ตอนที่ 1 พริกหวาน (2)

1375 Words
“สมัยไหนแล้วคะพี่นัย แค่คุยกันสองสามวันไปเที่ยวค้างคืนด้วยกันมีถมเถ เราสองคนหมั้นกันตั้งนาน ไม่เห็นจะแปลกเลย” ค้อนขวับใส่คู่หมั้นหนุ่มที่ไม่ยอมแตะต้องร่างกาย จะทะนุถนอมทำไม น้องเจนอยากเป็นของพี่นัยจะแย่อยู่แล้ว เขาช่างไม่รู้เลย “น้องเจนมีเพื่อนเป็นเจ้าของโรงแรมที่นั่น เราจองห้องพูลวิลล่าสวยๆ บรรยากาศดีๆ อยู่กันสองต่อสอง คงจะโรแมนติก น้องเจนจะเอาบิกินีไปเยอะๆ พี่นัยถ่ายรูปให้หน่อยนะ นะคะคนดีของน้องเจน” เจนจิรากุมมือใหญ่ ประจบเขาด้วยใบหน้าช่างอ้อน ภารนัยยิ้มจนฟันจะแห้ง ไม่อยากตอบรับ แต่ก็ไม่อยากปฏิเสธให้เจนจิราน้อยใจ “ขอยังไม่รับปากตอนนี้ได้ไหมครับ พี่ต้องรอดูตารางงานเดือนหน้าก่อน ตารางงานเดือนนี้ของพี่เต็มแน่นไม่มีวันหยุดเลยครับ” ข้ออ้างนี้ได้ผล เจนจิรายื่นปากงอน กอดอก สะบัดหน้าหนี “ไม่สนใจน้องเจนมากๆ ระวังเถอะค่ะ น้องเจนจะฟ้องป้าภา ไปพรุ่งนี้เลยดีกว่า ป้าภาจะได้ดุพี่นัย ที่พี่นัยมัวแต่ทำงาน!” ยกชื่อมารดาภารนัยมาข่มขู่ ให้เขารู้จักถนอมหัวใจหล่อนบ้าง ป้าภาให้ความรักและความเอ็นดูเจนจิราเสมือนลูกหลาน แค่หล่อนฟ้องนิดเดียว รับรองว่าป้าภาจะต้องเอ็ดลูกชายการใหญ่ “ถ้าเรื่องนั้นคุณแม่ของพี่ท่านรู้ดีครับ เพราะแม้แต่ท่านก็ได้เจอหน้าพี่แค่สัปดาห์ละครั้งสองครั้ง เวลานัดกินข้าวเย็นด้วยกัน” เฉลยคำตอบให้คู่หมั้นสาวทราบ ว่าฟ้องแม่เขาไปก็ไม่ได้ผล ตากลมโตคู่นั้นดื้อรั้นแสดงนิสัยเอาแต่ใจ กลอกตาไปมาก่อนเลื่อนมาหยุดที่ดวงหน้าคมคาย “คนบ้างาน น้องเจนงอนแล้ว!” “พริกหวานของคุณแม่ ไปหลบอยู่ตรงไหนนะ” ธารธารา คุณแม่วัยสาวอายุเพียงแค่ยี่สิบสองปี แกล้งมองไม่เห็นร่างเล็กกระจิดริดของลูกสาว หลบหลังกองพัสดุรอจัดส่งนับร้อยกล่อง ปกติแล้วธารธาราจะปิดประตูไว้ไม่ให้ลูกสาวเข้ามาวิ่งเล่น ป้องกันอันตรายจากของหล่นทับลูก และป้องกันไม่ให้ถูกพ่อของลูกบ่น แต่วันนี้จับไม่ทันจริงๆ ไวเหลือเกิน แพ็คของเสร็จเหนื่อยๆ เข้าครัวไปเอาอาหารลูกที่แม่บ้านทำไว้มาป้อน หนูพริกหวานวิ่งเข้าห้องเร็วเป็นพายุหมุน ก้นกลมๆ หายลับเข้ามาภายใน ซ่อนตัวมิดชิดไม่ให้แม่จับได้ แต่ซ่อนแบบไหนถึงส่งเสียงหัวเราะตามประสาเด็กมาให้ได้ยิน พื้นที่ในห้องรับแขกค่อนข้างกว้าง ถูกบีบอัดให้เล็กลงโดยชั้นวางของขนาดใหญ่ ซึ่งมีเสื้อผ้าแฟชั่นหลากหลายสไตล์วางเรียงเป็นเซต ให้สะดวกต่อการหยิบจับมาแพ็คลงกล่อง เวลาลูกค้าสั่งสินค้า อีกมุมหนึ่งของห้อง ระเกะระกะไปด้วยกล่องพัสดุเปล่าหลายขนาดกองสูง อุปกรณ์แพ็คสินค้าจำพวกปริ้นเตอร์ กระดาษ กรรไกรกองเต็ม รกและสกปรกไปบ้างตามธรรมดาของอาชีพแม่ค้าออนไลน์ ธารธาราพรีออเดอร์เสื้อผ้าแฟชั่นจากต่างประเทศมาขาย ไม่มีหน้าร้าน ขายเองง่ายๆ ในช่องทางโซเชียลมีเดีย ตอบเอง แพ็คเองทุกรายการ นางแบบไม่ได้จ่ายเงินจ้าง สวมชุดยืนถ่ายง่ายๆ หน้ากระจก ถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอ คำสั่งซื้อมีเข้ามาสม่ำเสมอ ไม่มาก ไม่น้อย พอมีรายได้พิเศษไว้ซื้ออาหารอร่อย กับเสื้อผ้าสวย ให้ลูกสาวตัวป่วน “หนีออกจากบ้านแล้วเหรอคะ จะไม่คิดถึงคุณแม่เหรอ” เล่นสนุกกับเด็กซน หลอกล่อให้หนูพริกหวานคลานออกมาด้วยตัวเอง เด็กน้อยส่งเสียงหัวเราะต่อเนื่อง ชอบใจที่แม่ตามหาไม่เจอ “กลับมากินข้าวก่อนได้ไหมคะ จะไม่มีแรงวิ่งหนีคุณแม่นะ” “มะ... กินค่ะ” เด็กวัยสองขวบหกเดือนปฏิเสธอาหาร ชอบกินขนมขบเคี้ยวมากกว่าอาหารเป็นมื้อ คุณพ่อตามใจหนูพริกหวาน ลูกแกล้งร้องไห้ไม่มีน้ำตาไหลออกมาสักหยด ตามใจไปหมด เอาขนมให้ลูกกิน แต่ถ้าวันไหนคุณแม่ป้อน หนูพริกหวานมักจะถูกบังคับให้กินเสมอ กว่าจะจับป้อนข้าวได้ วิ่งเล่นรอบบ้านไปซ่อนให้แม่หาจนเวียนหัว “ไม่กินเหรอคะ อร่อยนะ มีลูกชิ้นหมูยิ้มด้วย” ได้ยินว่ามีหมูยิ้ม วงหน้าเล็กยื่นออกมาจากข้างกองกล่องพัสดุ หนูพริกหวานอยากกินลูกชิ้นหมูยิ้ม แต่ไม่อยากกินข้าว ยิงฟันน้ำนมใส่คุณแม่ วางมือบนพื้นดีดตัวลุกขึ้นยืน สองเท้าเล็กวิ่งเตาะแตะออกไปนอกห้อง สนุกไปตามประสาเด็ก ให้คุณแม่ตามมาไล่จับ “พริกหวาน วิ่งหนีคุณแม่อีกแล้วนะคะ” แม่เหน็บกินขาลุกไม่ไหว เหตุเกิดจากนั่งแพ็คเสื้อผ้าเตรียมจัดส่งให้ลูกค้ากว่าครึ่งวัน ร่างกลมเล็กวิ่งเล่นไปรอบบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ โถงกลางบ้านตกแต่งสไตล์มินิมอล เปิดพื้นที่โล่งให้เด็กน้อยวิ่งเล่นได้ทั้งวัน มีกระทั่งสวนสนุกในบ้าน สไลเดอร์ ม้าหมุน บ้านลม บ้านบอล คิดดูเอง คุณพ่อของหนูพริกหวานตามใจลูกสาวมากแค่ไหน “พริกหวาน ไม่วิ่งไปหน้าบ้านนะลูก คุณพ่อยังไม่มา” การวิ่งไล่จับลูกสาวมาป้อนข้าว กลายเป็นกิจวัตรประจำวันสำหรับธารธารา ไม่รีบจับมาป้อนข้าวตอนนี้ก็ไม่ได้ อีกเดี๋ยวรถรับพัสดุจะมาที่บ้าน ใกล้เคียงกับเวลาที่พ่อของลูกเลิกงานแวะมาหาลูก เจอหน้าทีไรไม่ถามหรอก ธารธารากินข้าวหรือยัง ทำอะไร ถามถึงลูกสาวยอดดวงใจ กินข้าวหรือยัง อาบน้ำหรือยัง ลูกทำอะไรบ้าง คิดถึงเขาไหม ถามถึงเขากี่ครั้ง ตอบคำถามไม่หมดไม่ได้ พ่อของลูกเป็นตาแก่บ่นเก่ง บางวันฟังจนต้องยกมือไหว้กว่าเขาจะหยุดบ่น “พริกหวาน อย่าออกไป คุณพ่อยังไม่เลิกงานค่ะลูก” เด็กซนไม่ฟัง วิ่งหน้าตั้งไปรอรถพ่อที่หน้าบ้าน แม่บ้านเพิ่งกลับไปตอนห้าโมงเย็นลืมปิดประตูกระจก เลื่อนเปิดไว้รับลม หนูพริกหวานหลุดออกจากบ้านแต่ละที ไปไกลยิ่งกว่าไซบีเรียนฮัสกี้ ปล่อยเสียงเล็กหัวเราะอิ๊กๆๆ ผ่านฟันน้ำนมเรียงสวยครบทุกซี่ สนุกสนานกับการวิ่งเตาะแตะๆ ออกไปยืนบนสนามหญ้า “แม่แม่” เด็กหญิงกระโดดสูงชูมือขึ้นฟ้ารอให้แม่มาอุ้ม อยู่ในช่วงวัยฝึกพูด ชินปากเรียกพ่อพ่อกับแม่แม่ โลกทั้งใบของหนูน้อย “พริกหวาน” ธารธาราไล่ตามมาถึงประตูเข้าบ้าน ลูกสาวแสนซนจะวิ่งหนีไปประตูรั้ว ใจหายใจคว่ำ วิ่งไม่คิดชีวิตตามไปจับลูกกลับมา สะดุดขาตัวเองคว่ำหน้าล้มลงจับกบบนพื้นคอนกรีตแข็ง คนลูกซน คนแม่ซุ่มซ่าม อยู่ด้วยกันแต่ละวันมีแต่เรื่องบันเทิงเริงใจ สมกับที่คุณพ่อบ่นปวดหัว “แม่แม่” ลูกสาววิ่งเตาะแตะกลับมาหา คนแม่แหงนหน้าขึ้น น้ำตาไหลพราก ร้องไห้แง สบตาลูก ลูกก็น่ารักเหลือเกินวางฝ่ามือเล็กแปะลงบนหัวคุณแม่ เลียนแบบเวลาคุณแม่ปลอบหนูพริกหวาน “แม่แม่ เจ็บไหม” หนูพริกหวานนั่งย่อง มือเล็กแนบไปตามข้างแก้ม “ไม่ร้องไห้นะ พริกหวาน จะพา ไปหาคูมหมอ” “พริกหวาน คุณแม่เจ็บจังเลยค่ะ ฮือ” อ้าปากกว้างร้องไห้แงเป็นหนูพริกหวานสอง มองเลือดสดไหลออกจากแผลบริเวณหัวเข่า “เลือด เลือด ไปหาคูมหมอ” หนูพริกหวานฉลาด เข้าบ้านไปลากกระเป๋าของคุณแม่ออกมา “กา เป๋า” เข้าบ้านอีกครั้งคราวนี้ไปเอาขวดนม “แม่แม่ ปิดบ้าน คนจา ขโมยขนมพริกหวาน” หวงขนม กลัวคนมาขโมย โธ่ ลูกสาวคุณแม่ ธารธารามองหน้าลูก เจ็บจนลุกเดินเองไม่ไหว ยังคงร้องไห้โฮจนลูกต้องมากอดปลอบ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD