเราก่อน” พิชญะสั่งเพื่อน  “เราเอารถมาสองคัน  เดี๋ยวให้ลูกน้องจัดการลากรถหมอกลับไปเอง”             “ได้ๆ” ธันวาเอื้อมมือไปหยิบเป้ส่วนตัวกับกระเป๋าเครื่องมือเดินตามหลังเพื่อนมาที่รถรถโฟร์วิลล์ที่มีสติกเกอร์ ‘ไร่ฉายฉาน’ ติดอยู่ประตูรถ โชคดีที่เขาออกตรวจเพียงลำพัง ถ้าวันนี้มีพยาบาลติดตามมาด้วยคงลำบากไม่น้อย ธันวาก้าวขึ้นนั่งแล้ว พิชญะก็ส่งผ้าขนหนูผืนกำลังดีให้ซับหน้าก่อนจะพารถเคลื่อนออกไป             “โชคดีที่นายผ่านมาทางนี้พอดี” ธันวาถอดแว่นตาออกแล้วเช็ดหน้าที่เปื้อนน้ำฝน เขามองแว่นตาในมือมีโคลนเลอะติดแว่นของเขาด้วย             “ไม่ได้บังเอิญผ่านมาแต่ตั้งใจมาเลยล่ะ” พิชญะหัวเราะและบังคับรถฝ่าสายฝนด้วยความชำนาญ             “อ้าว! ยังไงกันละ?” ธันวามองเพื่อนแล้วขมวดคิ้ว “ที่บ้านมีใครไม่สบายหรือเปล่า คุณรินหรือลูกชายของนายป่วยเหรอ”             พิชญะแหงนหน้าหัวเราะเสียงดัง “คนที่บ้านเราปกติดีทุกคน  แต่คนที่บ้านนายนั้นแหละมีปัญหาแน่ๆ”             “ตกลงมันอะไรกัน นี่เรางงไปหมดแล้ว”              “ไม่ได้กลับบ้านกี่เดือนแล้วล่ะ” พิชญะถามยิ้มๆ “บ้านที่กรุงเทพฯนะ”             ธันวาโคลงศีรษะไปมา เขากำลังจะบอกว่าไม่กี่เดือนนี่เอง แต่พอนับนิ้วในใจก็กว่าครึ่งปีแล้วกระมั้ง เอ...หรือจะนานกว่านั้นแล้วนะ แต่คงไม่ถึงปีแน่ๆ เอ๋? หรือจะครบปีแล้วละนี่?             “แม่นายโทรมาตามให้กลับบ้าน”             “มีใครเป็นอะไรหรือเปล่า?” คุณหมอหนุ่มเริ่มเป็นกังวล  จริงๆ แม่ของเขามักจะโทรศัพท์พูดคุยกันบ่อยๆ เขาจึงไม่รู้สึกห่างเหินคนที่บ้านนัก  เพียงแต่ค่เขามีบางอย่างที่ทำให้ไม่อยากกลับบ้านก็เท่านั้น             “อันนี้ไม่รู้นะ” พิชญะยักไหล่ “แต่คงเป็นกังวลที่ติดต่อนายไม่ได้เสียที  ก็พอดีเมียเราเห็นฝนลงหนักกลัวนายจะออกจากหมู่บ้านหลังเขาไม่ได้ เราก็เลยต้องรับรถมารับนายไง”             “อ่อ! นี่คำสั่งเมีย” ธันวาหัวเราะออกมาบ้าง เพื่อนซี้ของเขาแต่งงานไปเมื่อปีที่แล้วและตอนนี้ก็มีลูกชายตัวน้อยน่ารักวัยไม่ถึงขวบดีนัก “ไอ้เราก็นึกว่าเป็นห่วงเพื่อน”             “ทำเป็นหัวเราะไป  มีเมียเมื่อไหร่เดี๋ยวก็รู้เอง”             ธันวาส่ายหน้าไปมานี่เขาก็เพิ่งอกหักทั้งที่ไม่ได้บอกรักก็เพราะไอ้คุณเพื่อนซี้นี้นะ แต่ในเมื่อผู้หญิงไม่ได้รักเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้ รอยยิ้มจางไปเมื่อนึกถึงเรื่องที่บ้าน เขาก็แอบถอนหายใจหนักๆ ไม่ได้กลับบ้านร่วมปีคงทำให้แม่ไม่ค่อยพอใจนัก การที่เขามาทำงานเป็นแพทย์ชนบทอย่างนี้แม่ก็ไม่ค่อยจะเห็นด้วยอยู่แล้ว   แม้จะเข้าใจดีว่าแม่อยากให้เขากลับไปทำงานอยู่ใกล้ๆ แม่มีหุ้นในโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังและหวังใจให้เขาทำงานที่นั้น แต่หัวใจเขาปฏิเสธการทำงานในเมืองหลวง แม่เรียกว่าเขาเป็นพวกกินอุดมการณ์  เกือบสิบปีแล้วที่เขาทำงานอย่างนี้ทำให้เขากลับบ้านแทบนับครั้งได้เพราะไม่ต้องการได้ยินเสียงบ่นว่าของแม่                       แต่ถ้าแม่โทรมาตามให้กลับบ้านนี่คงไม่ธรรมดาแน่ๆ    จริงๆ งานที่นี่เขาก็วางระบบทุกอย่างไว้ดีแล้ว  แล้วตลอดหลายปีมานี่เขาแทบไม่เคยลาหยุดเลย ถ้าจะลากลับบ้านสักอาทิตย์สองอาทิตย์คงไม่เป็นไร อย่างน้อยก็กลับไปให้แม่บ่นว่าจะได้สบายใจก็แล้ว.  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD