“ทำหน้าเหมือนไม่ได้ขี้มาหลายวัน” เมื่อโฬมที่นั่งรอใต้ตึกคณะสถาปัตย์เห็นฮันนี่เดินเข้ามาเป็นอันต้องเอ่ยทักทายเย้าแหย่ เนื่องจากใบหน้าที่แสดงอารมณ์ของฮันนี่กับอันดาต่างกันคนละขั้ว
“แกก็หันไปถามเพื่อนแกสิ” ใบหน้าบึ้งตึงของฮันนี่บุ้ยปากไปทางอันดาที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มของคนกำลังมีความรัก
“อ้าว!! แล้วฉันไม่ใช่เพื่อนแกรึไง” อันดาแว้ดเสียงใส่ฮันนี่ทันที เมื่อได้ยินประโยคคำพูดของเพื่อนรักตัวเอง
“ฉันอยากจะตัดเพื่อนกับยายอันดาจริง ๆ ชอบบังคับให้ฉันไปคณะวิศวกรรมอยู่ได้”
“ไม่ดีรึไง? แกจะได้มีแฟนคณะวิศวะ” มาร์ชที่นั่งข้างโฬมเอ่ยแซวฮันนี่ด้วยใบหน้าล้อเลียน
“ฉันไม่ชอบผู้ชายเรียนวิศวะ!! อย่างฉันต้องบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้นย่ะ” น้ำเสียงเด็ดขาดของฮันนี่ประกาศจุดยืนของตัวเองออกมาชัดเจน เธอไม่ต้องการมีแฟนเป็นหนุ่มวิศวะ และยิ่งเจอนายวายุ ยิ่งทำให้เธอแขวนชื่อคณะต้องห้ามเอาไว้แน่นหนากว่าเดิม
“หมอนิติเวชเป็นไง” ใบหน้าทะเล้นของอันดาพูดแทรกขึ้น หวังให้ฮันนี่แว้ดเสียงใส่เธอ แต่ทุกอย่างเหมือนตรงกันข้าม เมื่อฮันนี่รับได้หากตัวเองต้องมีแฟนเป็นหมอผ่าศพ
“ก็ดี!! อย่างน้อยก็หมอ ไม่ใช่วิศวะ”
“นี่แกมีอะไรกับผู้ชายวิศวะรึเปล่าวะ? หรือเคยถูกหนุ่มวิศวะหักอกมา” มาร์ชที่นั่งสังเกตสีหน้าของฮันนี่อยู่นานเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะปกติฮันนี่ไม่ได้แอนตี้อะไรง่าย ๆ ผิดไปจากครั้งนี้ที่ดูเหมือนว่าฮันนี่จะค้านหัวชนฝา
“เหอะ!! จะบ้าเหรอ ? ต้องเป็นฉันสิ ที่หักอกเขา” แววตาคู่สวยสั่นไหวครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมาเป็นปกติ เมื่อได้ยินคำถามของเพื่อนรักที่เอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง
“นั่น!! แสดงว่ามี” อันดาหรี่ตาจับผิดอาการเลิ่กลั่กของฮันนี่เหมือนสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้นกับเพื่อนรัก
“มะ ไม่ พวกแกก็พูดมั่ว ถ้าขืนพูดมากไปกว่านี้ เข้าเรียนช้าระวังอาจารย์พิรุธนะเว้ย” เมื่อเริ่มถูกเพื่อนจับผิดมากขึ้น ฮันนี่เดินหนีขึ้นตึกเรียนทันทีโดยไม่หันกลับมามองเพื่อนรักของตัวเองที่ยืนร้องเรียกเธอดังลั่น
“เดี๋ยว !! ฮันนี่ กลับมาคุยกับพวกฉันก่อน”
“ทำไม ทำไม ต้องเป็นแบบนี้” เสียงเอะอะโวยวายของฮันนี่ดังขึ้น หลังจากที่อาจารย์ประจำคณะเดินออกจากห้องเรียนไป มือเล็กยกขึ้นยีผมสั้นของตัวเองจนยุ่งเหยิง
เมื่ออาจารย์ประจำคณะแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับกิจกรรมของมหา’ลัยที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้
เรื่องกิจกรรมว่าหนักใจแล้ว แต่ที่หนักใจไปมากกว่านั้นคงหนีไม่พ้น กิจกรรมที่ต้องทำร่วมกับคณะวิศวกรรมนี่แหละ
“ร่วมกิจกรรมกับคณะวิศวกรรมดีจะตาย” อันดายิ้มแก้มปริ เมื่อรู้ว่าคณะของเธอได้ทำกิจกรรมร่วมกับคณะของแฟนหนุ่มตัวเอง เป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับเธอไม่น้อย เพราะช่วงนี้เธอรู้สึกว่า ตัวเองติดฉลามแฟนหนุ่มยิ่งกว่าอะไรดี
“ดีตรงไหน ?” หัวคิ้วเรียวสวยขมวดกันเป็นปม เมื่อได้ยินประโยคคำพูดของอันดาที่ดังข้างหูของเธอ
“วิศวะสามารถทุ่นแรงเราได้นะ”
“อยากอยู่ใกล้ผัวก็บอกย่ะ” ฮันนี่เบะปากใส่อันดาด้วยความหมั่นไส้ เหม็นกลิ่นความรักที่ลอยอยู่รอบตัวของอันดาจนต้องเบะปาก เหลือบตามองด้วยความเอือมระอา
“ฮันนี่ ทำไมแกแสนรู้แบบนี้วะ”
“ฉันไม่ใช่หมา”
“หยุดเถียงกันแล้วรีบกลับคอนโดกันเถอะ” หลังจากหมดคาบสุดท้ายของวัน โฬมที่เห็นฮันนี่และอันดากำลังจิกกัดกันเบา ๆ เป็นอันต้องรีบห้ามเอาไว้ก่อน เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่ได้กลับไปพักที่คอนโดเป็นแน่
“ไม่ลงไปส่งฉันที่คณะวิศวกรรมจริง ๆ เหรอ” อันดาที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับภายในรถยนต์ของฮันนี่ที่ขับมาส่งเธอหน้าคณะวิศวกรรมเพื่อรอฉลามแฟนหนุ่มของเธอ เป็นอันต้องกะพริบตาปริบ ๆ เพื่อออดอ้อนให้ฮันนี่ลงจากรถไปนั่งรอเป็นเพื่อนเธอ
“อันดาแกรีบลงไปได้แล้ว ก่อนที่ฉันจะถีบแกลงจากรถ” ฮันนี่เหลือบตามองอันดาครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะกวาดตามองไปโดยรอบคณะวิศวกรรมที่ตอนนี้ยังคงมีนักศึกษาอยู่กันหนาแน่นไร้ซึ่งกังวลว่าอันดาจะเกิดอันตรายเหมือนที่เคยเจอมา
“โหดจังวะ?”
“รีบลงไปได้แล้ว ก่อนที่ฉลามจะถูกผู้หญิงคนอื่นคาบไปแดก” ตากลมโตของฮันนี่สะดุดเข้ากับกลุ่มของหนุ่ม ๆ ร่างสูงที่สวมช็อปแดง และหนึ่งในนั้นมีฉลามแฟนเพื่อนของเธอ ที่กำลังเดินมาทางนี้
“เฮ้ย!!จริงด้วย งั้นฉันไปก่อนนะแก ขอบใจมาก พรุ่งนี้เจอกัน” อันดารีบวิ่งลงจากรถของฮันนี่ทันที เมื่อเห็นว่า มีผู้หญิงกำลังจ้องมองแฟนหนุ่มของตัวเองท่าทางเคลิบเคลิ้ม
เพียงแค่เห็นการกระทำของเพื่อนรักตัวเอง ทำให้ฮันนี่ถึงกับส่ายศีรษะตัวเองเบา ๆ ยอมรับได้เลยว่า อันดาจัดเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่มีคนรักที่ดีอย่างฉลาม
เพราะตั้งแต่ฉลามและอันดาคบกันมา เธอเห็นแววตาของฉลามนั้นเต็มไปด้วยความรักที่มอบให้กับอันดา จนบางครั้งเธอเองกลับรู้สึกว่า ตัวเธออยากมีความรักที่ดีแบบนี้บ้างสักครั้ง
“เฮ้ย!!” ฮันนี่อุทานเสียงดัง เมื่อได้ยินเสียงประตูรถของเธอที่กำลังมีคนขึ้นมานั่งด้านข้างปิดลงเสียงดัง เรียกสติที่กำลังหลุดลอยให้กลับมา หลังจากที่เธอนั่งเหม่อลอยครุ่นคิดเรื่องของเพื่อนรักจนลืมล็อกประตูรถยนต์
“คิดอะไรอยู่?” เสียงทุ้มต่ำของวายุเอ่ยถามฮันนี่ขึ้น เมื่อเห็นหญิงสาวนั่งเหม่อลอยเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
“นายขึ้นมาบนรถฉันทำไม” ฮันนี่หรี่ตามองหน้าวายุด้วยความงุนงง จู่ ๆ ผู้ชายที่เธอไม่อยากเจอหน้าตอนนี้กลับมานั่งอยู่บนรถยนต์ของเธอเสียได้
“รถเสีย” ใบหน้าเรียบเฉยที่แววตาแฝงไปด้วยความกวนประสาทตอบกลับหญิงสาวที่กำลังนั่งงุนงงอยู่ด้านข้าง
“แล้ว ?”
“ไปส่งคอนโดหน่อยดิ”
“นี่นายวายุ ฉันไม่ใช่แท็กซี่นะ” เมื่อเธอได้คำตอบจากชายหนุ่ม ฮันนี่แว้ดเสียงแหลมใส่วายุทันที ไม่เข้าใจในการกระทำของผู้ชายคนนี้เลยสักนิด แถมยิ่งเห็นหน้าผู้ชายคนนี้ ยิ่งทำให้เธอหงุดหงิดใจขึ้นมาอีกครั้ง
“รีบขับ หรืออยากให้ผมอยู่กับเธอนาน ๆ” วายุยกยิ้มมุมปาก แววตาคมคู่นั้นยังคงจดจ้องมองใบหน้าสะสวยของฮันนี่ไม่วางตา
“ไอ้บ้า!! ลงจากรถฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ” ใบหน้าสวยเริ่มแดงก่ำไปด้วยความโมโห ตรงกันข้ามกับวายุที่ดูนิ่งไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ แสดงออกมา
“ไปส่งผมหน่อย”
“ไม่!! ฉันแสดงออกว่าไม่ชอบนายขนาดนี้ นายมองไม่ออกเหรอวะ?” ฮันนี่ค้านเสียงแข็ง ยังไงเธอไม่มีทางไปส่งผู้ชายคนนี้แน่นอน บวกกับนิสัยและอารมณ์โมโหของเธอที่พูดโพล่งความรู้สึกของตัวเองออกมา แต่คำตอบที่ได้ ทำให้ความโกรธปะทุจนลมออกหูด้วยความเกรี้ยวกราด
“เหรอ? ผมก็ไม่ชอบหน้าเธอเหมือนกัน”
“นี่นายวายุ!! นายกวนตีนฉันเหรอ?” เธอไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้จริง ๆ ก่อนหน้านี้ทำเหมือนไม่อยากเข้าใกล้เธอ เหมือนไม่ชอบขี้หน้าเธอด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้กลับบอกให้เธอไปส่งคอนโด ซึ่งเขาสามารถให้เพื่อนตัวเองไปส่งก็ได้
“หึ!! เธอน่ากวนตีนไง” น้ำเสียงเนือย ๆ ตอบกลับหญิงสาวด้วยใบหน้าที่ยังคงเรียบเฉยเหมือนกำลังยั่วยุอารมณ์ของฮันนี่อยู่ไม่ปาน
“ไอ้วายุ!!”
“อย่าขึ้นเสียง ถ้าไม่อยากปากแตก” น้ำเสียงเย็นยะเยือกเอ่ยเตือนหญิงสาวที่ตะคอกใส่เขาด้วยความโกรธจนไม่สามารถยับยั้งอารมณ์ของตัวเองได้
“นี่นายจะต่อยฉันเหรอ?”
“หึ!! เธอคิดว่าไง” รอยยิ้มมุมปาก แววตาคมจ้องมองปากอมชมพูของฮันนี่ไม่ละสายตา จนเธอรู้สึกได้รีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเองทันที เพราะเธอรู้ว่า ผู้ชายอย่างวายุไม่เคยพูดหรือแค่ขู่ให้กลัว
“โอ๊ย!! นี่ฉันไปเดินเหยียบหางนายมารึไง ไอ้บ้า”