Intro

2402 Words
เคยเดินตามรอยพ่อและแม่ไหม แม่เธอเรียนเก่งมากเลยนะ พ่อเธอก็เป็นหมอที่เก่งที่สุดในเกาะ แต่มันไม่ได้แปลว่าเธอจะเก่งที่สุด ผิงผิงเด็กน้อยวัย 18 ปี ที่ถอดแบบแม่มาทุกกระเบียดนิ้ว ลูกรักหัวแก้วหัวแหวนของท่านไคแห่งไป๋กรุป เพราะเธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว แต่การแบกนามสกุลไป๋โดยที่ตัวเองไม่ได้เก่งทางไหนเลย ซึ่งต่างจากพวกพี่ ๆ อย่างสิ้นเชิง ที่แต่ละคนก็เก่ง เด่นดังไปซะหมด แถมชื่อเสียงด้านเกเรก็ไม่เคยแพ้ใคร ทำให้การแบกนามสกุลของเธอนั้นมีแต่คนเกลียด ไม่ใช่คนรัก 6 ขวบ (ประถม) "นั่นไง คนนั้นไป๋อะเธอ" "ไม่เอาอย่าไปเล่นด้วยเลย เดี๋ยวโดนแกล้งนะ พี่ชายฉันโดนพี่ชายเธอแกล้งทุกวัน ไม่เอาหรอก" เสียงซุบซิบของเด็กสาวที่ตัดสินเด็กตัวเล็กไปแล้ว แม้เธอจะไม่เคยทำอะไรให้ใครเลยก็ตาม เด็กน้อยเริ่มปิดตัวเอง พูดคุยกับใครน้อยลง แต่ข่าวลือของเธอกลับหนาหู การที่เธอไม่เพื่อนเลย ทำเอาคนเข้าใจเธอผิดไปต่าง ๆ นานา นั่นก็เป็นสิ่งที่คนตัดสินเธอไปแล้วเช่นกัน . 13 ขวบ (มัธยม) เมื่อยิ่งโตการกลั่นแกล้งก็เริ่มเข้ามา จากเบา ๆ ก็เริ่มหนักขึ้น คนที่โดนพี่ของพวกเธอแกล้ง บางคนก็มาลงกับคนที่เป็นน้องสาวแบบเธอ เพราะทำอะไรพี่ชายเธอไม่ได้ คนที่เข้ามาเป็นเพื่อนเธอก็ต้องถอยห่าง เพราะไม่อยากโดนแกล้งไปด้วย เมื่อเธอลุกขึ้นมาสู้ เพื่อน ๆ รอบ ๆ ตัวกลับมองว่าเธอเป็นคนโหดร้าย จนเธอไม่มีเพื่อนอีก "แกนั้นไง คนที่ตีผู้ชายห้อง A จนหัวแตก" "บ้านไป๋ก็แบบนี้อะ พวกป่าเถื่อน อย่าไปยุ่งเลยแก" . ปัจจุบัน การมีแผลกลับมาไม่เว้นแต่ละวันของผิงผิง ทำให้บรรดาพี่ ๆ ของเธออยู่เฉยกันไม่ได้ จนต้องเอ่ยปากถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหลายครั้ง แต่เธอก็ไม่เคยเอ่ยปากพูดเลยสักแอะเดียว "ทำไมหัวแตกกลับมา" คำถามจากบรรดาพี่ชายทำให้เธอต้องเงียบ "ฉันทำแผลเองได้" "รังแกใครไม่รังแก มารังแกน้องฉัน แบบนี้มันต้องรู้จักกันหน่อย" ริวพี่ชายคนรอง พูดออกมาด้วยสีหน้านิ่งเรียบ แม้ตัวเองจะไม่พอใจ "ต้องทำให้พวกมันรู้สักหน่อย ว่าน้องฉันใครก็แกล้งไม่ได้ ยกเว้นฉันแค่คนเดียว" "แต่เฮียฟ่งมีน้องสาวอยู่แล้ว ผิงผิงต้องให้เราดูแลถึงจะถูกจริงไหม" พี่ชายฝาแฝดที่เหมือนกันแทบจะทุกกระเบียดนิ้ว หันไปแขวะคนเป็นพี่ชาย "เหม่เหมนะเหรอ นั่นมันปีศาจ น้องสาวที่ไหน อีกนิดก็แม่แล้ว แล้วอีกอย่างพวกแกดูแลน้องได้ น้องคงไม่เจ็บตัวกลับมาแบบนี้" ฟ่งเทียนพูดกับสองแฝดอย่างกวน ๆ กับความผิดพลาดใหญ่โตนี้ "คณะที่พวกเราเรียน มันห่างกันโคตร ๆ น้องเรียนหมอ แต่ฉันพอจะรู้ว่าใครช่วยเราได้" สองแสบมองหน้าอย่างรู้กัน ก่อนจะคว้ากุญแจรถแล้วออกจากบ้านไปเลย "ฉันโคตรเกลียดการคิดอะไรแล้วทำเลย ของพวกมันจริง ๆ คิดบ้างไหมไม่โทรไปนัดแล้วเค้าไม่อยู่บ้าน มันจะไปเสียเที่ยว งี่เง่า" ริวเดินนำเข้าไปในบ้าน โดยลากแขนของผิงผิงเข้าไปด้วย "พอแล้วฉันโตพอจะทำอะไรเองแล้วนะ" "เค้าบอกว่าจุ๊บที่ปาก แล้วจะหายเจ็บหัว ลองดูไหม" "ฉันไม่ได้โง่ ฉันเลิกเชื่อมาตั้งแต่มัธยมแล้ว ป๊าบอกว่า ถ้าเฮียหลอกจุ๊บฉันอีก ให้เอาดาบแทงทะลุอกได้เลย เฮียอยากลองดูไหม เฮียจะไม่มีโอกาสได้ชักปืนเลย" ริวนั่งหัวเราะแล้วทำแผลต่อไป การที่เขาไม่มีน้องสาวทำให้เขาดูแลผิงผิงเป็นพิเศษ "เฮียยยยยริววววววววววว" เสียงจากคนที่ดังมาจากในครัว ทำให้คนทำแผลต้องหยุดชะงัก แล้วหันไปมองต้นเสียง "เหม่เหมเรียกแกแล้ว ยาว บ่นยาวแน่ แกเก็บของอะไรของยัยนั่นไปกันแน่" "เก็บอะไรวะ น้องเฮียมันขี้ลืม ลืมแม่งทุกอย่าง หาอะไรก็ไม่เคยเจอ ตาถั่ว แม่งหาไรไม่เจอโทษฉันไว้ก่อน ได้เหรอวะ ดูแลบ้างนะ" ริวยัดอุปกรณ์ทำแผลใส่มือเฮียฟ่ง แล้วเดินเข้าไปในครัว กลายเป็นฟ่งเทียนต้องมาทำแผลให้น้องแทน หัวที่แตกจนเลือดซิบทำให้คนเป็นพี่โมโหไม่น้อย แม้เขาจะชอบแกล้งน้อง ๆ แต่ก็ไม่เคยทำถึงเลือดออกแบบนี้ "ใครทำ เฮียจะไปจัดการมัน" ฟ่งเทียน พยายามจะแปะปลาสเตอร์ยาที่หัวของน้องสาว "ไม่ต้องค่ะ แค่นี้การไปมหาลัยของฉันมันก็โคตรน่าเบื่อ ฉันไม่อยากไปเลย ไม่เห็นมีอะไรสักอย่าง" การตัดพ้อของคนเป็นน้องสาว เขาขยับหน้าเข้ามาใกล้เธอ จนเธอต้องรีบใช้มือดันออก "เฮียจะทำอะไร" "ริวมันบอกไง จุ๊บที่ปากจะหายเจ็บหัว กลัวอะไร เมื่อก่อนก็ทำให้บ่อย ๆ เธอก็หายเจ็บทุกครั้ง" ฟ่งเทียนยิ้มออกมากวน ๆ เพื่อยั่วโมโหน้องสาวที่ตัดพ้อชีวิตเหลือเกิน "อยากตายใช่ไหมคะ" "เออ มันต้องแบบนี้สิ จะมาทำตัวขี้แพ้ได้ยังไง ไม่ให้เฮียจัดการให้ เธอก็ต้องจัดการเอง เธอจัดการคนพวกนั้นง่ายนิดเดียว แต่เธอไม่ยอมทำ ทำไม?? " ฟ่งเทียนถามน้องสาว ที่ยอมตัวเองถูกแกล้งมาทุกวัน "เพราะฉันอยากมีเพื่อนมั้งคะ ทำแผลเสร็จแล้วใช่ไหม ฉันไปล่ะ" ผิงผิงเดินขึ้นไปบนบ้านหลังใหญ่ ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อพวกเธอและเขาทุกคน บ้านที่เธอกับพี่ใช้อยู่ร่วมกันมาตั้งแต่ 5 ขวบ . ผิงผิง Say :: พวกเฮียจะมารู้อะไร เฮ้ออออ ทุกโรงเรียนมันมีชนชั้น แม้ฉันจะพยายามอยากเป็นเพื่อนกับใคร ก็ไม่ได้ทั้งนั้น นี่ฉันเข้ามหาลัยมา 1 เดือน ก็โดนแกล้งจนไม่อยากไปเรียนแล้ว ถ้าฉันโหดร้าย ใครจะอยากเป็นเพื่อน แล้วฉันควรจะทำยังไง ฉันหลับตาลงให้อาการปวดแผล มันได้เบาบางลง "ทำไมเป็นคนบ้านไป๋มันยากจังเลย" ฉันพึมพำสิ่งที่อยู่ในใจ "ไม่อยากหรอก ถ้าเราเป็นตัวเรา" เสียงใสของหญิงสาวทำให้ฉันต้องลืมตาตื่นขึ้น เพราะไม่มีแม้แต่เสียงเปิดประตูด้วยซ้ำ แล้วเธอเข้ามาได้ยังไง ฉันลืมตามองหญิงสาวสวยราวตุ๊กตา ที่ยืนตัวมามองฉันที่นอนตัวแตกอยู่บนเตียง "เจ้ไม่เข้าใจหรอก" "เจ้อาจจะไม่เข้าใจ เจ้มันเจ้าหญิงส่วนฉันราษฎร ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง ไม่เป็นที่รัก ทำอะไรก็มีแต่คนเกลียด เพราะทุกคนตัดสินฉันไปแล้ว เจ้ไปเถอะฉันอยากอยู่คนเดียว" พูดไปเจ้ไม่เข้าใจ จะพูดไปทำไม ฉันมันก็แค่ "เฮียฟ่งแปะแผลได้ทุเรศมาก ไปกินข้าวเถอะ เจ้ทำอาหารเสร็จแล้ว" เจ้เหม่เหมพยายามจะดึงฉันขึ้นมาจากเตียง ทำไมคนบ้านนี้ชอบบังคับ ไม่เข้าใจคำว่าอยากอยู่คนเดียวกันเลย ขออากงกลับไปอยู่บ้านได้ไหมนะ . แกร่ก~* เสียงเปิดประตูของใครอีกคน กำลังเปิดเข้ามา ทำให้ฉันต้องชะเง้อไปมอง แขกที่ไม่ได้เชิญ นี่พวกพี่ ๆ ของฉันเข้าใจคำว่าห้องส่วนตัวบ้างไหม "เร็ว ๆ เดี๋ยวจะไม่ทันฝึกรอบเย็นนะ บอกเลยว่าเฮียจะตีให้หมอบเลย" เฮียฟ่งหรี่ตามองฉันที่ไม่ยอมออกไปกินข้าวสักที โลกของฉันไม่มีอะไรที่ฉันต้องการสักอย่าง แถมคนในบ้าน ก็ไม่เข้าใจ นี่ฉันกำลังจะเป็นเด็กมีปัญหานะ โลกนี้ทำไมมันถึงได้มืดมนขนาดนี้ ขนาดเวลาจะนอนยังไม่ได้นอนเล๊ยยยยยยย ฉันจำใจเดินตามพวกพี่ ๆ ไปนั่งกินข้าว ที่ต้องนั่งกินพร้อมหน้ากันในทุก ๆ วัน เพื่อ!!!!!!! ที่นั่งหัวโต๊ะนั่น เฮียฟ่ง หรือคุณชายฟ่งเทียน ปีนี้ อายุ 23 แล้ว แต่ชอบทำอะไรเป็นเด็ก ตีกับเฮียได เฮียไรได้ทุกวัน แต่ก็ว่าไม่ได้หรอกร้ายพอกันนั่นแหละ พี่ใหญ่สุดของบ้าน ต้องดูแลน้อง ๆ ทุกคน แล้วตอนนี้ก็ยังเป็นครูดาบของฉันด้วย ที่นั่งถัดมา เฮียริว ผู้ชายที่...เหมือนแม่เข้าไปทุกวัน ของในบ้านต้องเป็นระเบียบ จัดมันทั้งวัน ว่างก็จัด เจออะไรก็จัด ทุกอย่างต้องเป๊ะ ไม่เว้นแม้แต่ชุดที่ใส่ เป๊ะมันตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำตัวแก่เกิน อายุ 22 มาก ๆ ที่ตรงข้ามสวย ๆ นั่นอ่า เจ้เหม่เหม สาวสวย สวยสุดในซอย เออก็ซอยนี้มีแต่บ้านของฉัน คนที่คอยช่วยทำอาหาร แม้บ้านเราจะมีแม่ครัว หญิงสาวผู้ขี้ลืม ลืมมันทุกอย่าง วางอะไรไว้ก็ลืม หนักเข้า ลืมใส่กางเกงในออกจากบ้านก็ยังเคย ของแบบนี้ลืมได้เหรอวะ แล้วนั่น 2 แฝด พ่อฉันบอกว่าชีวิตจะพลาดอะไรก็ได้ แต่ถ้าพลาดได้ดองกับ 2 คนนี้นรกแตกแน่ ตายยังจะดีกว่า เพราะหน้าที่เหมือนกันที่แทบแยกกันไม่ออกเลย มีอย่างเดียวที่ต่างกันคือ สันดาน ล่าสุดมานี้ พาหญิงเข้ามาในบ้าน ก็ดันแท็กทีมเวียนเทียนเขาอยู่แบบนั้น แบบว่าได้เหรอวะ "นี่ยัยกระต่ายน้อย เฮียไปทาบทามบอดี้การ์ดให้เธอแล้วนะ" เฮียไดหันมาพูดกับฉัน พร้อมกับกระตุกยิ้มมุมปาก "ฉันไม่ได้อยากได้บอดี้การ์ด ฉันดูแลตัวเองได้ ที่หัวแตกนี่เพราะฉันโง่เอง คิดว่าไอ้เวรที่โยนมามันพยายามมานานแล้ว เลยยอมให้มันโดนบ้างสักที ชีวิตของมันจะได้ Success แล้วเรียนหมอมันหนักนะเฮีย เฮียอี้เค้าปี 3 แล้ว จะให้มาดูแลฉันก็ใช่เรื่อง" เฮียอู้ เอ้ย เฮียอี้ ลูกชายของป้าพลอย ชายผู้ที่...ไม่อยากพูดเลย นักศึกษาแพทย์ที่ไล่ฟันชาวบ้านชาวเมืองไปเรื่อย โดยเฉพาะผู้หญิง ฉันไม่ชอบอะ บ้าหม้อ "แต่มันก็ไม่สมควร คิดว่าเราจะเป็นห่วงไหม ผิงผิงเจ็บกลับมาทุกวันเลย" เฮียไรลูบที่แผลของฉันเบา ๆ ผู้ชายที่มองผ่านฉันผ่านแว่นตา ก่อนจะเป่าที่แผลบนหัวของฉัน นี่ไงที่ฉันบอกว่าแยกผ่านสันดา หน้าเหมือนกัน แต่นิสัยได้พ่อได้แม่มาคนละขั้วเลย "อย่ามาทับที่ฉันได้ไหม ฉันเป่าให้น้องไปแล้ว" แล้วคนที่นั่งหัวโต๊ะก็ส่งเสียงตีกันอีกแล้ว ทำให้เฮียไรปาตะเกียบไปทะลุชามข้าวของคนที่พูดเลย "บ้านนี้มีแต่พวก Siscon" เจ้เหม่เหมพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม (Sis Con : พวกคลั่งน้องสาว) นี่แหละนะ บ้านที่อบอุ่นของฉัน อบอุ่นจนร้อนเลย ร้อนระอุแม้ยามกินข้าว นี่เป็นเหตุผลที่บ้านเรามีแต่คนหุ่นดี เพราะการกินข้าวของเรานั้นมันไม่ได้ สงบสุขแบบบ้านอื่นไง ฉันได้แต่ตักข้าวในชามเข้าปากแบบเซ็ง ๆ "มีแต่พวกปัญญาอ่อน เธอก็หัดกินปลาเยอะ ๆ บ้าง สมองมันจะจำอะไรได้บ้าง" "เพราะเฮียนั่นแหละ ขยันเก็บบ้านอะไรนักหนา" เอ้าาา แล้วนี่ก็เป็นอีกคู่ โอ๊ยยยยย ปวดหัวววววววววว . อีกด้าน "คุณชายคะ คุณผู้หญิงให้ตามค่ะ" "หม๊านะเหรอ จะไปเดี๋ยวนี้" คุน ลูกชายคนเดียวของคุณนายอามู่ เขาต้องดูแลธุรกิจการนำเข้าส่งออกของครอบครัวตั้งแต่อายุยังน้อย แม้ตอนนี้จะยังเรียนโทอยู่ แต่เขาก็มีชื่อเสียงในวงธุรกิจเป็นอย่างมาก อาคุณเดินมาหาคนเป็นแม่ที่ห้องทำงาน โดยมีป๊าของเขานั่งรออยู่ที่โต๊ะทำงาน นิ่งเงียบไม่พูดอะไร ทำให้คนที่เพิ่งเข้ามาไม่กล้าที่จะพูดอะไร "บ้านไป๋เชิญเราไปกินข้าว แกจะว่ายังไง นี่เป็นครั้งที่ 5 แล้ว" คนเป็นพ่อพูดกับลูกชายที่เข้าใจสถานการณ์ดี ว่าการที่เขาเชิญไปกินข้าวบ่อย ๆ หมายถึงอะไร "ผมไม่ว่าง" "หม๊าอยากให้ไป อย่าปฏิเสธเลย ไม่ว่าจะตอนไหน เราก็จะต้องดองกันอยู่ดี ปีนี้อาคุนของแม่โตเป็นหนุ่มหล่อแบบนี้แล้ว ไปเถอะ ผู้หญิงบ้านนี้ไม่ได้น่ากลัว อย่าให้ผู้ใหญ่ต้องผิดใจกันเลย" "ถ้าเลือกได้ ให้เลือกเหม่เหมนะ พ่อของเธอนิสัยดี ลูกสาวท่านไค ลูกเราอาจจะสูญพันธุ์" คนที่เป็นพ่อนั่งเปิดเอกสาร พร้อมพูดกับเรื่องที่มันเหมือนจะเป็นเรื่องปกติ "คลุมถุงชนงั้นหรือครับ" "แกจะไม่เลือกก็ได้ ไม่มีห้าม แต่ถ้าจะเลือกให้เลือกคนพี่ เพราะดูแล้ว ถ้าเลือกคนน้อง ศัตรูเพียบ ป๊าไม่ได้บังคับ แต่พูดเผื่อเอาไว้ บ้านไป๋เชิญมาถี่ ๆ แบบนี้ เค้าอยากได้แกแน่ ๆ ถ้าแกไม่ไปเอง เดี๋ยวสักวันก็มีรถตู้มาอุ้มเอง ไปแบบราชสีห์ ดีกว่าถูกจับไปแบบหมา" "ช่างเป็นบ้านที่น่าคบจังเลย" อาคุนพูดแกมประชดใส่คนเป็นพ่อ ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานอย่างไม่พอใจนัก พ่อเขาพูดอะไร เหมือนรู้เรื่องหน้าไปซะหมด มันเป็นอะไรที่เขาไม่ชอบเลย . =================== นิยายเรื่องนี้แบ่งเป็น 2 พาร์ทนะคะ วัยรุ่น กับวัยทำงาน ให้เราได้เห็นมุมมองของตัวละครที่โตขึ้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD