มองขนาดนี้ไม่เดินไปหาเลยล่ะ
“มิ้ม มึงจะไปเป็นครูสอนคอมเหรอวะ”
“เออ ตอนนี้กูสมัครไปแล้วก็ได้วะ แต่ไกลบ้านอยู่เหมือนกันมึง”
“ที่ไหนวะ”
“เออ นั่นดิ”
“พิจิตรว่ะ”
สวัสดีฉัน มิ้ม มายาริศา ก้องพัฒนาวานิช อายุ 23 ตอนนี้เพิ่งเรียนจบด้านนิเทศศาสตร์ เกรดเฉลี่ย 3.63 หึ แล้วกว่าจะหางานได้ไม่ได้ง่ายค่ะ ฉันเลยสมัครเข้าไปที่วิทยาลัยต่างๆ แล้วบังเอิญว่าวิทลัย A สนใจแล้วโทรกลับมาหาพอดี ฉันเป็นคนลพบุรี ส่วนพ่อฉันทำงานราชการเหมือนกันเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด แกเลยอยากให้ฉันรับราชการเหมือนกันก็ตรงใจพ่อเลย ส่วนแม่ฉันก็ไม่ได้ทำงานออกงานกับพ่อแทบจะทุกวันแล้วฉันเป็นลูกคนเดียว มีเพื่อนที่สนิท 3 คน คือ ดาว ฝ้ายแล้วก็โยเย แต่พอเรียนจบก็คงได้เจอกันน้อยลงไป
ฉันสูง 161 น้ำหนัก 46 ผมสีน้ำตาลเข้ม ผิวขาว ชอบกินเป็นชีวิตจิตใจ แล้วก็โสดจ้า แฟนที่เคยคบก็เลิกกันไปตอนปีสอง จากนั้นก็ไม่ค่อยมีเวลา อ๋อ ตอนนี้ฉันก็ขายของออนไลน์ด้วยนะแต่เพิ่งจะเริ่มทำเหมือนกัน สั่งผ้าแล้วก็จ้างเขาตัดเป็นชุดนอนแล้วก็ขายตามแพลตฟอร์มต่างๆ แต่มันเพิ่งเริ่มยอดก็เลยยังไม่เท่าไหร่ ตอนนี้ก็ยิงแอดโฆษณาโปรโมทก็ลองทำควบคู่กันดูถ้าทางไหนโอเคก็คงจะเลือกทางที่ใช่มากที่สุดแหละ เดี๋ยวขอไปคุยกับเพื่อนต่อก่อนนะ
“แล้วมึงเริ่มวันไหนว่ะ”
“อาทิตย์หน้า ตอนนี้กูก็ไปทำเรื่องรายงานตัวอะไรเรียบร้อยหมดแล้ว กว่าจะเสร็จเรื่อง แล้วเขาเห็นว่ามันคนละจังหวัดด้วยเขาเลยให้เวลาหาที่พักแล้วก็ไปรายงานตัวที่วิทยาลัยที่กูไปสมัครอาทิตย์หน้า ต้นสังกัดรับรู้เรียบร้อย ดีที่เขาใจดีกูเห็นพี่ที่อยู่ก่อนหน้าได้ไปวันนั้นเลยกูก็ถือว่าโชคดีไป กูก็เลยดูบ้านแล้วก็ซื้อบ้านโครงการใกล้ๆโรงเรียน”
“อิห่า ซื้อบ้านอยู่เลย”
“หึหึ เออ พ่อซื้อให้แล้วกูจะผ่อนกับพ่อเอา เพราะกูก็มีงานทำแล้วเลยอยากหาอะไรเป็นของตัวเอง”
“อ้าว แล้วโรงเรียนที่มึงไปสอนเขาไม่มีบ้านพักให้เหรอวะ”
“ก็มีแหละมึงแต่ของกูมันเยอะ แล้วกูขายชุดนอนด้วยไงมึง นี่กูต้องหาช่างตัดเย็บใหม่เสียค่าส่งไม่ไหววะมันเยอะ”
“สู้ชีวิตมากค่ะ แต่แม่มึงร้องไห้แล้วนะ”
ฉันหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะพยักหน้าพร้อมกับบอกกับพวกมัน
“เออ แม่กูเขาอยากให้อยู่บ้านแล้วก็ทำอะไรที่กูอยากทำ แต่พ่อกูก็อยากให้รับราชการเลยลองทำดูถ้าไม่ได้เขาก็ไม่บังคับ”
“หึหึ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะคุณครูมิ้ม”
“ยินดีค่ะนักศึกษา”
“หึหึ มาค่ะเก็บของแล้วมึงเดินทางวันไหน”
“อีกสองวันอะมึง ไปถึงนู่นก็ต้องจัดของอีก”
“เออมา รวมพลังช่วยแม่กูเก็บของเดี๋ยวต้องตีรถไปส่งเพื่อนกูที่พิจิตร”
ฉันมองหน้าเพื่อนตัวเองที่ตอนนี้ช่วยฉันเก็บของใช้ต่างๆที่จะเอาไปก่อนจะรู้สึกว่าขอบตามันเริ่มจะร้อน
“อิมิ้ม มึงเป็นไร”
“ฮึก กูรักพวกมึงนะ พวกมึงอะคือเพื่อนที่ดีที่สุดของกู แล้วกูไปอยู่นู่นก็ได้คุยแต่กับมึงทางออนไลน์อะ ปกติแดกเหล้าคอพับกันทุกคืน”
“อิมิ้ม เดี๋ยวกูจะตี จะร้องไห้ทำไมพิจิตรแค่นี้ค่ะ ขับรถ 3-4 ชั่วโมง ก็ถึงละปะ”
“จริง พร้อมวันไหนก็ทักมาแดกให้คอพับที่บ้านใหม่ของคุณครูมิ้ม”
“ถูก พร้อมเสมอเมื่อมึงต้องการตัว”
“ฮืออ พวกมึงอะ”
ฉันร้องไห้ก่อนจะกอดกันแล้วก็ร้องไห้ออกมาเพราะตอนเรียนก็มีแแต่พวกมันจริงๆ แล้วตอนนี้ก็ยังเป็นพวกมันแบบนี้จะไม่รักได้ไงอะ
2 วันต่อมา
“ยัยมิ้ม ถ้าไม่ไหวกลับบ้านเรานะลูก”
“หึหึ คุณนี่ลูกเราโตแล้วนะ นี่ ไอ้มิ้ม ไอ้แสบพ่ออยากให้เรารับราชการแต่ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องฝืนรู้ไหมเดี๋ยวย่าก็ตีขาพ่อลาย แล้วบอกจะฝากให้แถวนี้ก็ไม่เอาคนรู้จักพ่อเยอะแยะ”
“หึหึ พ่อขา แม่ขา มิ้มเก่งจะตายแล้วมิ้มสัญญาค่ะถ้าไม่ไหวมิ้มจะกลับมากอดพ่อกับแม่แน่นๆที่บ้าน แล้วไม่เอาหรอกค่ะสอบเองดีกว่าจะได้ไม่เสียถึงพ่อ”
ฉันกอดพ่อกับแม่แน่นๆเพราะอีกนานเลยกว่าจะได้กลับบ้านแล้วก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ส่วนปู่กับย่าก็ไหว้ขอพรท่านไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วน้ำตานองหน้าตลอดเลยตอนนี้ก็เหมือนกัน
“ไอ้แสบ พ่อกับแม่รอเราที่บ้านนะลูก”
“ค่ะ”
ฉันลาพ่อกับแม่เสร็จก็ขับรถออกจากบ้านและนำหน้ารถขนของที่พ่อจ้างมาก็ลูกน้องคนสนิทพ่อแหละโดยมีเพื่อนขับตามกันมาด้วยและตอนนี้ก็ถึงโครงการบ้านที่ซื้อไว้เรียบร้อย ฉันลงจากรถแล้วก็ติดต่อเจ้าหน้าที่เอากุญแจแล้วก็สัญญาต่างๆก่อนจะขับเข้ามาในซอยจนตอนนี้ก็ถึงหน้าบ้านเรียบร้อย
“รบกวนพี่ๆเอาเขาของมิ้มไปไว้ในบ้านหน่อยนะคะ เดี๋ยวมิ้มกับเพื่อนจัดการเองค่ะ”
“ครับผม”
“อือหื้อ อิมิ้มบ้านมึงสวยวะ”
“เออ สองชั้นกว้างมากแม่แล้วก็ยังมีพื้นที่เหลืออีก”
ฉันมองไปรอบๆก่อนจะพยักหน้าและพูดกับเพื่อนกลับไป
“เออ กูถึงตัดสินใจเอาแบบนี้ดีกว่าใกล้โรงเรียนด้วยประมาณ 15-20 นาที ก็ถึงแล้ว”
“เออเริ่ดมากแม่”
“เดี๋ยวตรงนี้กูจะให้เขามาทำสวนให้ด้วยมันจะได้มีต้นไม้ใบหญ้าบ้าง”
“หึหึ เหมาะเลยมึง”
“ทำไมวะ”
“ปูเสื่อแดกเหล้าค่ะ”
ฉันหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะพยักหน้าแบบเห็นด้วย
“เออ รอบหน้ามาเจอกัน เดี๋ยวกูจะซื้อกระต๊อบเล็กๆมาไว้ด้วยได้ฟิวส์ดี”
“ฟิวส์ไรวะอิมิ้ม”
“กอดเสาเถียงดิ เผื่ออกหัก แล้วคนแถวนี้เขาเรียกอย่างกูหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“อิสัสเอ๊ย กูก็บ้านเดียวกับมึงเนาะ แล้วกูชอบการที่มึงมองการณ์ไกล”
“หึหึ ไปค่ะเข้าบ้านใหม่”
“เออแล้วบ้านข้างๆ บ้านตรงข้ามก็มีเจ้าของหมดแล้วเหรอมึง ถ้ายังไม่มีพวกกูหางานที่นี่ดีกว่าจะได้มากอดเสาเถียงบ้านมึง”
“ตรงข้ามกับข้างๆมีแล้วมึง แต่ถัดขึ้นไปจากนี้อะยังว่างค่ะ โครงการใหม่”
ฉันบอกพวกเพื่อนของตัวเองออกไปเพราะฉันซื้อหลังสุดท้ายของซอยไม่ใช่อะไรนะเวลาของมาส่งจะไปบอกง่ายๆ
“เออ เริ่ดตรงนี้ รอพวกกูก่อนเสาเถียงมึงไม่เหงาแน่”
“อะ ก็มาดิคะ”
“อิมิ้มแล้วใครเขาจะหมั่นไส้มึงไหมวะ”
ฉันเอาของลงจากรถยนต์ส่วนตัวก่อนจะขมวดคิ้วแล้วถามไอ้โยเยกลับไป
“หมั่นไส้กูเรื่องไร”
“เอ้า เพิ่งเป็นครูแต่ขับมินิเปิดประทุน”
“ไอ้บ้า คงไม่หรอกแต่จะว่าไปเดี๋ยวกูโทรบอกพ่อให้ลูกน้องขับรถบ้านมาให้ดีกว่า”
ฉันพยักหน้าแบบเห็นด้วยแต่มันก็เรื่องส่วนตัวหรือเปล่าแต่ก็นะคนอื่นอาจจะคิดแบบเพื่อนฉันก็ได้
“รถบ้านมึงก็พอกันค่ะ”
“เออ ใช่ค่ะ”
“งั้นช่างมันเถอะไอ้สัส ใครจะมอง ใครจะอะไร เพราะกูไม่มีเงินซื้อรถใหม่ค่ะ อันนี้สมบัติที่พ่อแม่ให้มา แล้วเงินเดือนมันก็ไม่ได้เยอะนะมึงถ้าเกิดไม่พอส่งเดี๋ยวงานเข้า”
“หึหึ เออจริง”
“ปะเข้าบ้าน”
บรื้นนนน!!!
ฉันที่กำลังคุยเล่นกันอยู่มองไปที่บ้านฝั่งตรงข้ามแล้วก็เห็นผู้ชายขับบิ๊กไบค์เข้ามาแล้วไม่ใช่แค่คนเดียวนะเป็นกลุ่มเลยพร้อมกับได้ยินเสียงไอ้โยเยพูดขึ้นมา
“อือหื้อ บ้านตรงข้ามมึงคือดีมากอิมิ้ม”
“ดีห่าไร กูอยู่คนเดียวนะมึงกูกลัวค่ะ ออกไปแล้วเจอแบบนี้ทุกวันอะ”
“จริง มึงติดกล้องวงจรปิดยัง”
“เออใช่ กูลืมเรื่องนี้ได้ไงวะมึงช่วยกูหาสิใครรับติดบ้าง”
“เออๆ มาๆ”
พอพี่เขาเอาของลงให้ก็กลับไปแล้วช่างติดตั้งกล้องก็มาติดตั้งให้เรียบร้อยใช้เวลาไม่นาน พอเขาติดตั้งเสร็จก็เช็คความเรียบร้อยพร้อมกับจ่ายเงินช่างก็กลับไป แล้วเหมือนบ้านฝั่งนั้นชวนกันมาสังสรรค์นั่งกินเหล้ากันตั้งแต่หัววันแล้วรถก็คือเยอะมากซอยมันก็ไม่ได้ใหญ่การจราจรเลยดูจะติดขัด
“มิ้ม แล้วมึงอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม”
“ได้ค่ะแม่ สบายมาก”
“เออ รอพวกกูเดี๋ยวกูหางานโรงเรียนมึงเปิดรับครูอีกไหมถามมาสิ”
“เออ ถ้ามีจะรีบแจ้ง”
“ดีมาก งั้นเดี๋ยวพวกกูกลับก่อนนะมึง”
“เออ นี่ก็สี่โมงแล้ว ขอบใจพวกมึงนะที่มาช่วย”
“ขอบใจอะไรเพื่อนกัน เดี๋ยววันสองวันกูมาใหม่แค่นี้เอง”
ฉันยิ้มก่อนจะเดินมาส่งพวกมันที่หน้าบ้านเพราะกว่าจะกลับไปถึงบ้านกันก็คงจะมืดเป็นห่วงพวกมันตอนขับรถอีกถ้ากลับมืดๆ
“เออๆ ยินดีต้อนรับเสมอมาก็เข้ามาเลยค่ะไม่ต้องกดกริ่ง”
“ได้ มึงซื้อกระต๊อบน้อยกลอยใจไว้เดี๋ยวกูจะมานั่งกอดเสาเถียง”
“หึหึ เพื่อนบ้า ขับรถกันดีๆนะมึง”
“เคค่ะ”
ฉันกอดลากันแล้วหลังจากนั้นพวกมันก็กลับกันไปพอเพื่อนกลับไปฉันก็ขยับรถเข้ามาจอดในที่จอดรถของบ้านแล้วก็เดินออกมาปิดประตูรั้วก่อนจะเดินเข้าบ้านมาจัดของต่อ
“ไอ้โย มึงมองเพื่อนบ้านมึงขนาดนี้ไม่เดินไปหาเลยล่ะ”
“ฮ่าๆ เออจริงของไอ้นาย ขนาดนี้ลุกเถอะครับพ่อ”
“หึ กูหาแน่แต่ไม่ใช่วันนี้พวกมึงอยู่กันขนาดนี้เขากลัวกูพอดี”
สวัสดีครับ ผมวาโย เธียรวิชญ์ พงศ์ศิริโชติ เป็นลูกคนสุดท้อง พ่อแม่ผมอยู่จังหวัดใกล้เคียงนี่แหละมีพี่ชายสองคนมันจบแล้วก็เปิดผับเป็นศูนย์ซ่อมรถแต่งรถส่วนผมตอนนี้ก็ ขึ้นปวส.2 แล้วจบปีนี้แหละแล้วผมกับพี่ชายก็เหมือนเพื่อนกันอะ ส่วนบ้านผมพ่อทำอสังหาริมทรัพย์อันนี้ก็โครงการของผมกับพ่อถ้าขายได้เขาก็ให้ผมหมดลูกคนเล็กไงเลยตามใจผมเยอะแล้วเลือกเรียนที่นี่เพราะมันใกล้บ้านไม่อยากไปไกลแค่ทุกวันนี้แค่หาเงินก็เหนื่อยจะตายแล้วสภาพ อีกอย่างผมก็ไม่ได้เคร่งเรียนขนาดนั้นเท่าไหร่ด้วยเน้นหาเงิน ส่วนพี่ชายทั้งคู่มันก็ไปทำโครงการหมู่บ้านในแต่ละจังหวัดนั่นแหละแล้วก็ธุรกิจของพวกมันเอง
ผมสูง 186 น้ำหนัก 72 ตอนนี้ผมเรียนสาขาคอมพิวเตอร์กราฟิกเพราะผมชอบลวดลายอะไรพวกนี้เลยเรียนแล้วก็เอามาประยุกต์ใช้กับธุรกิจของตัวเองรายได้ก็ไปสุดมาก เพราะลูกค้าบางคนก็มาจากต่างประเทศด้วย อ๋อ แล้วผมนั่งกินเหล้าอยู่กับเพื่อนที่เรียนด้วยกันแล้วก็เพื่อนที่มาแต่งรถอะแหละรู้จักกันมานาน พอขับเข้ามาก็เห็นผู้หญิงตัวเล็กๆขาวๆอยู่บ้านฝั่งตรงข้ามแต่คงรุ่นเดียวกันแหละมั้งหน้าตาดูเด็กอยู่เลยนะ แต่น่ารักมากยิ่งตอนยิ้มยิ่งโคตรน่ารักเลยผมเลยนั่งกอดอกมองแต่ดูเหมือนจะระวังตัวอยู่เหมือนกันนะแต่สภาพพวกผมนั่งกันอยู่เป็นกลุ่มขนาดนี้ใครก็ต้องกลัวแหละ งั้นเดี๋ยวผมคุยกับเพื่อนผมต่อก่อน
“เฮ้ย เทอมนี่แม่งมีฝึกงานนี่หว่า”
“เออ เทอมหน้าก็เล่มแดง”
“หึ แดงหรรษามาแล้วไอ้สัส”
ผมยิ้มมุมปากก่อนจะยกแก้วเหล้าพร้อมกับบอกมันออกไป
“เออ ว่าแต่แล้วมึงฝึกงานไหนวะสัสโย”
“กูก็ฝึกร้านกูสิ ตรงสายพอดีถามอาจารย์แม่แล้วอาจารย์แม่บอกว่าได้”
“สัสเอ๊ย ใครให้ได้เท่านี้ ฝึกงานเอง ประเมินเอง อาจารย์ให้ที่ละไม่เกิน 6 คนงั้นพวกกูฝึกกับมึงนะเพื่อนโยไม่ต้องหาที่ไหนไกล”
“เออได้ เดี๋ยวกูจัดการให้”
“สมแล้วที่มึงเป็นลูกรักอาจารย์แม่”
คือทุกคนจะงงกันอาจารย์แม่ที่มันบอกก็คือ อาจารย์กัญญาวรรณ เป็นหัวหน้าแผนกนี่แหละแล้วก็ชอบให้ผมไปแข่งนู่นนี่นั่นเลยสนิทกันมีอะไรก็ปรึกษาแกนี่แหละ
“หึหึ แต่เปิดเทอมเราต้องเข้าไปก่อนอยู่ดีเอาเอกสารอะไรต่างๆ”
“เออ มีปฐมนิเทศก่อนออกฝึกด้วยนะ”
“นั่งหลับดิครับแบบนี้”
“เฮ้อ ทำไมอะไรก็ดูยังไม่เสร็จเลยวะ ลูกค้าสั่งของอีกงั้นแพ็คของก่อนแล้วกันพรุ่งนี้จะได้รีบเอาไปส่งยิ่งส่งเร็วลูกค้ายิ่งประทับใจ เอาของแถมใส่ไปด้วยแม้กำไรจะเหลือน้อยนิดแต่เพื่อความประทับใจของลูกค้าฉันต้องจัดเต็ม”
ฉันสั่งปริ้นที่อยู่ของลูกค้าแล้วก็ปล่อยมันปริ้นไปแล้วก็มาเอาชุดนอนใส่ลงไปในกล่องพัสดุแล้วก็ของแถมพอทำเสร็จเรียบร้อยก็รวบรวมไว้ในถุงกระสอบแต่เป็นลายน่ารักจะได้ยกทีเดียว เพราะมันยังไม่เยอะถึงขนาดที่จะให้บริษัทขนส่งมาเอาที่บ้าน พอทำเสร็จเรียบร้อยก็ว่าจะไปขับรถดูแถวนี้ว่ามีอะไรตรงไหนบ้าง พอเดินออกมาเปิดประตูบ้านฝั่งตรงข้ามก็ยังไม่ไปไหนนะยังอยู่เดิมแล้วเหมือนจะมีมาเพิ่ม
“แล้วจะเอารถออกยังไงวะ งั้นเดินไปบอกให้ขยับแล้วกัน”
ฉันตัดสินใจเดินไปที่รั้วบ้านตรงข้ามก่อนจะบอกคนที่นั่งกินอยู่ในนั้น
“เออ รบกวนช่วยขยับรถให้หน่อยได้ไหมคะ”
พวกผมที่นั่งกินเหล้ากันไปสักพักก็เห็นผู้หญิงที่อยู่บ้านหลังตรงข้ามเดินมาเรียกให้ไปขยับน่าจะรถของเฮียมันแหละเพราะมันเห็นว่าปิดประตูบ้านแล้วเลยจอดไว้ แล้วยัยนี่ชุดเดรสสีขาวแล้วหน้าอกอือหื้อ ผมเลยกอดอกมองนิ่งๆ
“อ๋อ โทษทีครับ พี่คิดว่าเราไม่ออกโทษทีๆ เดี๋ยวพี่รีบขยับให้”
“ขอบคุณค่ะ”
ฉันยิ้มให้พี่ผู้ชายตรงหน้าเพราะก็ไม่ได้โมโหอะพอพี่เขาบอกจะรีบขยับให้ฉันก็รีบเดินมาที่บ้านตัวเองแล้วก็ขับรถออกมาพร้อมกับล็อกประตูรั้วไว้ หลังจากนั้นฉันก็ขับรถออกมาเรื่อย ๆ ก็เห็นว่าถัดมาไม่ไกลมากเป็นตลาดใหญ่มากแล้วก็ทั้งคนทั้งรถเยอะมากเช่นกัน มีร้านสะดวกซื้อ อืม ต่อไปก็สั่งเอา แล้วก็มีร้านอาหารต่าง ๆ เต็มไปหมด พอซื้อของกินกลับมาก็ขับเข้ามาที่บ้านเพราะตอนนี้ก็ทุ่มนิด ๆ แล้วพอขับเข้าซอยมาก็เห็นมีเด็กตัวเล็ก ๆ เล่นอยู่ตรงสวนสาธารณะของหมูบ้านที่ทำไว้ให้คนมาพักผ่อนพอขับมาถึงซอยบ้านก็ไม่มีรถอยู่แล้ว
“เฮ้อ ดีนะที่กลับกันไปหมดแล้ว”
ฉันลงมาเปิดประตูรถก่อนจะได้ยินเสียงบ้านที่ถัดขึ้นไปหลังหนึ่งเหมือนจะทะเลาะอะไรกันสักอย่างแต่ก็ไม่ได้สนใจถ้าเป็นบ้านข้าง ๆ กันคงจะต้องออกไปข้างนอกอีกรอบ ฉันเปิดประตูรั้วแล้วก็มาขับรถเข้ามาจอดในบ้านแล้วจังหวะที่กำลังจะปิดประตู
“อุ้ย”