ตลอดทางเดินกลับไปยังตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ สายตาหลายคู่ต่างหันมามองฮันนี่เป็นตาเดียวจนหญิงสาวสัมผัสได้
ฮันนี่ได้แต่ถอนหายใจพรืดยาวเพื่อระบายความอึดอัดที่อยู่ข้างในใจออกมา ก่อนจะรีบมุ่งตรงไปหาเพื่อนรักที่นั่งทำอะไรบางอย่างอยู่โต๊ะตัวยาวอยู่ด้วยความตั้งใจ
“ทำอะไรกันอยู่” ฮันนี่เดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ อันดาที่ยังว่างอยู่ หญิงสาวเอ่ยถามเพื่อนรักที่กำลังตั้งใจตัดกระดาษอยู่จนแทบไม่ทันสังเกตว่าเธอนั่งอยู่ข้าง ๆ
“อ้าว!! มาแล้วเหรอแม่ตัวดี” เพียงแค่ได้ยินเสียงของฮันนี่ อันดาหันขวับไปมองหน้าเพื่อนรักทันทีพร้อมกับเอ่ยประโยคที่ทำให้ฮันนี่ถึงกับลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่
“สรุปมีผัวแล้ว?” มาร์ชยิ้มมุมปากเอ่ยแซวเพื่อนรักของตัวเองทันทีเมื่อสบโอกาส
“แกไปเป็นเมียวายุตั้งแต่ตอนไหน ไอ้ฮันนี่”
“พูดบ้าอะไรของพวกแก” ถึงแม้ว่าวายุจะประกาศปาว ๆ ว่าเธอนั้นคือเมีย ฮันนี่ก็ยังคงปฏิเสธเสียงแข็งกับเพื่อนตัวเองอยู่ดี
“ปานแดงใต้ราวนม คืออะไรวะ?” โฬมที่นั่งนิ่งรอฟังอยู่นานเอ่ยประโยคที่เปรียบเสมือนหมัดน็อกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงกรุ้มกริ่ม ทำให้ฮันนี่ถึงกับเลิ่กลั่กจนเพื่อนรักทั้งสามจับสังเกตได้
“นะ นี่ พวกแกเชื่อผู้ชายคนนั้นงั้นเหรอ? ปานแดงอะไร ฉันไม่มี” มือเล็กโบกไปมา เป็นเชิงปฏิเสธพร้อมกับส่ายศีรษะรัว ๆ
“เหรอ / จริงเหรอ?” น้ำเสียงเย้าแหย่ของอันดาและมาร์ชพูดขึ้นพร้อมกัน แววตาของทั้งคู่ยังจ้องมองพฤติกรรมของเพื่อนรักอยู่เนือง ๆ พร้อมกับใบหน้าขบขัน เมื่อเห็นใบหน้าเหลอหลาของฮันนี่ที่ดูยังไงก็น่ารักจนน่าแกล้ง
“จริงสิ”
“ไม่บอกพวกฉันจริง ๆ เหรอ ? พวกฉันไม่ได้บังคับนะ แค่อยากให้แกเล่าเอง” ยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าของอันดา แววตาทอประกายเต็มเปี่ยมไปด้วยความอยากรู้ความสัมพันธ์เมื่อครั้งอดีตของเพื่อนรัก
“ใช่ ๆ แต่ถ้าแกไม่สบายใจ ก็ไม่ต้องเล่าก็ได้นะ” โดยมีมาร์ชสมทบเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับอันดา ใช้มือเท้าคางทำตาปริบ ๆ มองฮันนี่เพื่อขอความเห็นใจ
“โอ๊ย!! ถ้าจะพูดแบบนี้ พวกแกบอกมาตามตรงเถอะ (ว่าอยากรู้)” ฮันนี่อุทานเสียงหลง เมื่อเห็นใบหน้าของเพื่อนรักที่โน้มหน้ามาเหมือนกำลังรอฟังคำบอกเล่าจากปากเธอ
“เออ!! / อยากรู้ / อยากรู้” เพื่อนสนิทของฮันนี่อุทานขึ้นมาพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย เรียกรอยยิ้มจากฮันนี่ได้เป็นอย่างดี ก่อนที่เธอจะตัดสินใจเอ่ยบอกความสัมพันธ์ของตัวเองและวายุ
“ฉันกับนายวายุเคยคบกันสมัยเรียนมัธยมปลาย”
“แล้วเลิกกันทำไม?” อันดาขมวดคิ้วเป็นปม หากเดาไม่ผิดวายุคงเป็นแฟนคนแรกของฮันนี่ และคงเป็นผู้ชายที่สร้างบาดแผลในใจให้กับฮันนี่ จนไม่กล้าคบหรือเปิดใจให้กับผู้ชายคนไหนตลอดมา หรือพูดได้อีกแบบหนึ่งคงเป็นเพราะฮันนี่ไม่เคยลืมวายุจากใจเลยต่างหาก
“เนี่ย!! นิสัยอยากรู้เรื่องชาวบ้านของพวกแกไม่เป็นสองรองใครจริง ๆ” คำพูดกระแนะกระแหนของฮันนี่เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนรักทั้งสามได้เป็นอย่างดี
“ถ้าจะพูดขนาดนี้แล้ว เล่ามาเถอะ”
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน จู่ ๆ นายนั่นก็หายไปจากชีวิตฉัน” ถ้าจะให้บอกถึงเหตุผลที่เลิกกันจริง ๆ ฮันนี่เองก็บอกไม่ได้ อาจจะเป็นเรื่องผู้หญิง หรือเรื่องชอบฟันแล้วทิ้งของวายุ เธอเองก็ไม่ทราบได้เช่นกัน
“แกไม่อยากรู้ความจริงเหรอ ? ว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ตอนนั้นพ่อของฉันได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าอีกจังหวัดหนึ่ง ทุกอย่างเกิดขึ้นกะทันหัน หลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้ติดต่อนายวายุอีกเลย” ใจของเธอก็อยากทราบเหตุผลเหมือนกัน แต่เพราะมีเหตุจำเป็นทำให้เธอต้องตัดใจและยอมเจ็บย้ายไปอยู่กับพ่ออีกจังหวัดหนึ่ง
“แกไม่อยากเคลียร์ใจเหรอ”
“ไม่มีอะไรต้องเคลียร์ใจแล้ว!! อีกอย่างเพื่อนฉันบอกว่า นายวายุหลอกฟันแล้วทิ้ง” เป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ฮันนี่ตัดใจจากผู้ชายคนนี้ ผู้ชายที่เป็นรักแรกของเธอ และยังเป็นคนแรกที่เธอมอบร่างกายของตัวเองให้
“ฆ่าเลยดีมั้ย” อันดากัดฟันกรอดด้วยความแค้นเคืองใจ ผู้ชายอย่างวายุไม่คู่ควรกับเพื่อนของเธอเลยจริง ๆ
“ฉันโง่เองค่ะ แต่ไม่เป็นอะไร เรื่องทุกอย่างเป็นแค่อดีต” ทุกอย่างคือเรื่องราวในอดีตที่ฮันนี่เองไม่ได้อยากขุดมันขึ้นมาจากก้นบึ้งในหัวใจ
“แกยังรักวายุอยู่ใช่มั้ย”
กึก!! ฮันนี่ถึงกับชะงักไปเล็กน้อยกับประโยคคำถามของอันดาที่เหมือนจี้จุดของเธอแถมยังเป็นประโยคที่เธอไม่เคยถามตัวเองเลยสักครั้ง
“ทุกอย่างผ่านไปแล้ว”
เสียงประตูห้องสโมสรนักศึกษาดังขึ้นโดยฝีมือของวายุที่พึ่งเดินเข้ามาได้เพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น เสียงดังของคูเปอร์จึงเอ่ยถามเพื่อนรักขึ้นมาทันที
ทำเอาเหล่านักศึกษาช็อปแดงที่กำลังนั่งทำงานอยู่ ต่างเงยหน้าขึ้นมาให้ความสนใจกับบทสนทนาระหว่างคูเปอร์และวายุเป็นตาเดียว
“ไอ้วายุ มึงไปสร้างเรื่องอะไรมาวะ”
“มึงเป็นเมียกูรึไง” น้ำเสียงเรียบเฉยที่แฝงไปด้วยประโยคประชดประชันตอกกลับคูเปอร์ ใบหน้าหล่อเหลาบ่งบอกถึงอารมณ์หงุดหงิดจนเห็นได้ชัด
“กูคงเป็นเมียให้มึงไม่ได้หรอก เพราะก่อนหน้านี้มึงประกาศปาว ๆ ว่ามึงมีเมียแล้ว”
“กูจะเป็นเมียมึงได้ไง!! ในเมื่อมึงพึ่งป่าวประกาศปาว ๆ ว่าตัวเองมีเมียแล้ว” น้ำเสียงกระแทกกระทั้นที่ฟังยังไงก็เหมือนกำลังหยอกล้อวายุไม่ปาน
“เฮ้อ!! น่ารำคาญฉิบหาย” วายุถึงกับพ่นลมหายใจออกมาเสียงดัง เบื่อเพื่อนรักของตัวเองไม่น้อยที่ทำตัวเหมือนเพื่อนผู้หญิงเข้าไปทุกวัน
“อ้าว!! ไอ้วายุปากดีฉิบหาย กูไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมสาวสวยคนนั้นถึงได้ต่อยหน้ามึง” มุมปากช้ำของวายุเป็นเครื่องยืนยันถึงข่าวลือว่าคือเรื่องจริง
“ข่าวเร็วดี” วายุเดาะลิ้นที่มุมปากที่มีบาดแผลเกิดจากหมัดเล็กของฮันนี่ สมองคิดวนแต่ภาพของเธอวนอยู่อย่างนั้น
“สรุปที่หวงตัวมาทั้งหมด ก็เพื่อผู้หญิงคนนี้ กูพูดถูกใช่มั้ย” ทุกอย่างเหมือนเป็นคำตอบที่สามารถไขข้อข้องใจ และข้อสงสัยของคูเปอร์ตลอดมาจนตอนนี้เขาได้คำตอบแล้ว
“ใครบอกมึง”
“ไอ้วายุ มองจากดาวอังคารก็รู้ ผู้หญิงสาว ๆ เข้ามาพลีกายให้มึงไม่ขาด แต่กูไม่เห็นว่ามึงจะสนใจใครเลยสักคน”
“รู้ดีกว่าตัวกู!! ซะอีกนะมึง อีกอย่างไม่เกี่ยวอะไรกับผู้หญิงคนนั้นเลยสักนิด” ไม่เกี่ยวกับฮันนี่เลยสักนิด สาเหตุที่เขาปฏิเสธผู้หญิงทุกคนเพียงเพราะเขายังไม่เจอคนที่ใช่ต่างหาก
“มึงมันโง่ไง ถึงโดนผู้หญิงทิ้งมาแบบนี้”
“ไอ้สัด!! เปอร์” ประโยคจี้ใจดำของคูเปอร์เรียกเสียงเกรี้ยวกราดของวายุได้เป็นอย่างดี
“มึงดูอย่างไอ้ฉลามสิ บังคับผู้หญิงมาเป็นเมียจนได้ ทำไมมึงไม่ทำแบบนั้นบ้างวะ” คูเปอร์บุ้ยปากไปทางฉลามที่กำลังนั่งดูรายละเอียดกิจกรรมอยู่ถึงกับเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนรักทั้งสองโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ
“นั่นไอ้ฉลาม นี่กูครับ”
“มึงไม่ทำ?” คูเปอร์เลิกหางคิ้วเป็นเชิงถามวายุเหมือนกำลังท้าทายและต้องการคำตอบจากปากของวายุ
“กูไม่ทำเรื่องปัญญาอ่อนแบบนั้น เด็ดขาด!!” ไม่มีทางที่เขาจะทำวิธีเดียวกับฉลามเด็ดขาด ถ้าหากเขาจะมีเมียผู้หญิงคนนั้นต้องวิ่งตามเขาเท่านั้น