#วันที่3/5

877 Words
บ่ายแก่ๆ ใกล้เวลาเลิกงานของปราณัฐ หญิงสาวไม่ได้สวมชุดฟอร์มแล้ว แต่อยู่ในชุดเดรสสุดสวยที่พร้อมจะไปดินเนอร์กับดิมิทรี เขาคอยปลอบเธอจนเธอหยุดร้องไห้ และสามารถเข้าประชุมได้ในตอนบ่ายที่ผ่านมา เขาเป็นเพื่อนที่นะ แม้เขาจะไม่เคยเป็นคนรักที่ดีก็ตาม เหลือเวลาอีกมากโขกว่าจะถึงเวลามื้อค่ำ เธอจะไปหาของหวานกินเสียหน่อย มันรู้สึกหดหู่ใจชอบกล อยากได้อะไรหวานๆ อยากได้น้ำตาลมาเติมความสดชื่น ปราณัฐเดินออกจากห้องทำงาน กะว่าจะลงไปห้องอาหารที่ชั้นล่างเพื่อหาขนมเค้กกินสักชิ้น เลยจำขึ้นได้ว่ายังไม่ได้โทรหาน้องสาว “ฮัลโหล ทำอะไรอยู่เหรอ” ถามน้องตอนอยู่ในลิฟต์โดยสาร มันกำลังเคลื่อนที่ลงข้างล่าง “ทำงานสิพี่ มีอะไร” “เปล่า คือ...ค่ำนี้มีนัดหรือเปล่า” “ไม่มีนะ ทำไม” “ออกมากินข้าวด้วยกันสิ อีตาดอมเลี้ยง เปรี้ยวปาก อยากกินเหล้าด้วย” “โอย...ไม่เอา ขี้เกียจออกจากบ้าน” “แกต้องมา เพราะถ้าฉันเมาเดี๋ยวอีตาดอมมันปล้ำ” “โอ๊ย...อะไรของพี่เนี่ย” “นั่นแหละ ต้องมานะ” “โอเคๆ ทุ่มหนึ่งจะไปแล้วกัน” “เออๆ แต่งตัวสวยๆ นะเว้ย ไปผับนะไม่ได้ไปวัด อย่าใส่แว่นคุณป้านะ ฉันขอล่ะ สายตาสั้นรึก็เปล่า” “โอยพี่...ก็มันติดตอนใส่ทำงาน พี่เป็นแม่หรือเป็นพี่เนี่ย สั่งจริงๆ” “เถอะน่า เจอกันทุ่มหนึ่งที่ร้านเดิมนะ กินข้าวเสร็จแล้วค่อยไปต่อ” “ค่า...” พอวางสายน้องสาว ลิฟต์ก็ถึงที่หมายพอดี ปราณัฐกำลังจะเลี้ยวขวาเพื่อตรงไปยังห้องอาหารไทย ทว่าบุรุษร่างสูงใหญ่คนหนึ่ง ขวางทางเธอไว้ “ขออภัยครับมิส” “เอ้า? คุณเป็นการ์ดของชีคนี่นา” “ครับมิส คือว่า... ปราณัฐเดินนำหน้าการ์ดของชีคอลัญมายังห้องพักของเขา ตามคำบอกเล่าของการ์ดร่างยักษ์ทำให้เธอรู้ว่า ท่านชีคผู้แลดูสมบูรณ์แบบก็มีข้อเสียเหมือนกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือความดื้อรั้นเอาแต่ใจ “ฉันจะเอาเข้าไปเองค่ะ” เธอบอกการ์ดแล้วถือถาดอาหารเข้าไปในห้อง เขาไม่ได้อยู่ด้านนอกตรงห้องรับแขก ประตูห้องนอนที่เปิดแง้มไว้ทำให้รู้ว่าเขาอยู่ข้างใน และเพิ่งวางสายโทรศัพท์จากใครบางคน “ทำไมต้องมุ่นคิ้วตอนเห็นฉันด้วยละคะ” ถามคนที่นั่งอยู่บนเตียง ยกถาดอาหารและเครื่องดื่มวางลงข้างเขา แสงไฟในห้องเป็นสีเดียวกับเปลวเทียน มันไม่ได้สว่างมากมาย แต่สามารถสร้างความโรแมนติกได้อย่างเหลือเชื่อ “ก็ไม่นึกว่าเจ้าจะมา” “ฉันคงไม่มาหรอกค่ะ ถ้าการ์ดของคุณบอกฉันว่าคุณกินข้าวกินปลาและกินยาเรียบร้อย” เธอนั่งลงข้างถาดอาหาร ดึงเอาช้อนกับส้อมออกจากผ้าที่พับห่อมันมา อลัญหน้างอหงิก ก็นึกว่าหล่อนมาเพราะห่วงใยเขาเสียอีก “พวกนั้นช่างเจ้ากี้เจ้าการ ไม่ใช่ธุระสักนิด ขออภัยหากพวกเขาไปรบกวนเจ้า” “ช่างเถอะค่ะ เราเลิกคุยกันดีกว่า คุณจะได้กินมื้อเที่ยงเสียที หรือจะเรียกว่ามื้อค่ำดีนะ” เธอว่าแล้วโปรยยิ้มสดใส อลัญแทบไม่ละสายตาจากใบหน้าเธอ “เราจะกินถ้าเจ้ากิน” ปราณัฐหน้าเง้าบ้าง “แต่ฉันมีนัดดินเนอร์กับเพื่อน ถ้าฉันกินกับคุณตอนนี้...” อลัญหน้าตึง ผินหน้าหนี “เราไม่หิว เจ้าไปเถอะ” “ค่ะ งั้นฉันไปนะคะ” ว่าแล้วตั้งท่าจะลุกยืน แต่อลัญกลับคว้าแขนเธอไว้ “เราไม่รู้จะกินอะไร เราหงุดหงิดอย่างไม่รู้สาเหตุ” “เพราะเจ็บแผลมั้งคะ” บอกเขาแล้วจับมือเขาออกจากท่อนแขน อลัญดูหงุดหงิดอย่างที่เขาว่า ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ เมื่อเช้าก็ยังดีๆ เอ...หรือว่าจะเป็นเพราะตอนนั้น ที่เธอไปกับดิมิทรี อย่าบอกนะว่าเขาหึง และหึงแบบไม่รู้ตัวด้วย “เจ้ายิ้มอะไร” “คะ?” “ก็เจ้ายิ้ม” “เอ่อ...ก็ได้ กินก็ได้ค่ะ แต่ว่ามันมีแค่จานเดียว” ว่าแล้วมองจานสเต๊กในถาด มันมีจานเดียวก็จริง แต่ก็จานใหญ่พอสมควร “เรากินหนึ่งคำ เจ้ากินหนึ่งคำ ไม่งั้นเราไม่กิน” “คุณช่างเป็นชีคจอมบงการ” “หึๆ เราจะถือว่านั่นคือคำชม เอาละ เจ้าป้อนเราได้แล้ว เราหิว” “ฮะ? ป้อนหรือคะ” “ก็เท้าเราเจ็บ ความเจ็บปวดมันวิ่งไปตามกระแสเลือด จนเรา...ไม่มีแรงจะหั่นเนื้อ” เขาว่าแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ ปราณัฐส่ายหน้าระอา หยิบเอาส้อมกับมีดมาแล้วเริ่มหั่นสเต๊กเนื้อ จิ้มเข้าปากเขาหนึ่งคำ สลับกับป้อนตัวเองหนึ่งคำ กินไปกินมาเธอเลยต้องโทรไปยกเลิกนัดกับดิมิทรี และขอแก้ตัวด้วยการเลี้ยงเหล้าเขาในรอบดึกแทน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD