BABYBURN :: CHAPTER 2 [70%]

1665 Words
รุ่งเช้าฉันก็ได้ชุดที่จะไม่ทำให้โดนลลิสต่อว่าเชยสิ้นดีแล้วล่ะ ชุดของฉันในวันนี้แต่งให้แมทช์เข้ากับกระโปรงยีนส์ทรงเอสีฟ้าอ่อนหวานๆ กับเสื้อสีขาวซีทรู ผมสีดำของฉันก็ก้าวรวบขึ้นเป็นมวยขึ้นไป พร้อมกับสวมรองเท้าผ้าใบสีขาวคู่โปรดที่สงครามเป็นคนซื้อให้ในวันครบรอบสองปีซึ่งคบหากัน ส่วนฉันก็ซื้อสร้อยคอแบรนด์หรูให้เขา เป็นสร้อยคอที่มีแหวนคู่ของชายหญิงสลักคำว่า ‘LOVE’ ซึ่งเป็นแหวนเหมาะกับนิ้วของเราสองคนซึ่งฉันสั่งทำพิเศษ ทุกวันนี้สงครามก็ยังคงใส่ติดคออยู่เสมอ แต่จะมีบ้างที่ลืมเพราะเขาถอดออกเวลาอาบน้ำ “วันนี้ผ่านนะ” “จริงเหรอ?” เมื่อก้าวขึ้นมานั่งบนรถมินิคูเปอร์สีเหลืองสดของลลิสที่แต่งตัวได้เซ็กซี่มาก เธอสวมกระโปรงยีนสั้นสีขาวกับเสื้อกล้ามสีดำเผยให้เห็นผิวขาว ฉันน่ะเคยโดนลลิสจับให้แต่งตัวแบบนี้ด้วย แต่ฉันคิดว่ามันไม่ค่อยเหมาะกับฉันสักเท่าไหร่เพราะมันโชว์เนื้อนมมาก ปกติฉันเป็นคนที่หน้าอกใหญ่อยู่แล้วเวลาใส่ชุดไปรเวท แต่เพิ่งมารู้ว่าช่วงที่มีอะไรกับสงครามหน้าอกของฉันมันกลับใหญ่โตมากกว่าปกติ ฉันเป็นคนที่มีหน้าอกคัพซีอยู่แล้วด้วย มีแค่หน้าอกเท่านั้นที่ใหญ่โตเพราะหุ่นของฉันก็เล็กบาง “พาไปช้อปปิ้งเสื้อผ้าหน่อยดีกว่า ถึงจะผ่าน แต่ก็นะ... ยังไม่เซ็กซี่พอ” “โธ่ลลิส เราไม่อยากจะสวยเริ่ดแบบลลิสนะ” ฉันทำหน้าบูดเมื่อเราสองคนมาถึงห้างสรรพสินค้า ลลิสพาฉันเข้าร้านนู่นร้านนี้ จนได้ถุงเสื้อผ้ามาอยู่ในมือ และเสื้อผ้าทุกชุดมันช่างเซ็กซี่มากๆ “ไว้จบม.ปลาย เข้ามหาลัยค่อยเซ็กซี่นะ” หลังจากเดินจนขาลากเราก็มานั่งกินเค้กกันที่ร้านประจำ คำพูดของลลิสเรียกสายตาของฉันซึ่งกำลังดูดน้ำองุ่นอยู่ “หมายความว่ายังไง ลลิสจะไปต่อที่ไหน ไม่ได้ไปกับเราเหรอ?” “เฮ้อ ถึงเวลาที่เราก็ต้องไปตามทาง แต่ยังไงฉันก็ยังเป็นเพื่อนเธอนะเทล” ฉันเบิกตากว้าง เมื่อรับรู้ว่าลลิสจะไปเข้ามหาลัยที่ไม่ใช่ที่เดียวกับฉัน “เธอน่ะต้องดูแลตัวเองนะเทล อย่าไปทำตัวแสนดีแบบนี้ ในช่วงเวลาที่เราโตขึ้น เธอจะต้องเจออะไรอีกมากมายที่ไม่เคยเจอ” ลลิสเตือนฉันด้วยความหวังดี เพื่อนน่ะมักจะเตือนฉันเสมอ แต่ฉันก็ไม่ค่อยจะฟังสักเท่าไหร่ เพราะคิดว่าสิ่งที่ฉันคิดกับสิ่งที่เพื่อนคิดมันสวนทางกัน โดยเฉพาะเรื่องของสงคราม ฉันขอตัวมาเข้าห้องน้ำเพราะเดี๋ยวต้องไปเที่ยวต่อกับลลิส หากแต่ระหว่างทางฉันกลับเห็นแผ่นหลังคุ้นตาของใครบางคนกำลังเดินอยู่อีกฝั่งของห้าง แต่กลับไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่เดินอยู่ ข้างกายของสงครามกลับมีหญิงสาวสวยหุ่นดี เซ็กซี่ควงแขนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม หัวใจของฉันแทบจะแหลกสลาย หวังให้ว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่ความจริง ฉันอาจจะตาฝาดก็ได้ที่เห็นเขาสองคนควงกันเดินเข้าร้านเสื้อผ้า สายตาและรอยยิ้มของสงครามยามมองเธอมันช่างเหมือนสายตาที่มองฉันไม่มีผิด ริมฝีปากของเขากดจูบไปยังแก้มนวลและพากันหายเข้าไปในร้านเสื้อผ้า ฉันหันหลังหนีภาพนั้นและเดินตรงเข้าไปนั่งในร้านเค้กตามเดิม “ไปเข้าห้องน้ำ ทำไมทำหน้ายังกับเห็นผีแบบนั้นอะ” “ลลิส เรารู้สึกปวดหัว เรากลับกันได้ไหม?” “อ้าวเหรอ ได้ๆ พี่คะเก็บเงินด้วยค่ะ” ลลิสไม่ได้ผิดสังเกตอะไรในตัวของฉัน อีกอย่างขืนอยู่ที่นี่ฉันไม่อยากนึกว่าถ้าลลิสเห็นสงครามกับผู้หญิงคนอื่นเธอจะทำอะไร ถึงแม้ฉันจะคิดว่ามันคือภาพลวงตา หรือฉันเองที่ตาฝาด เมื่อกลับมาถึงบ้านฉันก็ขึ้นห้องมาทันทีหยิบมือถือออกมาต่อสายหาสงคราม แต่สิ่งที่ได้รับคือเขาไม่ยอมแม้แต่จะรับสายหรือตอบไลน์มาหาฉันด้วยซ้ำ น้ำตาไหลอาบแก้มเมื่อนึกไปถึงภาพนั้น ขอให้ไม่ใช่เรื่องจริงเถอะ ฉันเคยเถียงกับผู้หญิงทุกคนที่เดินมาบอกฉันว่าคือแฟนของสงคราม และเรื่องนี้ฉันก็ไม่เคยบอกสงครามให้เขาได้รู้ เพราะคิดว่าผู้หญิงพวกนั้นต้องการตัวเขา แต่วันนี้ฉันเห็นกับตาตัวเอง แม้จะโกหกว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง แต่อดไม่ได้ที่จะไม่คิด ฉันตื่นอยู่นะ เห็นสิว่าภาพที่เห็นวันนี้มันคือของจริง สงครามตัวเป็นๆ ที่เดินโอบกอดกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน (“โทรมาทำไมถี่ขนาดนี้เนี่ยเทล”) ในที่สุดสงครามก็รับสาย แต่น้ำเสียงของเขาคล้ายหงุดหงิดจนฉันเม้มปากตัวเอง อยากจะถามเขาออกไปว่าวันนี้ควงผู้หญิงที่ไหน แต่สิ่งที่ฉันถามไปมันกลับขี้ขลาด “เราแค่คิดถึงคราม” (“เฮ้อ แค่นี้”) “อืม” ฉันตอบกลับไป “แล้วครามทำอะไรอยู่เหรอ?” (“เราอยู่คอนโด”) แม้จะรู้ว่าเขาโกหกแต่ฉันกลับเชื่อใจเขา แม้จะได้ยินเสียงผู้หญิงลอยเข้ามาทำนองว่า ‘ครามดูเสื้อตัวนี้สิ สวยไหม’ และก็เงียบหายไป เจ็บ จนพูดอะไรไม่ออก (“ไม่มีอะไรแล้วเราวางก่อนนะ พอดีไอ้อาร์มมาชวนเล่นเกม”) “อืม คราม เรารักครามนะ” “เราก็รักเทล” พูดเสร็จก็วางสายไป ไม่ช้าน้ำตาที่กักเก็บความเสียใจไว้ก็เทกระหน่ำออกมา ฉันล้มลงตัวร้องไห้กับหมอน สิ่งที่สงครามพูดมาทั้งหมดมันล้วนมีแต่คำว่าโกหกทั้งนั้น เขาไม่ได้อยู่คอนโด เขาไม่ได้อยู่กับเพื่อน แต่เขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่นที่ห้างสรรพสินค้าต่างหาก สิ่งที่ฉันพบเจอ นี่มันไม่ใช่ครั้งแรก แต่นี้มันนับครั้งไม่ถ้วนแล้วตั้งแต่คบกันมา และฉันคิดว่าการยอมมีความสัมพันธ์กับสงครามเพื่อความต้องการของเขา อาจจะทำให้เขาหยุดได้ แต่ไม่เลยสินะ... เขาไม่เคยแคร์ฉันเลยสักนิดเดียว ลับหลังฉันเขาคบผู้หญิงซ้อนจนนับไม่ได้ เพราะฉันรักเขาถึงได้ทำเป็นไม่รู้ ไม่เห็น คิดว่าเขาจะหยุดหลังจากฉันยอม แต่ไม่เลยที่สงครามจะหยุด ฉันต้องกักเก็บความเจ็บปวดเหล่านี้ไว้คนเดียว ทนคบกันเขาต่อไปเพราะคำว่ารัก วันเปิดเรียนมาถึง อีกแค่ไม่กี่วันก็จะสอบปลายภาคและควบกับการสอบเข้ามหาลัย ฉันเองก็ไม่รอเขาเพราะเลือกมหาลัยและคณะที่จะเข้าแล้ว เช้านี้ฉันยืนอยู่หน้าโรงเรียนโดยไม่ได้โทรหาเขาอย่างที่ควรจะเป็น “เอานมชมพูแก้วหนึ่งค่ะ” ฉันชอบกินนมชมพูมากที่สุดและยิ่งเป็นร้านประจำด้วยแล้ว ทุกเช้ามันจะทำให้ฉันหายเครียดและสดชื่น ร้านหน้าโรงเรียนอร่อยและโด่งดังจนนักเรียนต่างสถาบันต่างพากันรอคิว และไม่ต้องถามหาลลิสเลย รายนั้นเวลาวันจันทร์ทีไรจะมาเรียนตอนสามโมงเช้าตลอด “ได้แล้วจ้าหนูเทล” “ขอคุณค่ะ” รับแก้วนมชมพูมาไว้กับมือและควานหาเงินเพื่อจะส่งให้แม่ค้า แต่ทว่าฉันต้องเบิกตากว้างเมื่อกระเป๋าเงินที่ควรอยู่ในนี้มันหายไป หรือว่าจะลืมหยิบมากันนะ “ป้าคะ หนูลืมเอากระเป๋าเงินมา ถ้างั้นพรุ่งนี้...” “โอ๊ย พรุ่งนี้เอามาให้ป้าก็ได้จ้า” “ไม่เป็นไรครับ ผมจ่ายให้เขาเอง” น้ำเสียงเข้มดังขึ้นจากด้านหลัง ฉันเอี้ยวตัวหันไปมองใครบางคนที่ยื่นธนบัตรสีเขียวส่งให้แม่ค้า เขาเป็นนักเรียนชายคนหนึ่งซึ่งยูนิฟอร์มแบบนี้ไม่ใช่โรงเรียนเดียวกับฉัน ริมฝีปากยกยิ้มให้ฉันที่โค้งศีรษะให้ ฉันกลับคุ้นหน้าเขาอย่างบอกไม่ถูก ราวกับเคยเจอที่ไหนสักแห่ง แต่ก็จำไม่ได้ “ขอบคุณนะ แต่เราไม่อยากรบกวน” ฉันส่งยิ้มให้กับเขาก่อนจะขอเงินคืนจากแม่ค้า ยื่นเงินให้แต่เขาก็ดันมือป้าให้เก็บเงินไปพลางส่ายหน้าไปมา “ไว้เจอกันค่อยมาคืนก็ได้” “เอางั้นเหรอ ขอบคุณนะ” เขาพยักหน้าก่อนจะมองเมนูป้ายร้านน้ำ แต่กลับพูดกับฉันโดยไม่หันมามอง “ชื่ออะไร เราชื่อเหนือนะ อยู่ม.6 โรงเรียนเอกชนยู” เขาแนะนำตัวเองพลางโค้งศีรษะให้อย่างเป็นกันเอง โดยที่ฉันเองก็ไม่เสียมารยาท “เราชื่อดีเทล อยู่ม.6 เหมือนกัน” “เหรอ งั้นก็ใกล้จะสอบเข้ามหาลัยแล้วสินะ” ฉันพยักหน้ารับพลางดูดนมชมพูไปด้วย ผู้ชายคนนี้นอกจากจะหน้าตาดีแล้ว เขายังดูหล่อเหลา แถมยังแต่งตัวถูกระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วย เขารับแก้วนมชมพูเหมือนกับฉันจากมือแม่ค้า พลางหันมาสบตากับฉันที่ขมวดคิ้วกับภาพตรงหน้า ผู้ชายถือแก้วนมชมพู มันช่าง... ไม่เข้ากันเสียเลย “เราก็ชอบนมชมพูเหมือนกัน” “ใช่ไหม มันอร่อยสุดๆ ไปเลย” น้อยครั้งที่จะมีคนชอบอะไรแบบเดียวกัน สงครามเคยบอกว่ามันรสชาติหวานจนเลี่ยนไป เขาน่ะชอบกินชามะนาวมากกว่านมชมพูที่ฉันชอบ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD