เขารำคาญเสียงคร่ำครวญของสาวร่างอวบคนนี้ แต่เมื่อความต้องการพุ่งถึงขีดสุด เคลวินหยุดตัวเองไม่ได้ เขาหลับตานึกถึงวงหน้าอ่อนเยาว์นั่น แล้วเขาจึงมีอารมณ์สาวบั้นเอวให้เร็วขึ้น! แรงขึ้น! เคลวินกัดฟันเสือกเสยแก่นกาย สาดใส่ความกำยำของตนเองใส่ผู้หญิงร่านรักคนนี้ แค่การร่วมรักที่ดุเดือดสุดๆ เป็นความสุขที่ผู้ชายไม่คิดปฏิเสธ เขาทุ่มเทแรงที่มี สนองอารมณ์ร่านของสาวแปลกหน้า เพื่อปลดปล่อยความกำหนัดที่สั่งสมไว้ในอก ก่อนที่จะระเบิดเพราะความปรารถนาที่มีกับผู้หญิงอีกคน
“...” ไม่มีเสียงครวญครางตอนที่ตนเองปลดปล่อย
เขาไม่รู้จักเธอ ไม่รู้แม้แต่ชื่อ เคลวินไม่เข้าใจตัวเองนัก เขาติดใจอะไรกับผู้หญิงที่พบเจอแค่ครั้งเดียวนักหนา
ริมฝีปากสีสดเผยออ้า “อ่า อูยยยย อ่าว์...” หล่อนครางเสียงระรัว เมื่อถึงฉิมพลีพร้อมกับเคลวินเช่นกัน
เคลวินทิ้งตัวนอนแผ่ เขาจ้องเพดานเหมือนมองเห็นของประหลาด
“คุณกำลังคิดถึงใครอยู่เหรอ?” เสียงแผ่วพร่าจากคนด้านข้างถามเบาๆ
เคลวินสะดุ้ง!! เขาผุดลุกขึ้นนั่ง รูดอุปกรณ์ใช้แล้วทิ้งลงในถังขยะ แล้วก็ฉวยกางเกงผ้าที่ตกอยู่บนพื้นมาสวมช่วงล่าง
“ผู้หญิงคนไหนทำให้คุณกลุ้มใจได้คะ?” แม่สาวนางนั้นยังไม่ละความพยายาม หล่อนตั้งหน้าตั้งตาถามต่อ ผู้หญิงตาต่ำคนนั้นมองข้ามความความเฟอร์เพคของชายตรงหน้าเธอได้ยังไง ผู้ชายส่วนใหญ่ที่เธอเคยเจอ ส่วนมากไม่เอาไหน เป็นพวกบ้าพลัง กลิ่นตัวเหม็นเปรี้ยว และส่วนใหญ่เป็นพวกใช้แรงงาน พวกเขานิยมดื่มเหล้ามากกว่าการนอนกับผู้หญิง
“เปล่า!!” เคลวินปฏิเสธ เขากำลังโกหกตัวเอง และโกหกสาวแปลกหน้าด้วย
“แปลกนะคะ ท่าทางคุณไม่ได้บอกแบบนั้นสักหน่อย”
หญิงแปลกหน้าท้วง แล้วก็ไม่ใส่ใจที่จะตั้งคำถามต่อ หล่อนปล่อยให้เคลวินนั่งทบทวนความคิดของตัวเองเพียงลำพัง
ตอนที่ 5.เพื่อนเก่า
ลูน่าไม่คิดว่าจะบังเอิญเจอเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปีที่นี่ คงเพราะทะเลาะกับแฟนที่คบหากันอยู่ตอนนี้ ลูน่าเลยแวะร้านเหล้าเพื่อหาเครื่องดื่มย้อมใจ ก่อนจะกลับไปปรับความเข้าใจกัน
“เห้!! ไม่เจอกันนานเลยนะเคลวิน” เคลวินหรี่เปลือกตาลง เขาคุ้นหน้าแม่สาวตรงหน้าพิกล “อย่าบอกนะว่าลืมฉันแล้ว” ลูน่าท้วงเสียงแหลม
“คือ...คุ้นตาอยู่นะ แต่โทษทีเถอะ เรารู้จักกันด้วยเหรอครับ”
“นี่ มองฉันดีๆ มองฉันนานๆ หน่อย ฉันจะอภัยให้ถ้าคุณนึกออก” ลูน่าโยนความไม่สบายใจของตัวเองทิ้ง การเจอเคลวินไม่ใช่เรื่องง่าย หลังจากที่เขาขึ้นแท่นผู้บริหาร เพื่อนเก่าๆ ก็แทบไม่เคยเจอเขามาสังสรรที่ไหนเลย
“อ้อ นึกออกแล้ว ลูน่าใช่ไหม” เคลวินยิ้มมากขึ้น
ในรั้วมหาวิทยาลัยใครว่าไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก
เคลวินเถียงใจขาด มีการแบ่งระดับตามฐานะและลูน่าก็อยู่ในระดับเดียวกับเขา ถึงวาน ฮัสเซลท์จะไม่ใช่ตระกูลดัง แต่หลายปีมานี่ ธุรกิจผลไม้ส่งออก รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปก็ทำกำไรให้กับคนตระกูลนี้ได้อย่างมหาศาล ฐานการเงินเลยขยับขึ้นมาติดอันดับต้นๆ
“ว่างหรือไง ทำไมถึงนั่งคนเดียวละ” ลูน่าหย่อนก้นนั่ง
“ไม่ได้ว่างหรอก แค่มาหาที่คิดอะไรเงียบๆ” เคลวินตอบแล้วก็สั่งเครื่องดื่มให้เพื่อนเก่า
“เรื่องงาน หรือผู้หญิง” เคลวินเม้มปาก คำพูดของลูน่าสะกิดปมในใจ เขานึกถึงผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว
“ถ้าอยากไปเที่ยวสวนของพี่ชายเธอ ผมต้องติดต่อใครเหรอ?” เคลวินไม่รอช้า เขาจำได้ขึ้นใจ ผู้หญิงคนนั้นโดยสารรถบรรทุกที่ตีตราสวนมาโค หล่อนต้องเกี่ยวพันกับที่นั่นแน่
“อยากไปก็ไปได้เลย ไม่ต้องติดต่อใครเป็นพี่เศษหรอก มาโคเปิดสวนให้เข้าไปได้ตอนวันหยุดสุดสัปดาห์น่ะ”
“อือ น่าสนใจนะ”
“คนงานยุ่งอย่างคุณมีเวลาไปหรือไง” ลูน่าอดกระเซ้าไม่ได้ เคลวินแทบกลายเป็นหุ่นยนต์ เขาหยุดเที่ยว ตั้งใจทุ่มเวลาทั้งหมดให้กับงาน จนวันนี้เขาได้ทุกอย่างสมใจแล้ว
“ผมควรมีเวลาพักสมองบ้าง ไม่ใช่เหรอ”
ลูน่าเงยหน้าหัวเราะร่วน “นี่เคลวิน คุณรู้ไหม คนอื่นขนานนามคุณว่ายังไง”
“ว่าไงละ”
“เขาบอกว่าคุณแต่งกับงานไปแล้ว สาวๆ หมดหวังไปตามๆ กัน ฟานเดอเวลของคุณมีผู้หญิงต่อแถวรอยาวถึงหน้าสถานีรถไฟใต้ดินแล้วคุณรู้บ้างมั้ยละ”
เคลวินหัวเราะบ้าง “ผมไม่ได้ปฏิเสธผู้หญิงนะลูน่า เพียงแต่...”
“เพียงแต่อะไร!!” พอเคลวินหยุดพูด ลูน่าเลยอดใจไม่ไหวโพล่งถามเสียเอง
“ไม่อะไรหรอก ผมยังไม่เจอผู้หญิงที่ถูกใจไง”
“สเปกคุณเป็นไง แบบแม่อามาเลียนั่นเหรอไง” ใครๆ ก็รู้ดี คู่รักเก่าที่เคลวินคลั่งรักอย่างหนักคือ อามาเลีย ฟอนเทน ผู้หญิงที่สวยหยาดเยิ้ม และมีชื่อเสียงมาก
เคลวินพ่นลมหายใจผ่านช่องจมูก “ผมเลิกชอบผู้หญิงลักษณะนั้นนานแล้วนะ”
ลูน่าเอียงคอมอง ความผิดหวังทำให้เคลวินปิดกั้นตัวเอง
“ดีแล้ว!!” ลูน่าพูดสั้นๆ แล้วก็ฉวยแก้วบรั่นดีขึ้นมาดื่ม
“ว่าแต่คุณเถอะ ทำไมมาคนเดียว” เคลวินตอกกลับบ้าง คู่รักที่เดี๋ยวรัก เดี๋ยวเลิก ไม่พ้นลูน่ากับเอริค สองคนนี่คบกันนานถึงสามปี แต่ก็เลิกกันบ่อยๆ คงเพราะนิสัยที่แตกต่างกันแบบสิ้นเชิง เอริคเป็นลูกชายคนเดียวที่ต้องรับช่วงต่อกิจการของตระกูล เขาเลยให้งานเป็นอันดับแรก และลูน่าไม่พอใจ เธอคงอยากให้คู่รักสนใจตนเองมากกว่างาน
“ก็หมอนั่น ขัดใจฉันนะสิ” ลูน่ากระแทกเสียงตอบ
“ผู้ชายน่ะ งานสำคัญกว่าเสมอนะ” เคลวินเตือนในฐานะผู้ชายเหมือนกัน
“เหอะ!!” ลูน่ากระแทกลมหายใจใส่ “พี่ชายฉันก็พูดแบบนี้แหละ ตอนที่ยังไม่มีเมีย” ลูน่าเถียงกลับ
เคลวินเลิกหัวคิ้วขึ้นสูง เขาไม่เคยได้ข่าวสักนิดว่ามาโคพี่ชายลูน่าสละโสดตอนไหน
“พี่มาโคแต่งงานแล้วเหรอ”
“น้อยไปสิ ตอนนี้พี่ชายฉันมีลูกสองคนแล้ว” เวลาเกือบหกปีเขาพลาดเรื่องสำคัญไปหลายเรื่องเลย “ถ้าคุณไปที่นั่นคุณจะได้เจอกับทายาทอสูร” ลูน่าบ่นเสียงแข็ง น้ำเสียงนั่นไม่ได้บอกถึงความรังเกียจ หลานสาวและหลานชายคือศูนย์รวมความรักของวาน ฮัสเซลท์ นักท่องเที่ยวที่แวะไปที่สวนมาโคหลงเสน่ห์หลานตัวน้อยของเธอเกือบทุกคน
“ผมจะไปที่นั่น” เคลวินพึมพำ
“เมื่อไหร่ละ ฉันจะได้ไปด้วย คิดถึงหลานๆ แล้วเหมือนกัน”
วันเงินเดือนวิคแรกออก แม้จะถูกหักเพื่อคืนให้เพชรชมพู แต่รายได้ที่ข้าวขวัญได้ก็เยอะจนไม่อยากเชื่อ เธอโอนเงินให้ยายลำดวนเก็บไว้ใช้จ่าย และเก็บส่วหนึ่งไว้สำหรับปลูกบ้าน ข้าวขวัญวางแผนในใจคร่าวๆ หากเธอขยันทำโอทุกวัน วิคหน้าเธอคงได้ค่าจ้างเป็นกอบเป็นกำ และขยับเข้าใกล้ความฝันอีกนิดหนึ่ง
“ข้าว ไปซื้อของกันไหม?” ยุพินถาม พลางยิ้มแป้น
ร้านค้าที่สวนมีไว้ให้คนงาน เป็นความคิดของนิรดา เพื่อประหยัดรายจ่ายให้กับคนงาน พวกเขามาขายแรงที่ต่างแดนก็เพื่อให้คนในครอบครัวมีกินมีใช้ ดังนั้นอะไรที่ประหยัดได้ คนงานของเธอก็พากันประหยัด นิรดาที่เคยผ่านจุดนั้นมาแล้วเลยอยากช่วย
เธอสร้างร้านค้าที่มีกำไรนิดหน่อย พอให้จ้างคนงานดูแลร้านได้
นอกนั้นเธอไม่บวกกำไรอะไรเลย
ในร้านมีของขายเกือบทุกอย่าง รวมทั้งข้าวสารที่คนไกลบ้านคิดถึง มีทั้งของใช้ส่วนตัวแป้ง สบู่ ยาสีฟัน และผงซักฟอก รวมทั้งผ้าอนามัย ข้าวขวัญเดินวนรอบถุงข้าวสาร นึกถึงรสชาติคุ้นปากที่เคยกินเป็นอาหารหลัก พอเห็นราคาแล้ว ความอยากที่มีก็ลดน้อยลง เธอเก็บความอยากนั่นไว้ เก็บสตางค์ส่งให้ยายดีกว่า
ข้าวขวัญเพิ่งได้รับค่าแรงมาหมาดๆ เธอแบ่งเงินก้อนนั้นเป็นสัดส่วน เลยรู้ว่าตนเองเหลือเงินไม่มากนัก
“ยาคอบให้เธอเริ่มสอนภาษาคนงานตอนไหนเหรอ?” ยุพินกระซิบถาม เพราะอยากรู้จริงๆ
ข้าวขวัญส่ายหน้า “ไม่รู้สิคะ” ก่อนจะตอบเสียงอ่อยๆ
ยาคอบยังไม่ได้ระบุเวลาให้กับเธอ ข้าวขวัญก็ไม่กล้าออกตัว เธอกลัวว่าตนเองจะล้ำเส้น วันหยุดที่คนงานอยากพัก คงไม่มีใครสนใจเรียนรู้ภาษาของคนท้องถิ่น เพราะระยะเวลาทำงานสั้นๆ แค่สองเดือน