ความหลังที่ยังหลอกหลอน ตอนที่ 3

1258 Words
"พี่พอสนะพี่พอส! เวลาแบบนี้ยังจะมาหายตัวไปอีก เหลวไหลจริงๆ เลย" ปากบางพร่ำบ่นขณะที่มือข้างหนึ่งเพียรกดหมายโทรศัพท์ไปยังเลขหมายปลายทาง อีกมือก็กำพวงมาลัยบังคับทิศทางไปตามท้องถนน หัวใจของเธอร้อนรุ่มกระวนกระวายยิ่งกว่ามือ ตา และปากที่ทำงานสัมพันธ์กับความเร่งรีบแข่งกับเวลาและอะไรบางอย่างที่ดำมืดทมิฬซึ่งกำลังปกคลุมชีวิตของเธอ "โธ่เอ๊ย! พี่พอสไปไหนมาไหนก็ไม่บอกไม่ฝากใครไว้เลย ซองพลูจะเป็นบ้าอยู่แล้วนะ" ทั้งอาการ อารมณ์และความรู้สึกยามนี้บ่งบอกเช่นนั้นจริงๆ จะโทษใครดีล่ะในเมื่อเธอไม่ยอมง้างปากพูดกับเหมราชตั้งแต่ในวันนั้น จนเรื่องเลยเถิดเกินกว่าจะควบคุมมันได้ พอกลับมาอีกทีปรากฏว่าเขาก็หายตัวไปไร้ร่องรอย ติดต่อไม่ได้เลยแม้แต่สักช่องทางเดียว ยังความเครียดมาให้ผู้เป็นภรรยาซึ่งกำลังตกที่นั่งลำบากเช่นเธอยิ่งนัก เรื่องหึงหวงตอนนี้ตัดไปได้เลย ขอแค่ให้เจอเหมราชก็พอ มีเขาคนเดียวที่สามารถช่วยเธอได้ มีแต่เขาเท่านั้นที่จะสะสางเรื่องทั้งหมดและเปลี่ยนปัจจุบันให้เป็นปัจจุบัน ไม่ทวนย้อนลากเอารอยต่อของอดีตเข้ามาปะปน มันจะจบอย่างแท้จริง และสิ้นสุดตลอดไป "พี่พอส...โปษัณกลับมาแล้ว ทำไมพี่ไม่อยู่ช่วยซองพลู" เบรกรถทำงานกะทันหันตามแรงเหยียบของคนขับ หญิงสาวฟุบหน้าลงกับพวงมาลัยอย่างสิ้นหวัง โชคดีที่เป็นทางออกจากซอยบ้านเที่ยงๆ แบบนี้รถไม่ค่อยวิ่งขวักไขว่จึงปลอดภัยจากการถูกเฉี่ยวชน หฤทชนันท์หายใจหอบถี่กลั้นสะอื้นน้ำตาแห่งความพ่ายแพ้ไม่ให้รินไหล เมื่อเหลือตัวคนเดียว ทางออกที่มีก็เหลือแค่ต้องไปให้ไกลที่สุด จนกว่าจะติดต่อกับผู้เป็นสามีได้ จากประสบการณ์ที่เหมราชมักหายหน้าไปบ่อยๆ พอจะคาดคะเนได้ว่าคงไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ ชายหนุ่มคงโผล่หัวกลับมาให้เห็น แต่ ณ ตอนนี้ เธอไม่มีเวลาเหลือให้รออีกแล้ว ใจหนึ่งยังวกพะวงไปถึงลูกน้อย ตั้งแต่ลืมตาดูโลกเธอกับเมอรีอาไม่เคยห่างกันเลย ลูกสาวคือหัวใจของเธอ คือหนึ่งเดียวที่ช่วยยึดเหนี่ยวให้อยากหายใจอยู่ต่อ ความกลัวหนึ่งกำลังเข้ามาเกาะกินเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ การห่างกับลูกชั่วระยะหนึ่งอาจป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับแกได้ อย่างน้อยก็ต้องป้องกันไว้ก่อน เมอรีอามีครอบครัวเธอคอยดูแล และคนบ้านั่นก็คงไม่ไปตอแยอะไรหรอกในเมื่อเด็กไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขา แต่คนที่ต้องหลีกลี้หนีไปให้พ้นก็คือเธอนี่แหละ นอกจากหนีแล้ว...ทางอื่นเห็นจะอับจนมืดมิด... "จะไปไหนดี..." ใบหน้าคมหวานผงกขึ้นจากวกมาลัยอีกครั้ง พยายามตั้งสติไม่ไห้เรื่องในครอบครัวและเหตุไม่คาดฝันเมื่อสี่วันก่อนมาบั่นทอนจิตใจ เพราะไม่อย่างนั้นแล้วเธอจะต้องพบกับความวิบัติยิ่งกว่านี้แน่ สรุปใจความได้ดังนั้นจึงเพ่งสมาธิกับการขับรถอีกครั้งหนึ่ง พาทั้งร่างกายและจิตใจอันชอกช้ำของตัวเองไปให้พ้นรัศมีอันตรายที่กำลังก้าวย่างเข้ามาในชีวิต หลายครั้งหลายหนตลอดการตัดสินใจจะหันหลังให้กับครอบครัวในครั้งนี้ เธออยากไปต่างประเทศเสียเลยให้รู้แล้วรู้รอด หากติดเรื่องครอบครัวจึงต้องหาทางออกแก้ขัดเอาตัวรอดไปพลางๆ ก่อน     หญิงสาวแวะซื้อของใช้ส่วนตัวและรับประทานอาหารในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งแถบชานเมือง อีกทั้งด้วยความเครียดกดดันจิตใจทำให้เธอคิดอยากหาที่พักใกล้ๆ บริเวณนี้ก่อน ยังไม่อยากขับรถต่อ แม้เร่งรีบแต่ก็ยังรู้สภาวะกำลังของตัวเองว่าเหนื่อยแรงอ่อนล้าแค่ไหน กำหนดการเดินทางนั้นยังไม่มีแน่ชัด ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอสถานที่ถูกใจก็อาจเก็บตัวเงียบๆ สักระยะ ให้คนบางคนหายบ้าและสำนึกได้ว่าอดีตมันก็คืออดีต และไม่ว่าจะทำอย่างไร ทุกอย่างก็ไม่อาจเรียกคืน ข้าวของพะรุงพะรังถูกนำใส่รถเข็นและเข็นออกมาที่รถเมื่อเสร็จการชอปปิงเบาๆ ก็กินเวลาไปแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง กระโปรงท้ายรถถูกเปิดและขนย้ายถ่ายเทนำของที่ซื้อมานำเก็บ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็เตรียมตัวเข้าประจำที่คนขับเพื่อจะได้เดินทางต่อจิตใจที่เลื่อนลอยและความที่คาดคิดไม่ถึงทำให้การระมัดระวังตัวลดน้อยถอยลง กว่าจะรับรู้ถึงความผิดปกติก็เมื่อถูกคุกคามจนไม่อาจป้องกันตัวได้เสียแล้ว... "ว้าย! นี่คุณ...เข้า...เข้ามาได้ยังไง ตามฉันมาทำไมเนี่ย!" หัวใจเต้นระทึกดังแข่งกับเสียงกรีดร้องของตัวเองเมื่อจู่ๆ ใบหน้าของใครคนหนึ่งก็โผล่มาจากด้านหลังแบบประกบชิด และสองแขนก็ถูกดึงรวบจองจำเพียงไม่กี่วินาทีต่อมาด้วยคนตัวใหญ่กว่า และรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณก่อนจะหันไปมองเสียอีกว่าเป็นฝีมือใคร "คิดจะหนีผมเหรอซองพลู ง่ายไปหน่อยไหม..." "ฉันไม่ได้หนี...ฉัน...ฉัน..." "โกหก...แสดงว่าผมทบทวนความจำไม่ถึงใจใช่ไหมถึงได้ดิ้นกลับไปหาไอ้พอสมันอีก" น้ำเสียงทุ้มห้าวเจือความเจ็บปวดและโกรธเคืองชัดเจนไม่ปิดบัง มือข้างหนึ่งรอบแขนเล็กไขว้หลังยึดไว้กับเบาะที่เธอนั่ง ส่วนฝ่ามือใหญ่อีกข้างคว้าบีบปลายคางให้หันตะแคงมาทางเขา "คุณมันบ้า!" หฤทชนันท์เค้นเสียงตะคอกกลืนน้ำลายลงคอด้วยความเจ็บจากการถูกคุกคาม ไม่คิดเลยว่าเขาจะตามมาเร็วขนาดนี้ เธอเพิ่งจะหาวิธีปลีกตัวกลับบ้านได้เมื่อวานแท้ๆ พอเตรียมตัวจะหลีกลี้หนีหายก็ถูกจับได้เสียแล้ว มิต้องถูกจองจำเช่นเดิมอีกอย่างนั้นหรือ "เพราะใครล่ะ แม่จอมหลอกลวง โกหก ปลิ้นปล้อน..." แรงบีบที่คางมนเกร็งเขม็งเข้าไปอีกจนหญิงสาวนิ่วหน้า เบ้าตากลมแดงก่ำพร้อมเสมอจะปล่อยหยาดน้ำใสๆ ไหลร่วงอาบแก้ม "นี่ปล่อยนะ เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว ทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิมแล้ว คุณไม่เข้าใจรึไง" "คุณหลอกผมซ้ำแล้วซ้ำอีกนะซองพลู ไหนบอกจะมาเยี่ยมลูกแล้วจะกลับไปหาผม..." "คุณก็รู้มันเป็นไปไม่ได้ ฉันมีครอบครัวแล้ว" "สารเลว!! มานี่!" เขาสบถพร้อมดึงตัวเธอจากที่นั่งคนขับให้มาอยู่ด้านหลัง เชือก และผ้าปิดปากถูกเตรียมพร้อมสำหรับพันธนาการหฤทชนันท์ไม่ให้แผลงฤทธิ์ จากนั้นก็ใช้ผ้าห่มผืนใหญ่คลุมทับไว้อีกทีไม่ให้เป็นที่สังเกตก่อนตัวเองจะข้ามไปทำหน้าที่พลขับเต็มตัว สายตาคมดุดุจพญาเหยี่ยวเหลือบมองเหยื่อตัวน้อยที่ดิ้นเอาตัวรอดทั้งที่รู้ว่าอับจนหนทางอย่างสาแก่ใจ ก่อนที่รถคันงามจะเคลื่อนตัวไปยังจุดหมายปลายทางที่ใครบางคนกำหนด และ...ใครบางคนได้แต่จำยอมโดยไม่อาจโต้แย้งขัดขืน กงกรรมกงเกวียนหมุนเวียนยอกย้อน เมื่อชะตาผูกมัดกัน ต่อให้อยากหลบหลีกเช่นไร...ก็ไม่อาจรอดพ้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD