บรรยากาศที่บ้านนฤนาทไมตรีกำลังคุกรุ่นด้วยโทสะของหญิงสูงวัยผู้เป็นเจ้าของบ้าน ผู้ซึ่งกาลเวลาที่ผ่านมาไม่อาจทำลายความสวยงามบนใบหน้าที่ยังมีมาตั้งแต่วัยเยาว์ หญิงผู้นี้ก็คือคุณหญิงวันดีประมุขของที่นี่ ตอนนี้ร่างของเธอกำลังสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ เพราะบุตรชายเพียงคนเดียวกำลังจะทำในสิ่งที่เธอไม่เห็นด้วย
“หยุดความคิดนี้ซะเถอะตาธีย์ แม่ไม่เห็นด้วย ถ้าเราอยากจะดูแลเด็กยากไร้ผ่านมูลนิธิอื่นแม่ไม่ว่า แต่นี่อะไรจะมาตั้งมูลนิธิเอง มันต้องใช้เงินอีกเท่าไหร่ เลิกความคิดนี้ไปได้เลยนะ” คุณหญิงวันดีตำหนิความคิดที่จะจัดตั้งมูลนิธิเพื่อเด็กยากไร้ของธีย์เทพบุตรชายเพียงคนเดียวของท่าน
“แต่คุณแม่ครับ มูลนิธิที่ผมกำลังจะตั้งขึ้น มันช่วยเด็กได้อีกหลายชีวิตเลยนะครับ” ธีย์เทพรู้สึกเศร้าใจ เขามั่นใจว่ามารดาต้องยับยั้งอย่างเต็มที่แน่นอน แต่เมื่อเห็นอาการของท่านตอนนี้ เขาแทบจะไม่มีหวังได้ทำตามใจปรารถนาเลย
“แล้วไงล่ะ อยากเลี้ยงลูกของคนอื่น มัวแต่ทำงานการกุศล แล้วเมื่อไหร่แม่จะได้อุ้มหลานซักที” ใบหน้าของคุณหญิงวันดียังบ่งบอกชัดถึงความไม่พอใจ นี่เธอต้องรออีกถึงเมื่อไหร่ บุตรชายของเธอจึงจะยอมมีหลานให้เธอ
“มันไม่ใช่อย่างที่คุณแม่คิดนะครับ แค่ผมยังไม่เจอคนที่คิดว่าอยากจะอยู่ด้วยก็แค่นั้น มันไม่เกี่ยวกับเรื่องมูลนิธิที่ผมกำลังจะทำอยู่เลยนะครับ” ธีย์เทพกลุ้มใจเป็นอย่างมากที่มารดาแปลเจตนารมย์ของเขาผิด
“ถ้าอยากทำมากก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนล่ะ” คุณหญิงวันดีผุดไอเดียขึ้นมาทันที บัดนี้แววตาของเธอเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์
“ข้อแลกเปลี่ยนอะไรครับ” ธีย์เทพขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“มีหลานให้แม่ แล้วแม่จะให้แกตั้งมูลนิธิตามที่แกต้องการ” คุณหญิงวันดียิ้มด้วยความเหนือกว่าอย่างชัดเจน
“จะมีได้ยังไงครับคุณแม่ในเมื่อผมไม่ได้คบใคร” ธีย์เทพประท้วงขึ้นมาทันที อยู่ดีๆ จะมีผู้หญิงคนไหนยอมมีลูกกับเขาโดยที่ไม่ได้รักกัน
“ไม่รู้ล่ะ ถ้าไม่ทำก็ไม่ต้องคิดเรื่องตั้งมูลนิธิเลยนะ รู้มั้ยว่าแม่ยอมแกแค่ไหนแล้ว แค่ที่แม่ขอแกทำให้แม่ไม่ได้เหรอ อ้อ..อีกอย่างหลานที่เกิดมาต้องมาจากวิธีธรรมชาตินะ ไม่ใช่อุ้มบุญ” ใบหน้าของผู้สูงวัยบ่งบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นอย่างแน่นอน
“แม่ครับ มันจะเป็นไปได้ยังไง” ธีย์เทพโวยวายขึ้นมาทันที เขาไม่เข้าใจมารดา ว่าทำไมต้องทำให้เรื่องทุกอย่างมันยุ่งยากขนาดนี้