หลังจากที่ศักดาพยายามตื้อปริญจนเขายอมไปวัดด้วยกัน ศักดาก็พาเขามาหาหลวงตาที่วัดแห่งหนึ่ง หลวงตาท่านนี้เป็นพระที่ศักดาเคยมาบวชด้วยตอนอายุครบบวช
"นมัสการครับหลวงตา" ศักดาก้มลงกราบและสะกิดให้ปริญกราบหลวงตาตามเพราะปกติแล้วปริญไม่ใช่คนที่สนใจจะเข้าวัดทำบุญ เรื่องพระ เรื่องพิธีการอะไรไม่ต้องพูดถึง
เขาไม่รู้เรื่องเลย
"เจริญพรนะโยมเป็นยังไงมายังไงถึงแวะมาที่นี่ได้ โดยเฉพาะโยม" หลวงตาทักทายด้วยน้ำเสียงที่เมตตาและหันไปมองหน้าปริญ ปริญหันไปมองหน้าศักดาคล้ายว่าสงสัยนิดหน่อยที่หลวงตาเพ่งเล็งมาที่เขา
"คือเพื่อนผมไม่สบายครับหลวงตา หาสาเหตุไม่เจอไปหาหมอก็ไม่หายผมเลยคิดว่า..." ศักดาเล่าให้หลวงตาฟังแต่ยังไม่ทันเล่าหมด
"ของอะไรมันไม่มีหรอกนะโยม" หลวงตาสวนกลับมาก่อน
"เห็นไหมกูบอกแล้วขนาดหลวงตายังบอกไม่มีเลย มึงมันงมงาย" ปริญหันไปว่าเพื่อน
"มีแต่เวรกรรมทำกันมาเอง" หลวงตาต่อท้าย
"ยังไงครับเวรกรรม" ปริญสงสัย
"ก็โยมไปทำอะไรเขาไว้ล่ะ ลองนึกด้วยจิตตนเองดู" หลวงตามเมตตาสอน
"ไม่มีนะครับผมไม่เคยไปทำอะไรใครมาก่อน เจ้านายก็รักลูกน้องก็เกรงใจดี กับเพื่อนก็ปกติ" ปริญยังคงไม่รู้ตนหลงตัวเอง
"เขารักต่อหน้าแล้วลับหลังเขารักเราไหมโยม"
"หลวงตาช่วยบอกเอาบุญหน่อยเถอะครับให้พวกเราคิดเองคงนึกไม่ออกจริงๆ" ศักดาขอร้องหลวงตา
"คิดไม่ออกเพราะมันไม่มีไง มึงนี่แค่นี้ก็คิดไม่ได้" ปริญปากร้ายแม้แต่กับเพื่อนที่มาช่วยแต่ศักดาไม่ค่อยโต้ตอบเพราะหลายครั้งเวลาที่เดือนร้อนเรื่องเงินปริญมักช่วยเหลือเขาเอาไว้เสมอ
"กรรมมันติดอยู่ที่ปากโยมนั่นแหล่ะ" หลวงตาเริ่มเฉลย
"หมายความว่ายังไงครับหลวงพ่อ"
"โยมไม่ได้ไปฆ่าใครก็จริงแต่คำพูดที่ออกมาจากปากโยมมันฆ่าจิตใจเขา โยมไม่ได้ไปทำร้ายใครให้เจ็บตัวแต่คำพูดโยมมันไปทำร้ายให้เขาเจ็บที่ใจ"
"ผมไม่ได้ทำร้ายใครนะครับผมแค่พูดตรงๆ" ปริญนี่คือบัวสี่เหล่าที่แท้จริง
"ตรงๆกับพูดไม่ได้คิดไม่นึกถึงใจเขาใจเรามันต่างกันนะโยม" หลวงตาพยายามเทศสอนแต่เหมือนจะสอนไม่ขึ้นเท่าไร
"แล้วมันมีผลกับผมตรงไหนครับ" ปริญเริ่มหงุดหงิดเพราะไม่รู้สักที
"เขาก็สาปแช่งโยมเอาน่ะสิ คนๆหนึ่งผูกใจเจ็บเขาก็ก่นด่าทั้งพูดออกมาและในใจ คนเดียวก็ว่าแย่แล้วหลายๆคนร่วมกันสาปแช่งมันก็เกิดเป็นอานุภาพของการแช่งชักหักกระดูก หลายจิตที่ผูกพยาบาทร่วมกันถึงต่างกรรมต่างวาระแต่มีจุดมุ่งหมายเป็นคนคนเดียวกัน มันย่อมส่งผลได้รุนแรงนัก อย่างที่โยมกำลังเป็นนี่แหล่ะ"
"แล้วที่ผมฝันหมายความว่ายังไงครับ" เขาเริ่มคิดตามและพูดถึงความฝันกับหลวงตา
"แรงสาปส่งรุมสาปแช่งมันแสดงผลน่ะสิ บางคนไม่ว่าเปล่าเผาพริกเผาเกลือแช่งแบบโบราณว่าไว้" หลวงตาพูดมาถึงตรงนี้ก็มองไปทางศักดา
"แล้วผมต้องแก้ยังไงครับ" เมื่อหลวงตาพูดถึงเผาพริกเกลือสาปแช่งทำให้เขาต้องสะอึก น้ำเสียงเริ่มอ่อนลงเพราะความแปลกของความฝันมันอยู่ที่เขาตื่นขึ้นมาแล้วเจอพริกกับเกลือเกลื่อนที่นอน
"มาถึงตอนนี้จะทันอยู่หรือไม่นั้นเป็นเรื่องของบุญกรรมทำกันมานะโยม"
หลวงตาพูดเท่านั้นก็ให้ปริญไปเปลี่ยนชุดเพื่ออาบน้ำมนต์
"เอ้า! พนมมือ ตั้งจิตขอขมากรรมคนทั้งหลายที่เราเคยใช้วาจาล่วงเกินเขาเอาไว้นะโยม" หลวงตาบอกขณะที่ยกขันน้ำมนต์รดลงที่กลางกระหม่อมของเขา
............................................................................................................................................................................................................
หลังจากที่ปริญกลับมาจากวัดดูเหมือนคืนนี้เขาน่าจะนอนหลับได้ดีกว่าเดิมแต่...ยังคงฝันเช่นเดิม
เขาฝันว่าตนเองกำลังเดินอยู่ในสถานที่เดิม ถนนเส้นเดิมและยังคงเดินลุยบ่อโคลน รวมไปถึงอาการคันและแสบร้อนที่ผิวหนังเหมือนเดิม บางครั้งก็มีน้ำเหนียวๆหนืดๆเหมือนน้ำลายหยดลงมาที่ตัวเขาแต่สักพักก็มีน้ำสะอาดจากที่ไหนไม่รู้โปรยปรายลงมาเหมือนสายฝนชำระล้างตัวเขาที่เปรอะเปื้อนไปด้วยโคลนและยังช่วยล้างผิวหนังที่มีอาการคันแสบร้อนให้ดีขึ้นอีกด้วย แต่ถึงมีสายน้ำโปรยลงมาก็ใช่ว่าบ่อโคลนข้างหน้าจะไม่มี สักพักเข้าก็รู้สึกแสบร้อนที่ตาเหมือนมีคนกำพริกป่นมาปาใส่หน้าเขาทำให้เขามองทางไม่เห็น
"โอ้ยๆๆ" เขาละเมอมือไม้ปัดเป๋ไปมา
"ติ๊ดดดดด" เสียงนาฬิกาช่วยเขาเอาไว้ ปริญลืมตาขึ้นมาแล้วเอามือจับที่เสื้อ ตัวของเขาชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำจะว่าเป็นเหงื่อก็ไม่น่าเปียกได้ขนาดนี้
"ทำไมยังฝันอยู่หรือว่าสิ่งที่หลวงตาทำไม่ได้ช่วยเลย" นี่คือสิ่งที่เขาคิด
วันนี้อาการเขาแย่ที่สุด แย่จนถึงขั้นลุกแทบไม่ขึ้น พยายามจะกัดฟันลุกขึ้นแต่มันก็ไม่ไหวจริงๆ
"ตื๊ดดดดด" เสียงมือถือของเขาดัง
"ฮัลโหล" เขาเสียงหมดเรี่ยวแรงเต็มที เฮือกสุดท้ายพยายามฮึดมาหยิบมือถือ
"เป็นไงบ้างมึงดีขึ้นไหม" ศักดาโทรมาติดตามอาการด้วยความเป็นห่วง
"ไม่เลยว่ะ กู...ไม่ไหวแล้ว" ปริญพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าไม่ไหวแล้วจริงๆ
"ตอนที่หลวงตารดน้ำมนต์ให้ มึงได้ทำตามที่หลวงตาบอกไหม ที่ให้ตั้งจิตขออโหสิกรรม ถ้ามึงทำมันต้องดีขึ้นสิ" ศักดาสงสัยว่าคงไม่ได้ทำเพราะปริญเป็นคนไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ
"เฮออออ...ศักดา... กะกะกูขออโหสิกรรมนะมึง" ปริญครางเสียงยานคล้ายว่าเหนื่อยมากออกมาและพูดได้แค่นั้นสายก็เงียบหายไป
สิ่งที่ปริญคิดตอนที่รดน้ำมนต์คือ
"กูไม่ได้ทำอะไรผิดกูพูดตรงๆพวกมึงรับไม่ได้เอง"
..........................................................................................................................................................................................................
ติดตามตอนจบด้วยนะคะว่าผลของคนปากร้ายจะเป็นยังไงต่อ
วันนี้คุณทบทวนแล้วหรือยังว่าเผลอพูดไม่ดีอะไรกับใครไว้หรือเปล่า!