BABYBURN :: CHAPTER 3 [30%]

1441 Words
ครามเหนือเทล #3 :: ผู้ชายที่ชื่อ ‘ทิศเหนือ’ :: และเพราะว่าใกล้สอบเข้ามาทุกที ฉันเลยพาตัวเองมาซื้อหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบคณะที่ต้องการ หลังจากที่ความสัมพันธ์ของฉันกับสงครามกลับมาเหมือนเดิม หลังจากที่ปรับความเข้าใจกันมากขึ้น ฉันไปติวหนังสือให้สงครามจริงๆ และไม่ได้มีเรื่องอย่างว่าเข้ามาเอี่ยวถึงแม้ว่าสงครามจะพยายามล่อลวงให้ฉันติดกับ แต่เรื่องเรียนสำหรับฉันมาก่อนที่หนึ่ง ดังนั้นการไปค้างกับเขาที่คอนโดจึงเป็นการบังคับสงครามให้ติวหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัย และเพราะว่าฉันไม่ได้ยอม ‘ติวบนเตียง’ กับเขา สงครามจึงขาดการติดต่อไป แต่ฉันรู้ว่าเขาไปติวกับคนอื่นไง คนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน เขาคิดว่าฉันคงโง่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร เขาทำเหมือนกับว่าฉันเป็นของตายที่คิดจะหวนกลับมาตอนไหนก็ได้ และฉันเองก็โง่ที่ยังยอมทำตัวแบบนี้ เกลียดตัวเองเหลือเกินที่รักเขาจนยอมทุกอย่าง “เฮ้ เธอดีเทล” “เอ๊ะ?” ฉันหันไปตามเสียงเรียกหลังจากคิดอะไรอยู่ในหัวทั้งที่ในมือถือหนังสือเตรียมสอบ ร่างสูงคุ้นตาวันนี้เขาสวมชุดกีฬาบาสสีเหลือง ดวงตากลมโต ริมฝีปากเล็กบางของเขา มันขลับกับใบหน้าหวานๆ แต่เรียบนิ่ง ฉันสำรวจใบหน้าของเขาอยู่นานจนดึงสติตัวเองกลับมา “ขอโทษนะที่จ้องหน้าเหนือนานไปหน่อย” “จำชื่อเราได้ด้วย เธอมาหาหนังสือเตรียมสอบเหมือนกันเหรอ?” พยักหน้ารับ มองร่างสูงที่ยืนเคียงข้างและหยิบหนังสืออีกเล่มไปดู “เราก็มาดูหนังสือสอบเหมือนกัน” เขาบอกความต้องการของตัวเอง และใช้สายตากวาดมองไปยังชั้นหนังสือ ตรงลำคอของเขามีหูฟังขนาดใหญ่สวมอยู่ และมันแปลกตามากเพราะตอนนั้นฉันไม่ทันได้สังเกตว่าเขาพกมันติดตัวตลอดเวลา “เหนืออยากสอบเข้าคณะไหนเหรอ?” “อืม... เอาจริงเราอยากเข้านิเทศ เราชอบทำอะไรเกี่ยวกับเบื้องหลัง ชอบถ่ายภาพ แต่ที่บ้านอยากให้เข้ารับราชการซึ่งเราไม่ชอบเลยจริงๆ” เวลาเขาอยู่กับฉันดูคุยเป็นธรรมชาติมาก แล้วทำไมเพื่อนในห้องถึงได้เห็นว่าเขาเป็นผู้ชายที่ดูนิ่งๆ ไม่เข้ากับใคร “น่าแปลกจัง เพื่อนเราบอกว่าเหนือดังมากๆ ในโรงเรียนเอกชนยู แถมยังเข้ากับคนได้ยาก เราไม่เห็นว่าจะเป็นแบบนั้นเลย” “หือ?” “ก็... เหนือคุยกับเราได้ธรรมชาติมากๆ ไม่เห็นจะนิ่งเฉย อย่างที่พวกเขาบอกเลย” เขาเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะเบ้ปากขึ้นบน พลางหยิบหนังสือมาดูโดยที่ฉันเองก็หยิบมาดู เราสองคนยืนอยู่ตรงโซนนี้นานพอควรก็ได้หนังสือตามที่ตัวเองต้องการ เมื่อจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยก็เดินออกมาจากร้านหนังสือ “หิว หาไรกินกัน” ร่างสูงเอามือลูบท้องตัวเองและกวาดสายตาไปรอบห้างและมาหยุดที่ฉัน “กินไรดี” “กินพิซซ่า” ฉันชี้นิ้วไปยังร้านพิซซ่าซึ่งแน่นอนว่าทิศเหนือพยักหน้ารับอย่างยิ้มๆ เราสองคนจึงเดินเข้าร้านไปนั่งประจำที่และสั่งพิซซ่าสองถาด สปาเก็ตตี้ ไก่ทอดและน้ำอัดลมรีฟิลเติมแบบไม่อั้น “คนพวกนั้นจะคิดแบบนั้นก็คงไม่แปลก” มองพนักงานที่เติมน้ำอัดลมให้ เธอมองทิศเหนือด้วยสายตาวิบวับ แต่เขากลับไม่สนใจผสานมือไว้ตรงคางและเอาแต่มองหน้าฉัน “ยังไงเหรอ?” ถามออกไปพร้อมดูดน้ำอัดลมจนเกือบครึ่งแก้ว เย็นจนขึ้นสมองเลย “ก็เราไม่เคยสุงสิงกับผู้หญิงที่ไหน ต่อให้ผู้หญิงพวกนั้นพร้อมจะเข้าหาก็ตามที” เขาคนหลอดในน้ำอัดลมวนไปมา พร้อมกับก้มลงดูดน้ำ “แต่เธอแตกต่าง” “แตกต่างเหรอ” ฉันขมวดคิ้วก่อนที่พนักงานจะนำอาหารมาเสิร์ฟจนครบ ทิศเหนือก็จับจ้องฉันด้วยรอยยิ้มแต่เห็นถึงความเศร้าจนสัมผัสได้ “เธอเหมือนใครคนหนึ่งที่เรารู้จัก” น้ำเสียงแหบพร่าพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “แต่คนๆ นั้นเขาจากเราไปแล้ว” ทิศเหนือหยิบชิ้นพิซซ่าขึ้นมากัดเข้าปาก เขาก็ไม่พูดอะไรต่อกระทั่งเราสองคนทานอาหารบนโต๊ะจนหมดเกลี้ยง ก็เดินย่อยอาหารด้วยการขึ้นไปยังชั้นบนของห้างเพื่อเล่นเกมโดยทิศเหนือสอนให้ฉันเล่นเกมที่ไม่เคยเล่นมาก่อนในชีวิต เล่นจนเหนื่อยทิศเหนือก็พาฉันออกทางประตูฉุกเฉินทางห้าง โดยพาฉันขึ้นไปยังบนดาดฟ้าซึ่งฉันก็ระแวงว่ารปภ.จะมาเห็น “เหนือ เรากลัวรปภ.จะมาเห็นนะ มาอยู่บนนี้น่ะ” “ไม่ต้องกลัวหรอก เรามานั่งบ่อย ตามมาสิจะพามาดูอะไร” เขากวักมือเรียกฉันไปยังด้านหลัง ก่อนจะปีนบันไดขึ้นไปยืนด้านบนขอบปูน โดยที่ฉันเองก็กล้าๆ กลัวๆ เมื่อเห็นเขายื่นมือมาตรงหน้า “ขึ้นมาสิ” ลังเลอยู่นานแต่ก็ทำได้เพียงยื่นมือไปวางบนฝ่ามืออุ่นร้อน เมื่อฉันขึ้นมายืนบนขอบปูนและมองออกไปยังวิวยามเย็นตรงหน้า มันช่างสวยงามจนเผลอยิ้มออกมาทั้งที่ฉันกลัวความสูงมาก ทิศเหนือกระตุกแขนฉันให้นั่งลงห้อยขาและรับลมเย็นๆ ซึ่งปะทะเข้ากับใบหน้าหล่อเหลา ผมสีน้ำตาลเข้มของเขาปลิวไปตามแรงลม เผยให้เห็นต้นคอของเขาซึ่งมีรอยสักรูปเข็มทิศแต่มีลวดลายที่สวยงามกว่า ฉันสะดุ้งเมื่อทิศเหนือหันมาสบตากับฉันที่กำลังจับจ้องต้นคอเขาอยู่ “เหนือสักด้วยเหรอ? สักตรงคอแบบนี้อาจารย์ไม่ว่าเหรอ” เขายกมือลูบต้นคอตรงรอยสัก ราวกับกำลังคิดคำพูดอยู่ “ว่าสิ โดนทำทัณฑ์บนด้วย แต่เราก็เป็นนักเรียนดีเด่น ทำประโยชน์ให้กับโรงเรียนก็เลยเป็นข้อยกเว้นไปแล้ว” “อ๋อ” เมื่อได้คำตอบที่ต้องการ ฉันก็หันกลับไปมองวิวตรงหน้าตามเดิม ทำไมรู้สึกสบายใจจังยามที่เห็นท้องฟ้าและได้รับลมเย็นๆ แบบนี้ เรื่องที่ควรคิดมากลืมไปหมดเลยนะเนี่ย “จริงสิ มีอะไรจะให้ฟังด้วย” จู่ๆ ทิศเหนือก็ปรบมือ ดึงหูฟังออกจากลำคอและสวมหูให้ฉันโดยที่ใบหน้าหล่อเหลาก็ขยับเข้ามาใกล้ ราวกับดูให้ถนัดว่าสวมใส่ให้ฉันดีหรือเปล่า และด้วยความที่เขาเข้ามาใกล้เกินไปฉันเลยถอยหลังหนี แต่ทว่าลืมไปว่าที่เรานั่งมันคือขอบปูน ฉันเกือบจะหงายหลังตกแล้วถ้าไม่ได้ฝ่ามืออุ่นคว้าเอวไว้ดึงเข้าหาตัวจนใบหน้าของเราสองคนชนกัน จมูกเฉียดกันไปมาพร้อมลมหายใจของเราสองคนที่ผสานอย่างลึกซึ้ง “ระวังด้วย เกือบตกแล้วไง” เขาว่าเสียงดุ แต่ยามที่เขาพูด จะรู้หรือเปล่าว่าริมฝีปากมันแตะบนริมฝีปากของฉันไปด้วย จำต้องเบือนหน้าหนีทั้งที่หัวใจเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ “ขะ ขอโทษนะ” ทิศเหนือปล่อยมือออกจากเอวฉัน ก่อนจะหันไปล้วงกระเป๋ากางเกงขาสั้น หยิบมือถือราคาแพงสุดหรูขึ้นมากดๆ กระทั่งหูฟังที่ฉันใส่มีเสียงเพลงขึ้นมา เขาเอียงคอมองฉันราวกับว่าจะถาม ได้ยินหรือเปล่า? ซึ่งฉันพยักหน้ารับและฟังเพลงที่เขาเปิด เมื่อฟังไปเรื่อยๆ ก็ต้องเบิกตากว้าง “นี่เพลง Eyes Closed ของ Halsey นี่นา” “เธอรู้จักด้วยเหรอ?” ฉันพยักหน้ารับ เพราะเพลงนี้ฉันชอบมากเลยๆ ล่ะ ฟังทุกวันจนร้องได้ พอฟังจบเขาก็ดึงหูฟังไปสวมใส่ที่ลำคอตัวเองต่อ “ลองฟังเวอร์ชั่น Cover ของโรเซ่ Blackpink หรือยัง?” ถามเขาออกไป ทิศเหนือจึงพยักหน้ารับ “อืม เราฟังแล้ว เวอร์ชั่นของโรเซ่นุ่มและลื่นหูมากๆ แต่ต้นฉบับก็แข็งแรงและดูมีพลัง” “ใช่ๆ” “คือทั้งสองศิลปินมีการร้องที่แตกต่างกัน เพราะในแบบที่ตัวเองเป็น เราชอบมากๆ เลยล่ะ” ทิศเหนือยิ้มอย่างอ่อนโยนและมองตรงออกไปยังวิวตรงหน้า ผู้ชายคนนี้อบอุ่นจนบอกไม่ถูกเลยนะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD